ด้วยประสบการณ์ในวงการภาพยนตร์กว่าสามสิบปี จอห์น สตีเวนสัน ได้ใช้ทักษะที่หลากหลายในทุกโปรเจ็กต์ ซึ่งล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงสายตาอันเฉียบคมและความคิดสร้างสรรค์อันไม่หยุดยั้งของเขา การเดินทางในฐานะผู้กำกับร่วมของ Kung Fu Panda เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2003 สตีเวนสันที่ทำหน้าที่สองอย่างให้กับดรีมเวิร์คส์ในช่วงปี 2004 และ 2005 ได้กำกับสี่เอพิโซด (และเขียนสตอรี่บอร์ดให้กับอีกหลายเรื่อง) ของซีรีส์แอนนิเมชั่นยอดนิยมเรื่อง The Father of the Pride ที่พากย์เสียงโดยจอห์น กู๊ดแมนและเชอริล ไฮน์
ก่อนหน้านั้น สตีเวนสันได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเรื่องราวที่พีดีไอ/ดรีมเวิร์คส์ในพาโล อัลโต, แคลิฟอร์เนีย โดยเขาได้ทำหน้าที่นักวาดภาพเรื่องราวให้กับภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ของดรีมเวิร์คส์เรื่อง Shrek, Shrek 2 และ Madagascar ระหว่างทำงานอยู่ที่นั่น เขาได้สร้างสตอรี่บอร์ดให้กับภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเรื่อง Spirit: Stallion of the Cimarron ที่พากย์เสียงโดยแมต เดมอนและจอห์น ครอมเวล และ Sinbad: Legend of the Seven Seas ที่นำแสดงโดยแบรด พิตต์, มิเชล ไฟเฟอร์และแคทเธอรีน ซีตา-โจนส์ สตีเวนสันได้ทำงานในตำแหน่งนักวาดภาพเรื่องราวและที่ปรึกษาให้กับภาพยนตร์ปั้นดินน้ำมันของอาร์ดแมน แอนนิเมชั่นเรื่อง The Tortoise and the Hare ที่ยังไม่มีการสร้างขึ้น จอห์น เป็นสมาชิกคนสำคัญของคณะกรรมการพิจารณาทบทวนของพีดีไอ/ดรีมเวิร์คส์ เขาได้มีส่วนร่วมในงานสร้างโปรเจ็กต์ที่หลากหลาย และเขาก็ยังได้สอนในชั้นเรียนเกี่ยวกับกระบวนการเรื่องราวให้กับนักวาดภาพที่พีดีไอและไวด์ เบรน โปรดักชันส์ ที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโกด้วย
ในช่วงกลางถึงปลายยุค 90s สตีเวนสันได้ทำงานในทั้งภาพยนตร์และซีรีส์โทรทัศน์แอนนิเมชั่นหลายเรื่อง จอห์นได้พากย์เสียงให้กับตอนไพล็อตของซีรีส์ Mr. Baby ได้ออกแบบตัวละครให้กับซีรีส์ Toonsylvania ของดรีมเวิร์คส์ เทเลวิชัน และรับงานฟรีแลนซ์เป็นนักวาดภาพเรื่องราวและนักออกแบบตัวละครให้กับภาพยนตร์ของดรีมเวิร์คส์/พีดีไอเรื่อง Antz, ภาพยนตร์ของพิกซาร์เรื่อง Toy Story 2, ภาพยนตร์ของนิคเคลโลเดียนเรื่อง Fathead, ภาพยนตร์ของไวด์ เบรน/ฟ็อกซ์ที่ส่งตรงเป็นวิดีโอเรื่อง FernGully 2: The Magical Rescue, ผลงานของจิม เฮนสัน โปรดักชันเรื่อง Brats of the Dark Nebula รวมไปถึงการออกแบบภาพยนตร์วอลท์ ดิสนีย์เรื่อง George of the Jungle ในยุคนี้ เขารับหน้าที่ที่ปรึกษาฝ่ายครีเอทีฟอิสระให้กับซีบีเอส เอ็นบีซี วอลท์ ดิสนีย์ โปรดักชันส์ โคลอสแซล พิคเจอร์สและโพ กังฟูแพนด้ารโทซัว พิคเจอร์ส เขาได้ร่วมงานกับเฮนรี เซลิคในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเรื่องราวและฝ่ายผลิตให้กับทวิชชิง อิเมจ, อิงค์. ได้ควบคุมตัวแรดอนิเมโทรนิค (และวาดภาพสตอรี่บอร์ด) ในภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง James and the Giant Peach และกำกับเอพิโซดหนึ่งของซีรีส์ทางฟิล์ม โรมัน/ซีบีเอสเรื่อง The Twisted Tales of Felix the Cat
ในตำแหน่งสตาฟ ดีไซเนอร์/ผู้กำกับของโคลอสแซล พิคเจอร์สระหว่างปี 91 ถึง 95 สตีเวนสันได้ทำงานหลากหลายหน้าที่ในซีรีส์แอนนิเมชั่นเรื่อง Back to the Future และ Moxy - Pirate TV Show ได้สร้างสปอตโฆษณาให้กับเชียริโอส, ลิตเติล ซีซาร์สและปาร์คเกอร์ บรอส. และได้พัฒนารูปแบบและคอนเซ็ปต์รายการใหม่ๆ ให้กับนิคเคลโลเดียน/ซีบีเอส เขารับหน้าที่ผู้กำกับศิลป์ นักออกแบบตัวละครและนักวาดภาพเรื่องราวในซีรีส์ทางเซ็นทรัล เทเลวิชันของอังกฤษเรื่อง The Dreamstone ตั้งแต่ปี 89-91
อาชีพนักวาดภาพ นักวาดภาพประกอบ นักออกแบบตัวละครและผู้กำกับศิลป์ฟรีแลนซ์ทำให้เขาได้ทำงานหลากหลายโปรเจ็กต์ในสื่อเกือบทุกประเภท ได้แก่สวนสนุกวันเดอร์ เวิลด์ในอังกฤษและพิพิธภัณฑ์สำหรับเด็กแห่งโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย, แผ่นสอดสำหรับซิงเกิลเพลง Dear Jessie ของมาดอนนาภายใต้ไซร์ เรคคอร์ดส์, โฆษณาให้กับเป๊ปซี, เคลล็อกส์ ไรซ์ คริสปีส์และฟอสเตอร์ส เลเกอร์, ภาพยนตร์เรื่อง The Great Muppet Caper, The Dark Crystal, Labyrinth, The Little Shop of Horrors, The Raggedy Rawney และภาพยนตร์สั้นเรื่อง Strange Tangents รวมไปถึงซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง The Jim Henson Hour, Duckula และ Sion the Fox สตีเวนสันก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์/ตัวละคร การเขียนสตอรี่บอร์ดและการเชิดหุ่นแบ็คกราวน์ในซีรีส์ The Muppet Show ให้กับจิม เฮนสัน โปรดักชันส์