โบ บริดเจสเป็นนักแสดงเจ้าของรางวัลที่ได้รับจากบทบาทการแสดงหลากหลายตลอดช่วง 4 ทศวรรษที่ประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงแถวหน้ามาโดยตลอด เขาได้ชื่อว่าเป็นขาใหญ่ของวงการบันเทิงฮอลลีวู้ดเพราะเริ่มรับงานแสดงมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และพัฒนาฝีไม้ลายมืออย่างไม่เคยหยุดยั้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บริดเจสบรรยายสารคดี Operation Homecoming: Writing the Wartime Experience ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขา Best Documentary Feature เมื่อปี 2008 เมื่อปีที่แล้วเขารับบทนายพลแฮ้งค์ แลนดรี้ ใน Stargate: The Arc of Truth กับ Stargate: Continuum ซึ่งสร้างอ้างอิงจาก Stargate SG-1 ทาง SciFi Channel, เป็นนักแสดงรับเชิญใน My Name is Earl ของ NBC ซึ่งบทคาร์ล ก็ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ย์ สาขา Outstanding Guest Actor in a Comedy Series และยังร่วมแสดงในภาพยนตร์อิสระเรื่อง Dont Fade Away, Americanizing Shelley กับ Spinning into Butter ด้วย
เมื่อปี 2006 บริดเจสร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Good German ภารกิจรักเพลิงสงคราม ของผู้กำกับสตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก และ Charlottes Web แมงมุมเพื่อนรัก ผลงานคนเป็นเล่นกับตัวละครที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งนำกลับมาสร้างใหม่ ก่อนหน้านั้นในปี 2005 บริดเจสก็ร่วมแสดงใน Into the West มินิซีรี่ย์ที่อำนวยการผลิตโดยสตีเว่น สปีลเบิร์ก ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, ภาพยนตร์ค่ายอิสระเรื่อง The Ballad of Jack and Rose ขอให้โลกนี้มีเพียงเรา ที่เขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดยรีเบ็คก้า มิลเลอร์, และ Smile ที่เขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดยเจฟ เครเมอร์ ส่วนในปี 2004 เขาร่วมแสดงใน Evel Knievel ผลงานชีวประวัติทาง TNT, และรับบทประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ใน 10.5 มินิซีรี่ย์ของ NBC ที่ว่าด้วยเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวถล่มชายฝั่งตะวันตก แล้วยังกลับมารับบทเดิมในภาคต่อ 10.5: Apocalypse ที่ออกอากาศทาง NBC ในปี 2006 ด้วย
บริดเจสนำแสดงใน Out of the Ashes ของ Showtime ในปี 2003 ที่สร้างอ้างอิงจาก I Was a Doctor at Auschwitz นวนิยายอัตชีวประวัติของจิเซลล่า เพิร์ล และยังร่วมแสดงใน Everwood ซีรี่ย์ยอดนิยมของ WB กับ The Agency ของ CBS ที่เริ่มฉายครั้งแรกในฤดูใบไม้ร่วงปี 2001 ก่อนจะกลับมาร่วมแสดงชุดปีที่ 2 ในช่วงปี 2002 และ 2003 ด้วย บริดเจสได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ย์ สาขา Outstanding Lead Actor in a Miniseries or a Movie จากบทไมเคิ้ล มัลวานี่ ใน We Were the Mulvaneys ของ Lifetime เมื่อปี 2002
เมื่อปี 1999 บริดเจสรับบทฟิเนียส เทย์เลอร์ บาร์นั่ม พิธีกรระดับตำนานที่พลิกวิถีละครสัตว์จากรูปแบบการแสดงเดี่ยวมาเป็นสามวงสนุกกว่าหลายเท่าตัวใน P.T. Barnum ของ A&E จอร์แดน บุตรชายของโบมารับบทเป็น บาร์นั่มวัยหนุ่ม และเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกของวงการที่พ่อ-ลูกรับบทเป็นตัวละครเดียวกัน แถมยังส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ สาขา Best Actor in a Miniseries or Movie ในปี 2000 ด้วย บริดเจสยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ย์ จาก Inherit the Wind ของ Showtime ที่นำแสดงโดยแจ๊ค เล็มม่อน และจอร์จ ซี สก๊อต ด้วย ก่อนหน้านั้นในปี 1997 บริดเจสคว้ารางวัลเอ็มมี่ย์ ครั้งที่สามจากบทผู้ว่าการฟาร์ลี่แห่งไอดาโฮ ใน The Second Civil War ของ HBO ผลงานตลกเสียดสีว่าด้วยการเหยียดสีผิว, กบถ, และความฝันแบบอเมริกัน
บริดเจสนำแสดงใน Hidden in America ดราม่าสะเทือนอารมณ์ของ Showtime ซึ่งบทพ่อบ้านตกงานหลังจากบริษัทปรับลดจำนวนพนักงาน และดิ้นรนหาเลี้ยงครอบครัวที่ภรรยาแสนรักเสียชีวิตไปโดยไม่ทิ้งทรัพย์สมบัติใด ๆ ไว้ให้เลยแม้สตางค์แดงเดียว ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายทั้งบนเวที Emmy Award และเวที SAG Award™ ในปี 1996 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เขารับบทริชาร์ด นิกสัน ใน Kissinger & Nixon ของ TNT ซึ่งส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ย์ สาขา Best Actor in a Miniseries or Special, และยังนำแสดงใน Losing Chase ของ Showtime ที่ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขา Best Actor in a Motion Picture Made-For-Television ด้วย
บริดเจสคว้ารางวัลเอ็มมี่ย์ และรางวัลลูกโลกทองคำ จากบทนักแสดงสมทบประกบกับฮอลลี่ ฮันท์เตอร์ ใน The Positively True Adventures of the Alleged Texas Cheerleader Murdering Mom ของ HBO เมื่อปี 1993 เขายังนำแสดงใน The Man with Three Wives ของ CBS ซึ่งเป็นผลงานภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ที่สร้างสถิติผู้ชมสูงสุดของฤดูกาลด้วย บริดเจสยังนำแสดงใน Without Warning: The James Brady Story ของ HBO ที่ส่งให้เขาคว้ารางวัลเอ็มมี่ย์, รางวัลลูกโลกทองคำ, และรางวัล Cable ACE Award ในปี 1991 มาครองได้สำเร็จด้วย
บริดเจสเริ่มแสดงภาพยนตร์ใน The Red Pony ที่นำแสดงโดยโรเบิร์ต มิทชั้ม และไมร์น่า ลอย เป็นเรื่องแรก แต่กว่าจะได้บทผู้ใหญ่เต็มตัวก็ปาเข้าไปปี 1967 ใน The Incident หลังจากนั้นเขาก็ร่วมแสดงกับซิดนี่ย์ พอยเตียร์ ใน For Love of Ivy, รับบทนักข่าวมือใหม่ใน Gaily, Gaily ของนอร์แมน เจวิสัน, ร่วมแสดงใน The Landlord ภาพยนตร์เรื่องแรกของฮัล แอชบี้ ผู้ล่วงลับ, ร่วมแสดงกับอลิซาเบ็ธ เทย์เลอร์, ริชาร์ด เบอร์ตั้น ใน Hammersmith is Out, รับบทเด่นใน Child's Play, The Other Side of the Mountain, Greased Lightning, Norma Rae, ร่วมแสดงภาพยนตร์ค่ายอิสระเรื่อง Sordid Lives, Meeting Daddy ที่นำแสดงโดยลอยด์ บริดเจส, Honky-tonk Freeway, Night Crossing, Heart Like a Wheel, The Hotel New Hampshire, The Killing Time, Iron Triangle, Daddy's Dyin'...Who's Got the Will?, Married to It, The Fabulous Baker Boys ที่ส่งให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จาก National Society of Film Critics ในปี 1989