เจน อเล็กซานเดอร์ เป็นนักแสดงละครเวทีฝีมือฉกาจ ซึ่งมีผลงานทางด้านภาพยนตร์ไม่มากนัก ทว่าได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึงสี่ครั้ง ผลงานการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกที่ถูกอกถูกใจคนดูนั้น เธอรับบทที่เคยแสดงบนเวทีมาก่อนจนคว้ารางวัลโทนีมาครองได้ กับการแสดงเป็นนางในดวงใจของนักมวยผิวหมึก แจ็ค จอห์นสัน (แสดงโดย เจมส์ เอิร์ล โจนส์) ใน The Great White Hope (ปี 1970) ซึ่งส่งนักแสดงหญิงเอวบางร่างน้อยคนนี้เข้าชิงออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงตั้งแต่แรกเริ่ม
เนื่องจากบทบาทที่ได้รับมักจะเป็นสาวใสซื่อตรงไปตรงมา ใคร ๆ จึงมองว่า อเล็กซานเดอร์ (ก่อนแต่งงานคือ เจน ควิกลีย์) เป็นผู้หญิงเรียบ ๆ บอบบาง ใสซื่อ และไม่ดัดจริต เธอเป็นลูกสาวของศัลยแพทย์ชื่อดังในบอสตัน งานที่เธอทำในช่วงแรก ๆ จะสลับไปมาระหว่างงานที่ไม่ธรรมดา (เลขานุการ, พนักงานเสิร์ฟ) รวมไปถึงการแสดงบนเวที ก่อนปี 1965 นักแสดงสาวซึ่งปัจจุบันสมรสแล้ว แสดงอยู่ที่โรงละครอารีนาสเตจในวอร์ชิงตันดีซีที่ซึ่งเธอได้ขัดเกลาฝีมืออยู่ถึงสามปี กระทั่งเปิดตัวการแสดงละครบรอดเวย์เรื่องแรก The Great White Hope ในปี 1968 และแสดงต่อมาอีกหลากหลาย ทั้งในบทละครของเชคสเปียร์ส ในบทละครของ เฮนริก อิบเซน ไปจนถึงดราม่าและคอมเมดีร่วมสมัย นอกจากนี้ ยังเคยประชันบทบาทกับนักแสดงชายดัง ๆ อีกมากมาย ตั้งแต่ ไมเคิล มอริอาร์ตี ไปจนถึง เฮนรี ฟอนดา และ ไนเจล ฮอว์ธอร์น ซึ่งจากอาชีพทางการแสดงที่ยาวนานนั้น เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนีถึงห้าครั้ง ได้แก่ บทหญิงสาวที่กำลังหาห้องเช่าถูกใจในคอมเมดีเรื่อง 6 Rms Riv Vu (ปี 1973), บทภรรยาของไบเซ็กชวลใน Find Your Way Home (ปี 1974), บทผู้พิพากษาหญิงคนแรกของศาลฎีกาสหรัฐฯ ใน First Monday in October (ปี 1979), บทผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลกแต่อัดแน่นไปด้วยความแค้นใน The Visit (ปี 1992) และบทพนักงานธนาคารสาวในลอนดอนใน The Sisters Rosensweig (ปี 1993)
ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงเป็นหญิงสาวซื่อสัตย์ใจดีในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ มาตลอด แต่การแสดงบทพนักงานบัญชีช่างจ้อ ซึ่งคอยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับสองนักข่าว วู้ดเวิร์ด และ เบรนสไตน์ ในภาพยนตร์เรื่อง All The President's Men (ปี 1977) ก็ยอดเยี่ยมมาก รวมถึงบทเพื่อนบ้านที่แสนดีซึ่งคอยช่วย ดัสติน ฮอฟฟ์แมน ให้ปรับตัวเข้ากับการเป็นพ่อหม้ายลูกติดให้ได้ในภาพยนตร์เรื่อง Kramer Vs. Kramer (ปี 1979) ซึ่งบทบาททั้งสองนี้ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบหญิง กระทั่งโดดเด่นมากจากบทบาทแม่ในภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ล้างเผ่าพันธุ์เรื่อง Testament (ปี 1983) ซึ่งเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงเป็นครั้งที่สอง หลังจากนั้น เธอมีการแสดงที่น่ายกย่องอีกครั้งในบทแม่ที่ขัดแย้งในตัวเองและศีลธรรมหย่อนยาน ซึ่งอาจจะขัดกับบุคลิกภายนอกของเธอไปบ้าง ในภาพยนตร์เรื่อง Square Dance (ปี 1987) ซึ่งเธอทั้งเข้าไปช่วยเบื้องหลัง และนั่งแท่นเป็นผู้อำนวยการสร้างร่วมด้วย ส่วนหนึ่งในบทบาทที่ยังจดจำกันถึงทุกวันนี้ คือ การแสดงเป็นแม่ชาวบอสตันของ แมทธิว โบรเดอริก ในดราม่าเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองเรื่อง Glory (ปี 1989)
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการแสดงทางโทรทัศน์จะเปิดโอกาสให้เธอได้แสดงพรสวรรค์อันเป็นที่กล่าวขานมากกว่า เธอเริ่มงานทางโทรทัศน์ครั้งแรกช่วงปลายทศวรรษที่ 60 และมีผลงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 70 หลังจากประสบความสำเร็จจากทั้งละครเวทีและภาพยนตร์ไปแล้ว เธอมีมีบทบาทที่ควรค่าแก่การจดจำตามมาอีก ได้แก่ บทแม่ของลูกที่ป่วยเป็นมะเร็ง (แสดงโดย ร็อบบี เบนสัน) ใน Death Be Not Proud (ออกอากาศทางช่องเอบีซี ในปี 1975), บทอาสาสมัครดูแลเด็ก ๆ ในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน A Circle of Children (ออกอากาศทางช่องซีบีเอส ในปี 1977) และบทในภาคต่อเรื่อง Lovey : A Circle of Children Part II (ออกอากาศทางช่องซีบีเอส ในปี 1978) นอกจากนี้ อเล็กซานเดอร์ยังเป็นที่กล่าวขานในวงกว้าง รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมีอีกหลายครั้ง จากการรับบท เอเลนอร์ รูสเวลต์ ภรรยาของประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี รูสเวลต์ ซึ่งรับบทโดย เอ็ดเวิร์ด เฮอร์มานน์ ในภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ทั้งสองเรื่อง คือ Eleanor and Franklin (ออกอากาศทางช่องเอบีซี ในปี 1976) และ Eleanor and Franklin: The White House Years (ออกอากาศทางช่องเอบีซี ในปี 1977) กระทั่งท้ายที่สุดก็ได้รับรางวัลเอ็มมีในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากบทบาทผู้นำกลุ่มออร์เคสตร้าหญิงล้วนในค่ายกักกันเอาชวิตซ์ ในภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง Playing For Time (ออกอากาศทางช่องซีบีเอส ในปี 1980) โดยประชันบทบาทกับ วาเนสซา เรดเกรฟ ต่อมาอเล็กซานเดอร์ทั้งคุมงานสร้างและแสดงเองในภาพยนตร์อัตชีวประวัติทางโทรทัศน์ถึงสองเรื่อง คือ Calamity Jane (ออกอากาศทางช่องซีบีเอส ในปี 1984) และ A Marriage: Georgia O'Keefe and Alfred Stieglitz (ออกอากาศทางช่องสาธารณะพีบีเอส ในปี 1991) กระทั่งฉายแสงเจิดจ้าจากการแสดงเป็นตัวละครที่มีชีวิตจริงอีกครั้ง ในบทราชินีแห่งข่าวซุบซิบ เฮ็ดดา ฮ็อพเพอร์ ซึ่งคู่กับ เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ในบท ลูเอลลา พาร์สัน ในภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง Malice in Wonderland (ออกอากาศทางช่องซีบีเอส ในปี 1985)
ในปี 1993 อเล็กซานเดอร์รับคำเชิญของประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน เป็นหัวหน้ากองทุนบริจาคเพื่อศิลปะแห่งชาติ หรือ เอ็นอีเอ โดยสาบานรับตำแหน่งเมื่อ 8 ตุลาคม และนับแต่นั้น เธอต้องปะทะกับสมาชิกสภาคองเกรสซึ่งพยายามสลายเอ็นอีเออยู่ตลอดทั้งปี แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่งบของเอ็นอีเอก็ถูกตัดออกไปถึงกว่าร้อยละ 40 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 1995 เป็นต้นมา หลังจากสี่ปีแห่งความหงุดหงิด อเล็กซานเดอร์ก็ยื่นใบลาออกจากเอ็นอีเอในเดือนตุลาคม ปี 1997 ตำแหน่งหัวหน้ากองทุนจึงว่างลงชั่วคราว จนกระทั่งมีผู้มาดำรงตำแหน่งต่อ เธอถึงได้หวนกลับสู่อาชีพทางการแสดงอีกครั้ง
เธอคืนสู่ละครบรอดเวย์เรื่อง Honour (ปี 1998) ซึ่งค่อนข้างจะจืดชืดยืดเยื้อ ว่าด้วยเรื่องชายที่ทิ้งภรรยา (แสดงโดย อเล็กซานเดอร์) ไปหาสาวรุ่น บางทีอาจจะเป็นการต้อนรับการหวนคืนวงการของเธอ หรือที่แน่ ๆ เพราะบทที่เธอได้รับนั้นคล้าย ๆ กับที่เธอเคยแสดงมาก่อน หากแต่ทำสีใหม่ เพิ่มศักดิ์ศรีและความนุ่มนวลเข้าไป เธอจึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนีเป็นครั้งที่หกจากบทบาทนี้ แต่กระนั้น ละครก็ไม่มีคนดูและปิดการแสดงลงเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ต่อมาจึงหวนคืนสู่ภาพยนตร์ในบทสมทบ โดยแสดงเป็น พยาบาลเอ็ดนา หนึ่งในสองสาวที่ต้องช่วยกันผ่าตัดเด็กกำพร้า ในภาพยนตร์ดัดแปลงของผู้กำกับฯ จอห์น เออร์วิง เรื่อง The Cider House Rules (ในปี 1999) ซึ่งยิ่งเธอใส่พลังและความอบอุ่นเข้าไปในบทบาทอย่างเต็มที่ ก็ยิ่งเร่งเร้าให้คนดูเรียกร้องบทบาทอันทรงพลังอย่างที่เธอเคยแสดงมายาวนานคืนมาให้เธอ
หลังจากแสดงในภาพยนตร์ของมือเขียนบทฯ และผู้กำกับฯ จอห์น เซย์เลส เรื่อง Sunshine State (ปี 2002) และในภาพยนตร์สยองขวัญสุดฮิตเรื่อง The Ring (ปี 2002) รวมไปถึงภาพยนตร์ทางโทรทัศน์อีกหลากหลาย อเล็กซานเดอร์ก็มุ่งไปที่การแสดงทางโทรทัศน์เสียเป็นส่วนใหญ่ กระทั่งได้แสดงในภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ว่าด้วยเรื่องชีวิตตอนต้นของ แฟรงคลิน และ เอเลนอร์ รูสเวลต์ เรื่อง Warm Springs (ออกอากาศทางช่องเอชบีโอ ในปี 2005) ซึ่งส่งให้เธอได้ครองรางวัลเอ็มมีสาขานักแสดงสมทบหญิงผู้โดดเด่นในมินิซีรี่ส์หรือภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ สำหรับบทบาทการแสดงเป็นแม่ผู้หนักแน่นของอนาคตประธานาธิบดีที่ขณะนั้นป่วยเป็นโปลิโอ นามว่า แซรา ดีลาโน รูสเวลต์ เธอยังเป็นดารารับเชิญใน Law & Order เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเดย์ไทม์ เอ็มมีจากการแสดงของเธอในภาพยนตร์ทางโชว์ไทม์เรื่อง Carry Me Home ที่กำกับโดยเจซ อเล็กซานเดอร์ ลูกชายของเธอ ก่อนหน้านี้ เธอเคยร่วมงานกับเจซมาแล้วเมื่อเขากำกับเธอในภาพยนตร์ทางซีบีเอสเรื่อง Jenifer ในปี 2007 อเล็กซานเดอร์ได้นำแสดงในซีรีส์โทรทัศน์เรื่องแรกของเธอเรื่อง Tell Me You Love Me ทางเอชบีโอ
อเล็กซานเดอร์เป็นผู้เขียน Command Performance: An Actress in the Theater of Politics ซึ่งบันทึกเรื่องราวของเธอขณะที่เป็นผู้อำนวยการเนชันแนล เอ็นโดว์เมนท์ ฟอร์ ดิ อาร์ตส์ระหว่างปี 1993-1997 ก่อนที่เธอจะทำงานในสายการเมืองต่อด้วยการเป็น Commissioner of Parks, the Taconic Region ให้กับนิวยอร์ก