บาซ เลอร์มานโด่งดังไปทั่วโลกด้วยความสำเร็จจากผลงานหลายชิ้นทั้งภาพยนตร์, โอเปร่า, ละครเวที, ดนตรี, มัลติมีเดีย, และงานแสดงสดมากมาย ในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท Bazmark.Inq. และบริษัทในเครือทั้ง Bazmark Live และ Bazmark Music ซึ่งผลิตผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงตลอดเวลาบ่งชี้ให้เห็นถึงความสามารถของเลอร์มานที่เข้าถึงรสนิยมของผู้ฟัง และจับกระแสของมหาชนได้ถูกทางอยู่เสมอ
ภาพยนตร์เรื่อง Moulin Rouge! ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ของ เลอร์มาน ที่นำแสดงโดยนิโคล คิดแมน กับยวน แม็คเกร้กเกอร์ ที่เขาริเริ่มพัฒนางานสร้าง, ร่วมเขียนบทภาพยนตร์, อำนวยการสร้าง, และกำกับภาพยนตร์ ซึ่งเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาล Cannes Film Festival เดือนพฤษภาคม 2001 เมื่อออกฉายทั่วโลกก็เปิดตัวเป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับหนึ่งทั้งในอังกฤษ , ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, และสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากจะกวาดรายได้จากการฉายในโลกภาพยนตร์ทั่วโลกไปกว่า 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้วก็ยังกวาดรางวัลอันทรงเกียรติไปมากมาย รวมทั้งรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทเพลงหรือตลก, รางวัล Film of the Year Awards จากทั้งเวที National Board of Review และเวที Producers Guild of America และ รางวัลออสการ์ ที่แค็ทเธอรีน มาร์ติน ได้รับคือสาขาออกแบบสร้างสรรค์ฉากยอดเยี่ยม และสาขาออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (production and costume design จากที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากถึง 6 สาขารวมทั้งสาขา Best Picture ด้วย) เลอร์มานเองก็ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA nominations สาขา Best Director กับสาขา Best Screenplay และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขา Best Director ด้วย นอกจากนั้นเขายังบริหารงานอำนวยการผลิตอัลบั้มดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้ง 2 แผ่นซึ่งขายดีทั่วโลกกว่า 6 ล้านแผ่นจนคว้ารางวัลแพล็ทตินั่มมาครองด้วย
เลอร์มานยังโด่งดังจาก William Shakespeares Romeo + Juliet ภาพยนตร์ที่เขาดัดแปลงจากบทประพันธ์คลาสสิคให้กับ Twentieth Century Fox นำแสดงโดยลีโอนาร์โด ดีแค็พปริโอ้ และแคลร์ เด้นส์ ซึ่งเขาร่วมเขียนบทภาพยนตร์, กำกับ, และอำนวยการสร้างผลงานที่ถ่ายทำกันในเม็กซิโก และกวาดรายได้ถล่มทลายไปทั่วโลกเรื่องนี้ ภาพยนตร์เปิดฉายในสหรัฐอเมริกาและขึ้นอันดับหนึ่งในสัปดาห์แรก ก่อนจะกวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย รวมทั้ง รางวัล BAFTAs ถึง 4 สาขารวมทั้งสาขา Best Direction กับสาขา Best adapted screenplay, รางวัล Berlin Film Festival Awards ถึง 2 สาขารวมทั้งสาขา Best Direction ด้วย, ลีโอนาร์โด ดีแค็พปริโอ้ คว้ารางวัล Golden Bear สาขา Best Actor, และส่งให้แค็ทเธอรีน มาร์ติน ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขา Best Art Direction ด้วย ในขณะที่ผลงานอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ที่บริหารงานอำนวยการผลิตโดยเลอร์มานก็ขายดีกว่า 7 ล้านแผ่นทั่วโลกและคว้ารางวัลแพล็ทตินั่มในสหรัฐอเมริกาไปถึง 3 แผ่น
ความสำเร็จของ William Shakespeares Romeo + Juliet เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของเลอร์มานจากภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้คือ Strictly Ballroom ที่กวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตอนที่ Strictly Ballroom เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาล Cannes Film Festival ก็คว้ารางวัล Prix de la Jeunesse และยังเป็นที่กล่าวขวัญถึงกันอย่างกว้างขวางบนเวที Camera DOr ก่อนจะเดินหน้ากวาดรางวัลจากเวทีระดับโลกหลายแห่ง รวมทั้ง รางวัล BAFTAs ถึง 3 สาขา และรางวัล Australian Film Institute awards ถึง 8 สาขา
ภาพยนตร์เรื่อง Strictly Ballroom ดัดแปลงจากบทละครเวทีที่ เลอร์มาน ริเริ่มพัฒนา, ร่วมเขียนบท, จัดแจงบทบาทการแสดงบนเวทีละคร, และกำกับการแสดง ในระหว่างกำลังศึกษาหลักสูตรนักแสดงที่ National Institute of Dramatic Arts ในซิดนี่ย์ ละครเวทีเรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นสัมพันธภาพในการทำงานระหว่างเขากับเคร้ก เพี้ยร์ซ ผู้เขียนบทละครเวทีที่คว้ารางวัลมากมาย รวมทั้งเมื่อละครเวทีเรื่องนี้เปิดแสดงครั้งแรกโดยเลอร์มานเป็นผู้กำกับศิลป์ ให้กับคณะ Six Years Old ผ่าน Sydney Theatre Company และกลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 1992
หลังจบการศึกษาจาก NIDA และเสร็จงาน Strictly Ballroom ที่นำกลับมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว เลอร์มานก็ยังคงเป็นผู้กำกับศิลป์ ให้กับคณะละครเวทีอีกหลายคณะ, ร่วมงานในโครงการ Ra Project ของ Australian Opera ซึ่งเขาร่วมสร้างสรรค์ Lake Lost โอเปร่าที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับเฟลิกซ์ มีเกอร์ ผู้ประพันธ์ดนตรีชื่อดัง และงานนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกันกับแค็ทเธอรีน มาร์ติน นักออกแบบสาว
หลังจาก Lake Lost ประสบความสำเร็จอย่างงดงามก็ตามมาด้วย Dance Hall ละครเพลงเวทีขนาดมหึมาที่เลอร์มานร่วมสร้างสรรค์กับมาร์ตินเพื่อเปิดการแสดง ณ Sydney Town Hall
หลังจากนั้นก็สร้างสรรค์ผลงานละครเวทีจากบทของตัวเองและโอเปร่าคลาสสิคอีกหลายเรื่อง จนมาประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ La Boheme ของพุคซินี่ ให้กับคณะ Australian Opera ที่คว้ารางวัล MO สาขา Operatic Performance of the Year และยังได้กลับมาแสดงอีกครั้งในปี 2002 และเปิดแสดงบนเวทีบรอดเวย์ ก็ได้รับการต้อนรับชนิดขายบัตรเกลี้ยง Baz Luhrmanns Production of Puccinis La Bohème on Broadway ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony Awards ถึง 7 สาขา รวมทั้งสาขา Best Revival และสาขา Best Director ให้กับเลอร์มาน ก่อนจะคว้ารางวัลสาขา Best ensemble cast, และสาขา Best set design and lighting มาครอง
หลังจากเปิดการแสดงมากกว่า 200 รอบคณะโอเปร่าตระเวนไปเปิดการแสดง ณ Ahmanson Theatre ในลอสแองเจลิส เมื่อเดือนมกราคม 2004 เพียงไม่กี่รอบและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Ovation Awards ถึง 7 สาขา และคว้าสาขา ensemble cast, สาขา set design, และสาขา lighting and sound มาครองได้สำเร็จ
เลอร์มานยังกำกับละครเวทีที่เขาดัดแปลง A Midsummer Nights Dream ให้กับเบนจามิน บริทเท่น โดยใช้อินเดีย ในยุคอาณานิคมเป็นฉากหลังเพื่อเปิดแสดงที่ Australian Opera หลังจากประสบความสำเร็จกับการแสดงในซิดนี่ย์ และเมลเบิร์น มาหลายฤดูกาลก็คว้ารางวัล Critics Prize จากเทศกาล Edinburgh Festival ในปีเดียวกันนี่เองที่ทั้งเลอร์มาน, มาร์ติน, และบิล มาร์ร่อน ได้รับเกียรติให้เป็นคณะบรรณาธิการรับเชิญสำหรับ Vogue Australia ฉบับพิเศษที่ได้นิโคล คิดแมน กับไคลี่ มิโน้ก มาเป็นนางแบบคนสำคัญ
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ William Shakespeares Romeo + Juliet เลอร์มานก็ก่อตั้งบริษัท Bazmark.Inq. ในซิดนี่ย์ และริเริ่มทำงานอัลบั้ม Something For Everybody ที่มีเพลงฮิตอย่าง Everybodys Free to Wear Sunscreen ที่ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตในอังกฤษ และได้แผ่นเสียงทองคำยอดขายในสหรัฐอเมริกา และยังติดอันดับก้าวกระโดดเมื่อเปิดผ่านคลื่นวิทยุด้วย
ภายใต้การกำกับของแค็ทเธอรีน มาร์ติน ส่งให้ Bazmark ได้อำนวยการผลิตงานแสดงแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นรับฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว ปี 1998 ของคอลเล็ต ดินนิแกน แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังของออสเตรเลีย ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในกรุงปารีส หลังจากนั้นคณะทำงานของ Bazmark Live ก็ยังไปออกแบบทิวทัศน์ของถนนในโรงถ่าย Fox Studio ที่ออสเตรเลีย , อำนวยการผลิตส่วนหนึ่งของ Lights Camera Chaos ที่เขียนบทและกำกับโดยแบร์รี่ คอสกี้ ผู้อำนวยการเวทีละครชื่อดังชาวออสเตรเลี่ยน
ล่าสุด เลอร์มานริเริ่มพัฒนา, อำนวยการผลิต, และกำกับชิ้นงานโฆษณาผลิตภัณฑ์น้ำหอมของ Chanel No. 5 ที่แพร่ภาพทั่วโลกทั้งในโรงภาพยนตร์และทางโทรทัศน์ ที่นำแสดงโดยนิโคล คิดแมน นักแสดงสาวจาก Moulin Rouge! กับร็อดดริโก ซานโทโร่ นักแสดงดาวรุ่งบราซิลเลี่ยนหนุ่ม และเป็นชิ้นงานโฆษณาที่ U.S. Cinema Advertising Council ยกย่องให้เป็น Top National Spot ด้วย
ภาพยนตร์เรื่อง Australia เป็นผลงานอำนวยการสร้างเรื่องแรกในมหากาพย์ไตรภาพที่เลอร์มานตั้งใจจะสร้าง และเป็นการร่วมงานกันครั้งที่สามระหว่างเขากับนิโคล คิดแมน และยังเป็นการร่วมงานกันครั้งล่าสุดของเขากับแค็ทเธอรีน มาร์ติน คู่หูผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานหลาย ๆ ชิ้นและเป็นภรรยาสุดที่รักของเขามานานกว่า 18 ปีแล้วด้วย