ผู้กำกับฯ และมือเขียนบทฯ โรเบิร์ต เบนตัน เริ่มอาชีพของเขาในบรรณพิภพ เขาเป็นชาวเท็กซัสโดยกำเนิด ทว่าตั้งรกรากอยู่ในนิวยอร์ก และทำงานเป็นบรรณาธิการหลากหลายให้กับนิตยสาร Esquire นอกจากนี้ยังร่วมแรงกับ ฮาร์วีย์ ชมิดต์ เพื่อนในมหาวิทยาลัย ช่วยกันเขียนหนังสือถึงสองเล่ม รวมถึงมีผลงานการประพันธ์วรรณกรรมเด็กอีกหนึ่งเล่ม ในช่วงที่ทำงานอยู่ที่นิตยสาร Esquire ได้รู้จักมักคุ้นกับ เดวิด นิวแมน บรรณาธิการอีกคนที่นั่น และร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานไว้มากมาย ตัวอย่างเช่น Extremism: A Non-Book และบทร้องในละครเพลงเรื่อง It's a Bird
It's a Plane
It's Superman (1996) ก่อนจะร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์ในเวลาต่อมา ซึ่งประสบความสำเร็จมหาศาล และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์จากบทภาพยนตร์เรื่องแรกที่ร่วมกันเขียน คือ Bonnie and Clyde (1967) ที่ไม่มีทีมผู้สร้างภาพยนตร์คนใดสนใจ นอกจากผู้กำกับฯ อาร์เธอร์ เพนน์ เท่านั้น
เบนตันก้าวสู่การเป็นผู้กำกับฯ ในปี 1972 โดยการสนับสนุนของ สแตนลีย์ เจฟฟี ผู้ซึ่งต่อมากลายเป็นประธานของพาราเม้าต์ สำหรับผลงานของเบนตันนั้น มีทั้งที่ล้มเหลวและประสบความสำเร็จ แต่โดยมากมักจะได้รับคำชมและเป็นที่ชื่นชอบ งานในสายกำกับฯ ชิ้นแรก ๆ ของเบนตันยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควรนัก เริ่มจาก Bad Company (1972) ซึ่งไม่ได้รับความสนใจจากนักวิจารณ์ตะวันตกในขณะนั้น ทว่าแฝงไปด้วยอารมณ์ขันและให้รายละเอียดเกี่ยวกับคนเร่ร่อนในยุคก่อนไว้อย่างชัดเจน ต่อมาจึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์จากบทภาพยนตร์แนวสืบสวนสวนสอบสวนที่ทั้งตลกขบขันและชาญฉลาดเรื่อง The Late Show (1977) ซึ่งเบนตันนั่งแท่นเป็นผู้กำกับฯ เองด้วย หลังจากนั้นจึงมีผลงานการเขียนบทฯ ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางอย่าง What's Up Doc? (ร่วมเขียนกับ บัค เฮนรี และ นิวแมน ในปี 1972) และ Superman (ร่วมเขียนกับ มาริโอ พูโซ, นิวแมน และภรรยาของนิวแมน คือ เลสลี ในปี 1978) กระทั่งแจ็กพ็อตแตกที่ Kramer Vs. Kramer (ปี 1979) ซึ่งปลีกตัวออกจากกระแสนิยมดาราล่ำบึ้กมาสู่ผู้ชายที่แสดงอารมณ์ในแบบหัวหน้าครอบครัว โดยถ่ายทอดมุมมองของพ่อที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิเลี้ยงดูบุตรหลังจากหย่าขาดกับภรรยา (นำแสดงโดย ดัสติน ฮอฟฟ์แมน และ เมอริล สตรีป) และในที่สุดเขาก็คว้ามาได้ถึงสองรางวัลออสการ์ทั้งในส่วนของการเขียนบทฯ และกำกับภาพยนตร์ ในขณะที่ตัวภาพยนตร์นั้นได้ครองออสการ์ในฐานะภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี
ในความเป็นจริง เบนตันไม่ได้มีผลงานมากมายนัก กล่าวคือ เขาไม่มีผลงานทางภาพยนตร์ออกมาอีกเลย จนกระทั่งปี 1982 จึงมีภาพยนตร์แนวลึกลับชวนพิศวงแต่น่าผิดหวังเรื่อง Still of the Night นำแสดงโดย เมอริล สตรีป และดูเหมือนโชคจะเข้าข้างมากขึ้น เมื่อบทภาพยนตร์กึ่งอัตชีวประวัติของเขาเรื่อง Places in the Heart คว้ารางวัลออสการ์มาได้ ทั้งยังส่งให้ แซลลี ฟิลด์ ได้ออสการ์ไปด้วย จากการแสดงในบทบาทหญิงชาวไร่จิตใจแน่วแน่ในเท็กซัสช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนผลงานภาพยนตร์คอมเมดีระทึกขวัญอย่าง Nadine (1987) ผ่านพ้นไปโดยไม่มีคำชมใด ๆ และถึงกับต้องถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ เมื่อภาพยนตร์ทุนสร้างมหาศาลแต่ไม่สร้างชื่ออย่าง Billy Bathgate ล้มคว่ำไม่เป็นท่า เนื่องด้วยขณะนั้นเป็นยุคเศรษฐกิจตกต่ำ คนดูจึงไม่มีใจจะชื่นชมการแสดงและเรื่องราวที่กล่าวถึงเด็กชายผู้เติบโตขึ้นมาในแก๊งอันธพาลของ ดัตช์ ชูลต์ซ แม้ว่าภาพยนตร์จะให้รายละเอียดทางด้านเวลาอย่างดีและสมบูรณ์พร้อมไปด้วยงานสร้างระดับคุณภาพก็ตาม
เบนตันกอบกู้ความสำเร็จคืนมาได้พอประมาณ ทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์เป็นครั้งที่เจ็ดจากบทภาพยนตร์เรื่อง Nobody's Fool (1994) ซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายของ โรเบิร์ต รุซโซ ว่าด้วยเรื่องของชายไร้ความรับผิดชอบตามแบบยุคทศวรรษที่ 60 ซึ่งนำครอบครัวไปสู่การล่มสลาย โดยมี พอล นิวแมน รับบทตัวเอกของเรื่อง พร้อมด้วยการแสดงแสนวิเศษจาก เจสสิกา เทรนดี, พรูตต์ เทย์เลอร์ วินซ์ และ บรูซ วิลลิส อย่างไรก็ตาม เบนตันกลับมาร่วมทีมกับนิวแมนอีกครั้งใน Twilight (1998) ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนระทึกขวัญร่วมสมัย ซึ่งรวมขนบการแต่งเรื่องเข้ากับพรสวรรค์ของนักแสดงอย่างแนบแน่น นำแสดงโดย จีน แฮ็คแมน, ซูซาน ซาแรนดอน และ รีส วิเธอร์สปูน ในสมัยที่เธอยังไม่โด่งดัง หลังจากทิ้งช่วงไปนาน ก็ได้เวลาเบนตันรวมพลังนักแสดงครั้งสำคัญอีกครั้ง (แม้จะมอบบทบาทที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก) ได้แก่ แอนโธนี ฮอปกินส์, นักแสดงมือหนึ่ง (ซึ่งยังคงเป็นที่หนึ่ง) อย่าง นิโคล คิดแมน, เอ็ด แฮร์ริส และ แกรี ซินิส ในภาพยนตร์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ ฟิลลิป ร็อธ เรื่อง The Human Stain (2003) อันมีเรื่องราวสลับซับซ้อน ซึ่งถึงแม้ภาพของตัณหาราคะที่ออกมาจะไม่ดิบเท่ากับต้นฉบับของร็อธ แต่เบนตันก็ถ่ายทอดแก่นอารมณ์ของเรื่องออกมาอย่างเชื่อมั่นและชัดเจน