โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค (Johann Sebastian Bach) เป็นคีตกวีและนักเล่นออร์แกนชาวเยอรมัน เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2228 (ค.ศ. 1685) ในครอบครัวนักดนตรี ที่เมืองไอเซนนาค บาคแต่งเพลงไว้มากมายโดยดั้งเดิมเป็นเพลงสำหรับใช้ในโบสถ์ เช่น "พาชชั่น" บาคถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2293 ที่เมืองไลปซิค
บาคเป็นนักประพันธ์ดนตรีสมัยบาโรค ซึ่งเขาได้สร้างแนวดนตรีของเขาให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัย บาคมีอิทธิพลหลักและยืนยาวต่อการพัฒนาดนตรีตะวันตก แม้แต่นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่เช่น โมซาร์ท และ เบโทเฟน ยังยอมรับบาคในฐานะปรมาจารย์
งานของบาคโดดเด่นในทุกแง่ทุกมุม ด้วยความพิถิพิถันของบทเพลงที่เต็มไปด้วย ท่วงทำนอง เสียงประสาน หรือ เทคนิคการสอดประสานกันของท่วงทำนองต่างๆ รูปแบบที่สมบูรณ์แบบ เทคนิคที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี การศึกษาค้นคว้า แรงบันดาลใจอันเต็มเปี่ยม รวมทั้งปริมาณของบทเพลงที่แต่ง
ทำให้งานของบาคหลุดจากวงจรทั่วไปของงานสร้างสรรค์ที่ปกติแล้วจะเริ่มต้น เจริญเติบโตถึงขีดสุด แล้วเสื่อมสลาย นั่นคือไม่ว่าจะเป็นเพลงที่บาคได้ประพันธ์ไว้ตั้งแต่วัยเยาว์ หรือเพลงที่ประพันธ์ ในช่วงหลังของชีวิตนั้นจะมีคุณภาพทัดเทียมกัน
ไอเซนนาค
บาคถือกำเนิดในครอบครัวนักดนตรีที่ยึดอาชีพนักดนตรีประจำราชสำนัก ประจำเมืองและโบสถ์ในมณฑลทูรินจ์มาหลายชั่วอายุ ซึ่งก็นับได้ว่า โยฮันน์ เซบาสเทียน บาคเป็นรุ่นที่ห้าแล้ว หากจะนับกันตั้งแต่บรรพบุรุษที่บาครู้จัก นั่นคือนายเวียต บาค ผู้มีชีวิตในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในฐานะเจ้าของ โรงโม่และนักดนตรีสมัครเล่นในฮังการี
ตั้งแต่บาคเกิด สมาชิกครอบครับบาคที่เล่นดนตรีมีจำนวนหลายสิบคน ทำให้ตระกูลบาคกลายเป็นครอบครัวนักดนตรีที่สำคัญและเป็นที่รู้จักมากที่สุด
ในประวัติศาสตร์ดนตรีตะวันตก
บาคได้รับการศึกษาทางดนตรีจากบิดาคือนายโยฮันน์ อัมโบรซิอุส นักไวโอลิน เมื่ออายุได้สิบปี เขาก็ต้องสูญเสียทั้งมารดาและบิดาในเวลา ที่ห่างกันเพียงไม่กี่เดือน ทำให้เขาต้องอยู่ในการอุปการะของพี่ชายคนโต โยฮันน์ คริสตอฟ บาค ผู้เป็นศิษย์ของโยฮันน์ พาเชลเบล และมีอาชีพเป็นนักเล่น
ออร์แกนในเมืองโอร์ดรุฟ ในขณะที่รับการศึกษาด้านดนตรีไปด้วย โยฮันน์ เซบาสเทียนได้แสดงให้เห็นความเป็นอัจฉริยะทางดนตรี รวมทั้งยังช่วยครอบครัว
หาเงินโดยการเป็นนักร้องในวงขับร้องประสานเสียงของครอบครัว และยังชอบที่จะคัดลอกและศึกษาผลงานของนักประพันธ์ต่างๆ ที่เขาสามารถพบหาได้อีกด้วย
ลูนเบิร์ก
ทรัพย์สินเงินทองของพี่ชายชองโยฮันน์ เซบาสเทียน มีจำกัด อีกทั้งพี่ชายยังมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู ราวปี พ.ศ. 2243(ค.ศ. 1700) โยฮันน์ เซบาสเทียนก็ได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนที่โรงเรียนในโบสต์ (ลา มิคาเอลิสสกูล) ที่เมืองลูนเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางเหนือราว 200 กิโลเมตร ซึ่งเขาต้องเดินทางด้วยเท้า ไปเข้าเรียนที่นั่นพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง นอกเหนือจากการเรียนดนตรีแล้ว เขายังได้ยังได้เรียนวาทศิลป์ ตรรกศาสตร์ ภาษาละติน ภาษากรีก และภาษาฝรั่งเศส เขายังได้ทำความรู้จักกับจอร์จ โบห์ม
นักดนตรีของโจฮันนิสเคีร์ช และศิษย์ของ โยฮันน์ อะดัม เรนเคน นักเล่นออร์แกนคนดังของนครฮัมบูร์ก เรนเคนนี่เองที่เป็นคนสอนเขาเกี่ยวกับรูปแบบ
ดนตรีของเยอรมนีตอนเหนือ ที่ลูนเบิร์ก เขายังได้รู้จักกับนักดนตรีชาวฝรั่งเศสอพยพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโธมาส์ เดอ ลา เซลล์ ศิษย์ของลุลลี และด้วยการได้สัมผัสกับวัฒนธรรมทางดนตรีในอีกรูปแบบ เขาได้คัดลอกบทเพลงสำหรับออร์แกนของ นิโกลาส์
เดอ กรินยี และเริ่มติดต่อทางจดหมายกับ ฟร็องซัวส์ คูเปอรัง
บาคศึกษาและวิเคราะห์โน้ตแผ่นของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงด้วยความละเอียดรอบคอบ ความสนอกสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของเขามีมาก กระทั่งว่าเขายอมเดินเท้าไปหลายสิบกิโลเมตรเพื่อจะฟังการแสดงของนักดนตรีดัง เป็นต้นว่าจอร์จ โบห์ม โยฮันน์ อะดัม เรนเคน และ วินเซนต์ ลูเบ็ก และแม้กระทั่ง ดิอาทริช
บุกซเตอร์ฮูด ผู้ซึ่งโด่งดังกว่า
อาร์นสตัดต์
ในปีพ.ศ. 2246 บาคได้กลายเป็นนักเล่นออร์แกนประจำเมืองอาร์นสตัดต์ เขาเริ่มมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในฐานะนักดนตรีเอก และนักดนตรีที่เล่นสดได้โดยไม่ต้องใช้โน้ต
มุห์ลโฮเซน
ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2250 ถึง พ.ศ. 2251 เขาได้เป็นนักเล่นออร์แกนประจำเมืองมุห์ลโฮเซน บาคได้ประพันธ์เพลงแคนตาตาบทแรกขึ้น ซึ่งเป็นบทนำ ก่อนที่เขาจะเริ่มประพันธ์บทเพลงทางศาสนาอันยิ่งใหญ่อลังการ และเขายังได้ประพันธ์บทเพลงสำหรับบรรเลงด้วยออร์แกนเพิ่มเติมด้วย อันเป็นผลงานที่ยืนยันถึงความอัจฉริยะ ความลึกซึ้ง
และความงามอันบริสุทธิ์ของเขา ทำให้บาคกลายเป็นนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ในบรรดาบทเพลงทางศาสนาแล้ว ตลอดชั่วชีวิตของบาค เขาได้ใช้เวลากับการประพันธ์เพลงแคนเตต ร่วมห้าปี หรือกว่าสามร้อยชิ้น ในบรรดาบทเพลงราวห้าสิบชิ้นที่สูญหายไปนั้น ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่ถูกประพันธ์ขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
ไวมาร์
ในระหว่างปี พ.ศ. 2251 ถึง พ.ศ. 2260 บาคดำรงตำแหน่งนักเล่นออร์แกน และนักไวโอลินเดี่ยวมือหนึ่ง ประจำวิหารส่วนตัวของดยุคแห่งไวมาร์ ทำให้เขามีทั้งออร์แกน เครื่องดนตรีและนักร้องประจำวงในครอบครอง ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ผลงานของบาคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงบรรเลงด้วยออร์แกน แคนเตต เพลงสำหรับฮาร์ปซิคอร์ด ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากปรมาจารย์ทางดนตรีชาวอิตาเลียนทั้งหลาย
โคเทน
ระหว่างปี พ.ศ. 2260 ถึง พ.ศ. 2266 เขาได้ตำรงตำแหน่งผู้ดูแลวิหารประจำราชสำนักของเจ้าชายอานฮัลต์-โคเธน เจ้าชายเป็นนักดนตรี และนักเล่นฮาร์ปซิคอร์ด ช่วงเวลาอันแสนสุขของการเติบโตในหน้าที่การงาน ได้เป็นแรงผลักดันให้เขาประพันธ์ผลงานที่ยิ่งใหญ่มากมาย สำหรับบรรเลงด้วย พิณฝรั่ง(Lute) ฟลุต ไวโอลิน(โซนาตา และบทเพลงสำหรับเดี่ยวไวโอลิน) ฮาร์ปซิคอร์ด(หนังสือ เวลเทมเพอร์คลาวิคอร์ด เล่มที่สอง) เชลโล(สวีทสำหรับเดี่ยวเชลโล) และบทเพลงคอนแชร์ติ บรองเดอบูร์จัว หกบท
ไลปซิค
ระหว่างปี พ.ศ. 2268 ถึง พ.ศ. 2293 หรือเป็นระยะเวลากว่า 25 ปีที่บาคพำนักอยู่ที่เมืองไลปซิค บาคได้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยการดนตรี ของโบสถ์เซนต์ ทอมัส ในนิกายลูเธอรัน ต่อจากโยฮันน์ คูห์โน เขาเป็นครูสอนดนตรีและภาษาละติน แต่ก็ยังต้องประพันธ์เพลงจำนวนมากให้กับโบสถ์ โดยมีบทเพลงแคนตาตา (Cantata)
ทุกวันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ ในขณะดำรงตำแหน่งนี้ เขาได้ประพันธ์เพลงแคนตาตาไว้กว่า 126 เพลง แต่บทเพลงดังกล่าวมักจะไม่ได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างที่ควรเนื่องจากขาดแคลนเครื่องดนตรี และนักเดี่ยวเครื่องดนตรีที่มีฝีมือ
บาคได้ใช้แนวทางเดิมในการประพันธ์บทเพลงใหม่ๆ แต่ความเป็นอัจฉริยะ ความคิดสร้างสรรค์ และความฉลาดของเขาทำให้ผลงานทุกชิ้น มีเอกลักษณ์ และถูกนับเป็นหนึ่งในผลงานยอดเยี่ยมแห่งประวัติศาสตร์ดนตรีตะวันตก โดยเฉพาะ "พาชชันโดยเซนต์แมททิว" "มิสซาในบันไดเสียงบีไมเนอร์" "เวลเทมเพอร์ควาวิคอร์ดเล่มที่สอง" "เครื่องบูชาด้วยดนตรี" ดนตรีของบาคหลุดพ้นจากรูปแบบทั่วไป โดยที่เขาได้ใช้ความสามารถของเขาอย่างเต็มพิกัด และถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงจนถึงขีดสุดของความสมบูรณ์แบบ
มรดกทางดนตรี
เมื่อมีโยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ดนตรีบาโรคได้ถึงจุดสุดยอดและถึงกาลสิ้นสุดในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากการเสียชีวิตของบาค ดนตรีของเขาได้ถูกลืมไปเนื่องด้วยเพราะมันล้าสมัยไปแล้ว เช่นเดียวกับเทคนิคการสอดประสานกันของท่วงทำนองต่างๆที่เขาพัฒนาให้มันสมบูรณ์แบบอย่างหาใดเทียมทาน
บุตรชายที่เขาได้ฝึกสอนดนตรีไว้ ไม่ว่าจะเป็นวิลไฮม์ ไฟรมันน์ บาค คาร์ล ฟิลิปป์ เอมมานูเอล บาค โยฮันน์ คริสตอฟ ไฟรดิช บาค และ โยฮันน์ คริสเทียน บาค ได้รับถ่ายทอดพรสวรรค์บางส่วนจากบิดา และได้รับถ่ายทอดเทคนิคการเล่นจากบาค ก็ได้ทอดทิ้งแนวทางดนตรีของบิดาเพื่ไปสนใจกับแนวดนตรีที่ทันสมัยกว่าในที่สุด เช่นเดียวกับนักดนตรีร่วมสมัยเดียวกันกับบาค (เป็นต้นว่า จอร์จ ฟิลิปป์ เทเลมันน์ ผู้มีอายุแก่กว่าบาคสี่ปี ก็ได้รับอิทธิพลจากดนตรีที่ทันสมัยกว่า)
ปรากฏการณ์นิยมแนวดนตรีใหม่นี้ก็เกิดกับโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ทเช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อบารอนฟาน สวีเทน ผู้หลงใหล ในดนตรีบาโรคและมีห้องสมุดส่วนตัวสะสมบทเพลงบาโรคไว้เป็นจำนวนมาก ได้ให้โมซาร์ทชมผลงานอันยิ่งใหญ่ของบาคบางส่วน ทำให้ความมีอคิต่อดนตรีบาโรคของโมซาร์ทนั้นถูกทำลายไปสิ้น จนถึงขั้นไม่สามารถประพันธ์ดนตรีได้ตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อเขาสามารถยอมรับมรดกทางดนตรีของบาคได้แล้ว วิธีการประพันธ์ดนตรีของเขาก็เปลี่ยนไป ราวกับว่าบาคมาเติมเต็มรูปแบบ ทางดนตรีให้แก่เขา โดยที่ไม่ต้องละทิ้งรูปแบบส่วนตัวแต่อย่างใด ตัวอย่างผลงานของโมซาร์ทที่ได้รับอิทธิพลของบาคก็เช่น "เพลงสวดเรเคียม" "ซิมโฟนีจูปิเตอร์" ซึ่งท่อนที่สี่เป็นฟูเกห้าเสียง ที่ประพันธ์ขึ้นโดยใช้เทคนิคการสอดประสานกันของท่วงทำนองต่างๆ รวมทั้งบางส่วนของโอเปราเรื่อง"ขลุ่ยวิเศษ"
ลุดวิก ฟาน เบโทเฟนรู้จักบทเพลงสำหรับคลาวิคอร์ดของบาคเป็นอย่างดี จนสามารถบรรเลงบทเพลงส่วนใหญ่ได้ขึ้นใจ ตั้งแต่วัยเด็ก
สำหรับประชาชนทั่วไปแล้ว ความเป็นอัจฉริยะของบาคไม่ได้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชน จนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 19 อันเนื่องมาจาก ความพยายามของเฟลิกซ์ แมนเดลโซน ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยการดนเตรีที่โบสถ์เซนต์ทอมัส แห่งเมืองไลปซิก นับแต่นั้นเป็นต้นมา ผลงานของบาคที่ยืนยงคงกระพันต่อการเปลี่ยนแปลงของ รสนิยมทางดนตรี ก็ได้กลายเป็นหลักอ้างอิงที่มิอาจหาผู้ใดเทียมทานได้ในบรรดาผลงานดนตรีตะวันตก
ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 30 ที่เมืองไลปซิก คาร์ล สโตรป ได้คิดค้นวิธีบรรเลงบทเพลงของบาคในรูปแบบใหม่ โดยการใช้เครื่องดนตรีที่มี ประสิทธิภาพมากกว่า และใช้วงขับร้องประสานเสียงในแบบที่ยืดหยุ่นกว่าที่บรรเลงและขับร้องกันในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เขายังได้บรรเลงบทเพลงทางทฤษฎี เป็นต้นว่า ศิลปะของเพลงฟูเก
(โดยใช้วงออร์เคสตราประกอบด้วย)
ผลสัมฤทธิ์ของแนวทางใหม่นี้ได้เห็นเป็นรูปธรรมในคริสต์ทศวรรษที่ 50 โดยมีนักดนตรีอย่างกุสตาฟ เลออนฮาร์ทและบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของเขา รวมถึง นิโคเลาส์ ฮาร์นอนคอร์ท โดยที่กุสตาฟ เลออนฮาร์ทและนิโคเลาส์ ฮาร์นอนคอร์ทเป็นนักดนตรีคนแรกๆที่บันทึกเสียงบทเพลงแคนเตตของบาคครบทุกเพลง
แม้ว่าดนตรีของบาคจะถูกตีความอย่างผิดๆ (บรรเลงโดยชาค ลุสสิเย หรือ เวนดี คาร์ลอส) บรรเลงโดยใช้เครื่องดนตรีผิดประเภท หรือถูกตัดแปลง เป็นจังหวะแจ๊ส มันก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้ ราวกับว่าโครงสร้างของบทเพลงที่โดดเด่นทำให้สิ่งอื่นๆกลายเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น
มาร์เซล ดูเพรสามารถบรรเลงบทเพลงทุกบทของบาคด้วยออร์แกนได้อย่างขึ้นใจ เช่นเดียวกับเฮลมุท วาลชา นักเล่นออร์แกนชาวเยอรมัน ผู้ที่ตาบอดตั้งแต่เกิด แต่ก็ได้หัดเล่นเพลงของบาคโดยอาศัยการฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
แนวคิด
« บาคเป็นคนประเภทที่เห็นคนอื่นๆเป็นเพียงเด็กน้อยในสายตาของเขา » โรเบิร์ต อะเล็กซานเดอร์ ชูมันน์
« หากไม่มีบาค เทววิทยาคงขาดเป้าหมาย การสร้างโลกของพระเจ้ากลายเป็นเพียงตำนาน และ ความว่างเปล่ากลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้»,
« หากมีใครสักคนที่เป็นหนี้บุญคุณบาคทุกอย่าง นั่นคงเป็นพระเจ้า », ซิโอร็อง, Syllogismes de l'amertume สำนักพิมพ์กัลลิมาร์
« ดนตรีของบาคมีแนวโน้มจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิต มีชีพจร และอารมณ์ความรู้สึก» ปิแอร์ วิดาล
« มีบาคก่อน...แล้วจึงมีคนอื่นๆตามมา » ปลาโบล กาซาลส์
« ถึงแม้ข้าพเจ้าจะมีความรักในศิลปินคนอื่น ไม่ได้รักเบโทเฟนและโมซาร์ทน้อยไปกว่ากัน ข้าพเจ้าก็ไม่อาจเห็นด้วยกับคำกล่าวของกาซาลส์ได้ บาคโดดเด่นกว่าพวกเขาเหล่านั้นทั้งหมด » ปอล ทอร์เทลลิเย
บทประพันธ์ที่โดดเด่น
บทเพลงแคนเตต BWV 4, BWV 6, BWV 78, BWV 106, BWV 140, BWV 136,
BWV 198, BWV 146, BWV 177, BWV 127, BWV 35, BWV 51, BWV 56, BWV 82, BWV 201,
BWV 205, BWV 208, BWV 211, BWV 212. BWV 245 ;
พาชชันโดยเซนต์แมทธิว, BWV 244 ;
มิสซา ในบันไดเสียงบีไมเนอร์, BWV 232 ;
โอตาริโอ สำหรับวันคริสต์มาส, BWV 248 ;
แมกนิฟิกา, BWV 243 ;
โมเตต, BWV 225 ถึง BWV 231 ;
ทอกกาตา และ ฟูเก้ ในบันไดเสียง ดีไมเนอร์ สำหรับออร์แกน, BWV 565 และบทเพลงคู่พรีลูดและฟูเก้อีกหลายบท
เป็นต้นว่า BWV 542, 543, 544, 545, 582;
วาริเอชั่นโกลด์เบิร์ก, BWV 988 ;
ปาร์ติตาสหกบทสำหรับคลาวิคอร์ด, BWV 825 ถึง BWV 830 ;
อินเวนชันและซิมโฟนี, BWV 772 ถึง BWV 801 ;
อินเวนชัน, BWV 772 : Media:Bach-invention-01.mid
ซิมโฟนี, BWV 787 : Media:Bwv787.mid
เวลเทมเพอร์คลาวิคอร์ด, BWV 846 ถึง BWV 893 ;
พรีลูดหมายเลข 1, BWV 846 : Media:Wtk1-prelude1.mid
โซนาท และปาร์ติตาสสำหรับเดี่ยวไวโอลิน, BWV 1001 ถึง BWV 1006 ;
สวีทสำหรับเดี่ยวเชลโล, BWV 1007 ถึง BWV 1012 ;
สวีทสำหรับเชลโล, BWV 1008, โน้ตแผ่น : http://wikisource.org/wiki/Suite_pour_violoncelle%
2C_II#Courante
โซนาทสำหรับฟลูต, BWV 1013, BWV 1020, BWV 1030 ถึง BWV 1035 ;
คอนแชร์โต บรองเดอบูร์จัว หกบท, BWV 1046 ถึง BWV 1051 ;
คอนแชร์โตสำหรับไวโอลิน, BWV 1041, BWV 1042, BWV 1043 ;
คอนแชร์โตสำหรับฮาร์ปซิคอร์ด, BWV 1052 ถึง BWV 1065 ;
สวีทสำหรับออเคสตร้า, BWV 1066 ถึง BWV 1070 ;
การบูชาด้วยดนตรี, BWV 1079 ;
ศิลปะแห่งฟูเก้, BWV 1080;