บทบาทของวอร์วิค เดวิส ได้นำนักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการบันเทิงผู้นี้จากบ้านเกิดในเซอร์รีย์ ประเทศอังกฤษ ไปยังจักรวาลอันไกลโพ้น สู่โลกมหัศจรรย์แห่งฮอกวอตส์ของเจ.เค. โรวลิงส์ และดินแดนมหัศจรรย์นาร์เนียของซี.เอส. ลูอิส ระหว่างการเป็นนักแสดงยาวนานกว่าสองทศวรรษ
วอร์วิคได้เป็นนักแสดงตั้งแต่ยังเด็กด้วยความบังเอิญโดยแท้ในปี 1981 คุณยายของเขาได้ยินประกาศทางวิทยุที่เรียกร้องให้คนที่มีความสูงไม่ถึงสี่ฟุตให้ไปแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Return of the Jedi ซึ่งเป็นภาคใหม่ของ Star Wars เดิมที เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวประกอบ แต่ลักษณะของวอร์วิคก็มีเอกลักษณ์เหมือนกับภาพอีว็อคในความคิดของจอร์จ ลูคัสมากจนเขาถูกเลือกให้รับบทเป็นวิคเก็ต ที่กลายเป็นตัวละครสำคัญตัวหนึ่งของเรื่อง หลังจากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของ Star Wars ลูคัสก็ได้สร้างภาพยนตร์อีว็อคขึ้นอีกสองเรื่องให้กับเอบีซีคือ The Ewok Adventure และ Ewoks: Battle for Endor ซึ่งวอร์วิคกลับมารับบทวิคเก็ตอีกครั้งในโปรเจ็กต์ทั้งสองเรื่อง
สองปีให้หลัง นักแสดงเจ้าของความสูง 3 ฟุต 6 นิ้วผู้นี้ก็ถูกเรียกให้ไปยังเอลส์ทรี สตูดิโอเพื่อพบกับผู้อำนวยการสร้างจอร์จ ลูคัสและผู้กำกับรอน โฮเวิร์ดและพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ที่มีชื่อว่า Willow ซึ่งบทนำเขียนขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ โปรเจ็กต์นี้ ที่เขาได้แสดงประกบวัล คิลเมอร์ ทำให้วอร์วิคได้โชว์พรสวรรค์ด้านการแสดงนอกเหนือไปจากการรับบทสัตว์ประหลาดพิลึกพิลั่นที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสเปเชียล เมคอัพ และทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซทเทิร์น อวอร์ดจากสถาบันไซไฟ แฟนตาซีและฮอร์เรอร์
หลังจากความสำเร็จครั้งนั้นแล้ว วอร์วิคก็กลับมาอยู่หน้ากล้องอีกครั้งหนึ่งด้วยผลงานจอแก้วอีพิคแฟนตาซี เขาได้รับเลือกให้แสดงในซีรีส์บีบีซีสองเรื่อง โดยเขาได้รับบทรีพิชี้พ หนูนักดาบในการผจญภัยนาร์เนีย Prince Caspian and the Voyage of the Dawn Treader ก่อนที่จะกลับคืนสู่โลกมหัศจรรย์ของซี.เอส. ลูอิสอีกครั้งในบทนกฮูกกลิมฟีเธอร์ใน The Silver Chair หลังจากนั้นเขาก็ได้รับบทร้ายเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกเรื่อง Leprechaun ซึ่งความสำเร็จของมันทำให้มีการสร้างซีเควลอีกอย่างน้อยห้าเรื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยวอร์วิครับบทนำทั้งนั้น
ในปี 1997 เขากลับมาสู่โลกอันโด่งดังของลูคัสอีกครั้งหนึ่งใน Star Wars - Episode 1: The Phantom Menace ซึ่งเขารับสามบทบาทในเรื่อง นอกเหนือจากวัลด์และวีเซิลแล้ว เขายังรับบทโยดา เจได มาสเตอร์ ผู้โด่งดัง ในซีนที่ตัวละครต้องเดินอีกด้วย
ในปี 2001 เมื่อ Harry Potter ปรากฏการณ์แห่งโลกวรรณกรรม ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ วอร์วิคก็ได้แสดงในสองบทบาท (ศาสตราจารย์ฟลิทวิคและเจ้าหน้าที่แบงค์ก็อบลิน) ใน Harry Potter and the Sorcerers Stone ที่กำกับโดยคริส โคลัมบัส เขากลับมารับบทฟลิทวิคอีกครั้งในซีเควลทั้งสี่ภาค ซึ่งได้แก่ Harry Potter and the Chamber of Secrets (ที่กำกับโดยคริส โคลัมบัสอีกครั้ง), Harry Potter and the Prisoner of Azkaban, Harry Potter and the Goblet of Fire, Harry Potter and the Order of the Phoenix และภาคที่หกในซีรีส์ Harry Potter and the Half Blood Prince
เขาได้กลับคืนสู่ห้วงอวกาศอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ เขาได้รับบทเป็นหุ่นยนต์จอมวิตก มาร์วิน ในภาพยนตร์เรื่อง The Hitchhikers Guide to the Galaxy ที่สร้างขึ้นจากนิยายของดักกลาส อดัมส์ และเขาเพิ่งรับบทสมทบ โอเบรอน เอ็มซีของคลับแจ๊ส ที่แนะนำนักร้องเรย์ ชาร์ลส์สู่โลกแห่งการร้องเพลงในภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ของเทย์เลอร์ แฮ็คฟอร์ดเรื่อง Ray
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ Labyrinth, ภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางเอ็นบีซีเรื่อง Gullivers Travels (ร่วมแสดงโดยเท็ด แดนสัน), Prince Valiant, A Very Unlucky Leprechaun, The New Adventures of Pinocchio, The White Pony, มินิซีรีส์ชื่อดังของเอ็นบีซีเรื่อง The 10th Kingdom, ซิทคอมทางบีบีซีเรื่อง The Fitz, ภาพยนตร์ที่แพร่ภาพทางเอบีซีเรื่อง Snow White, ภาพยนตร์แก๊งสเตอร์เรื่อง Als Lads และละครบีบีซีสองเรื่องได้แก่ Dr. Terribles House of Horrible และ Murder Rooms: The Kingdom of Bones, Small Town Folk โดยเขาแสดงเป็นตัวเองในเอพิโซด Extras ที่เกี่ยวกับการเสียดสีวงการของริคกี้ เกอร์เวส และเขาจะเขียนบท อำนวยการสร้างและนำแสดงในภาพยนตร์แอ็กชันเรื่อง Agent One-Half
นอกเหนือจากบทบาทต่าง ๆ ทั้งในจอแก้วและจอเงิน วอร์วิคได้เหยียบย่างบนเวทีละครทั่วเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากการแสดงใน Snow White แล้ว เขายังได้รับบทสมีใน Peter Pan และบทจินนี่ใน Aladdin อีกด้วย