แม็กซ์ วอน ซิโดว์ นักแสดงผู้เป็นที่รู้จักในนานาประเทศจากผลงานหนังกว่า 100 เรื่อง ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม ในปี 1988 จากเรื่อง Pelle the Conqueror, หนึ่งในสี่นักแสดงชายที่ได้รับเกียรติในการรับบทในภาษาต่างประเทศ เป็นที่รู้จักดีในหมู่อเมริกันชนที่นิยมการชมภาพยนต์ ในบทบาทมากมายเกี่ยวข้องกับเรื่องวิญญาน ไม่ว่าจะเป็นบทผู้แกะรอยใน What Dreams May Come, หลวงพ่อเมอร์รินใน The Exorcist, พระผู้ทรหดใน Hawaii และบทพระเยซูในหนังอเมริกันเรื่องแรกของเขา The Greatest Story Ever Told
วอน ซิโดว์ รับบทหลากหลายจากหนังมากมาย ยกตัวอย่าง เช่น Snow Falling on Cedars, Non Ho Sonno (I Cant Sleep), Judge Dredd, Hannah and Her Sisters และ Duet For One และจากเรื่องราวประทับใจจากบทคนใจแคบในหนังของซิดนีย์ พอลลาร์ค ในปี 1975 เรื่อง Three Days of the Condor เขายังเคยมีผลงานในเรื่องดังอย่าง Conan the Barbarian, เจมส์ บอนด์ ตอน Never Say Never Again และ Flash Gordon
จากผลงานมากมายตลอดระยะเวลาห้าทศวรรษ และหลากหลายภาษา วอน ซิโดว์ เป็นที่รู้จักมากที่สุดร่วมกับผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวีเดน อิงก์มาร์ เบิร์กแมน ซึ่งมีผลงานคลาสสิคสิบเรื่อง รวมถึง The Seventh Seal, The Virgin Spring, Winter Light, Hour of the Wolf และThe Magician เขายังได้ร่วมแสดง (กับลิฟ อุลแมน) ในหนังยอดนิยมสองเรื่อง กำกับการแสดงโดย แจน โทรเอล เรื่อง The Emigrants และThe New Land หนังของโทรเอลเรื่องหลัง Hamsun ทำให้เขากวาดรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมหลายรางวัลในยุโรป
วอน ซิโดว์ เป็นผู้ใฝ่ใจการเรียน และรักการอ่าน เป็นบุตรชายของศาสตราจารย์แห่ง Royal University of Lund ซึ่งเขาเกิดและเติบโตขึ้นที่นั่น เขาเริ่มการแสดงกับละครนักเรียน หลังจากพ้นราชการทหาร เขาสมัครเข้าศึกษาที่ Royal Academy ในสจ็อกโฮล์ม และขณะเรียนอยู่นั้นได้มีผลงานแสดงหนังสองเรื่องกับปรมาจารย์ อัลฟ โจเบิร์ก (Only a Mother and Miss Julie) เขาเริ่มทำงานละครประจำในสวีเดนหลังจบการศึกษา และภายในเวลาสี่ปีได้กลายมาเป็นนักแสดงชาวสวีเดนที่มีชื่อเสียง และเขาได้รับ Royal Foundation Culture Award ในปี 1954 เมื่ออายุได้ 25 ปี
ในปี 1955 เขาเข้าร่วมงานที่ Malmo Municipal Theatre ซึ่ง อิงก์มาร์ เบิร์กแมน เป็นผู้กำกับใหญ่ เบิร์กแมนกำกับละครซึ่งเขาแสดง อาทิเช่น Cat on a Hot Tin Roof, Peer Gynt และ Faust หนังเรื่องแรกของพวกเขา คือ The Seventh Seal (1956) เรื่องราวในตำนานซึ่ง วอน ซิโดว์ ได้รับเลือกให้แสดงเป็น อัศวินผู้เห็นความเป็นจริง ซึ่งเล่นหมากรุกกับผู้อยู่ในชุดดำตัวแทนแห่งความตาย หนังเรื่อง Seventh Seal ได้รับรางวัลพิเศษที่ Cannes Film Festival ในปี 1957 และประสบความสำเร็จอย่างสูงที่งานแสดงศิลปะอเมริกัน สามปีต่อมา จากการร่วมงานของ วอน ซิโดว์ และเบิร์กแมนอีกครั้ง เรื่อง The Virgin Spring ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง ในด้าน Best Foreign Film Oscar
แม้เขาจะใช้ฝรั่งเศสเป็นบ้านของเขาและภรรยา ผู้สร้างหนังสารคดี แคทเธอรีน เบรเล็ต เจ้าตัวก็อยู่ในสภาวะที่ต้องเดินทางไปถ่ายทำทั่วโลก ผลงานทางโทรทัศน์ในต่างประเทศได้แก่ Citizen X (HBO), The Last Place on Earth (U. K.'s Central Television), Radetzky March (Progefi), Solomon for Lux และ The Princesss and the Pauper ของ Anfri ในอิตาลีทั้งคู่ คำขอจากสแกนดิเนเวียจะได้รับการตอบรับเป็นพิเศษ เมื่อผู้กำกับภาพชื่อดังอย่าง สเวน นิกสวิสท์ ได้มีผลงานกำกับการแสดงครั้งแรกของเขาในเรื่อง The Ox เขาไปอยู่ที่นั่นด้วย เพื่อให้ความช่วยเหลือ และเช่นเดียวกันกับ บิล ออกัสท์ ในเรื่อง The Best Intentions เขายังได้ตอบรับคำขอจากผู้กำกับการแสดงชาวเดนมาร์ค ลาร์ วอน ทรีเออร์ ในเรื่อง Zentropa