หากมองเพียงผิวเผินแล้ว เส้นทางการเดินทางของนิค แคนน่อนจากการเป็นนักแสดงรุ่นเยาว์ไปสู่การเป็นมือเขียนบท/ผู้สร้างรายการโทรทัศน์ของตัวเองล่าสุดเขายังเป็นประธานบริหารบริษัทแผ่นเสียงของตัวเองอีกด้วย อาจจะดูราวกับจะดำเนินรอยตามแบบฉบับของ "การมีทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อม" ที่วัยรุ่นดัง ๆ หลายคนเป็นกัน แต่สำหรับหนุ่มน้อยวัย 25 จากซานดิเอโก ผู้ซึ่งมีทั้งความฉลาดเฉลียวและไหวพริบเทียบเท่ากับความบ้าบิ่นที่ผลักดันให้เขาก่อตั้งบริษัทแผ่นเสียงของตัวเองในชื่อ แคน ไอ บอล เรคคอร์ดส์ เขาไม่ยอมหยุดยั้งอยู่ที่ความสำเร็จเพียงเท่านั้นของเขา
แคนน่อนที่ถูกมองว่าเป็น "กิ้งก่าเปลี่ยนสีแห่งวงการ" มีอาชีพตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังมีหัวธุรกิจที่เฉียบแหลมเกินอายุ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาพูดถึงว่าเป็น "ความแตกต่าง" ระหว่างการเป็นบุคคลเด่นดังที่กำลังไต่เต้าและการเป็นพวกตะกายดาว และเขายังเป็นคนแรกที่ออกมากล่าวยอมรับว่า ตัวเขาเองได้เห็นคนประเภทหลังบ่อยเกินไปแล้ว อิทธิพลที่นิคได้รับยังรวมถึงธุรกิจของเจย์ ซี และรัสเซล ซิมมอนส์ เพราะพวกเขารู้ดีว่า ปัจจัยสำคัญที่มีต่อความสำเร็จของพวกเขา ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้า ก็คือการใช้วัตถุดิบทุกอย่างที่พวกเขามีเมื่อชื่อเสียงของพวกเขาขจรขจายไปไกลยิ่งขึ้น เมื่อมีคนถามเขาว่า ใครคือนักธุรกิจที่เขายึดเป็นแบบอย่าง เขาก็มักจะพูดถึงนักธุรกิจที่น่าทึ่งอย่างบิล คอสบีและควินซีย์ โจนส์ ที่สร้างปรากฏการณ์ให้เกิดขึ้นต่อวัฒนธรรมของเราและสามารถสร้างโปรเจ็กต์มากขึ้นมาได้จากข้อมูลความรู้พื้นฐาน
หากมองดูโปรเจ็กต์ระยะหลังมานี้ของเขา ก็จะพบว่า แคนน่อนผู้ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยบรรลุเป้าหมายของเขาในทุกแง่มุม โดยเขาเป็นทั้งผู้สร้าง ผู้กำกับ พิธีกรและเจ้าของความคิดเบื้องหลังรายการ MTV Nick Cannon Presents Wild' n Out ซึ่งมีเรตติ้งสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยรายการนี้ปัจจุบันกำลังแพร่ภาพซีซันที่สาม และกำลังจะเปิดตัวในอังกฤษและแคนาดา เขายังได้นำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Bobby ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการลอบสังหาร โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ ที่กำกับโดยเอมิลิโอ เอสเตเวซ และภาพยนตร์อินดี้เรื่อง Weapons และเขายังเขียนบทภาพยนตร์เกี่ยวกับมวยปล้ำของตัวเอง นอกจากนั้นแล้ว อาณาจักรธุรกิจอันยิ่งใหญ่ของเขายังรวมถึงไลน์เสื้อผ้ามูลค่าหลายล้านเหรียญในชื่อ พีเอ็นบี เนชันด้วย เขาร่วมกับควินซีย์ โจนส์อำนวยการสร้าง The Giggle Club ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี โชว์ทางนิคเคลโลเดียนเกี่ยวกับผู้ให้ความบันเทิงรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ และเขาก็เพิ่งเซ็นสัญญากับโมทาวน์ เรคคอร์ดส์ ที่จะเปิดตัวแคน ไอ บอล เรคคอร์ดส์ เพื่อร่วมมือกับ ซิลเวีย โรห์น ประธานและผู้บริหารจากโมทาวน์ ในการผลิตศิลปินหน้าใหม่ รวมทั้งอัลบัมของตัวเองด้วย
แคนน่อนกำลังสรรค์สร้างอัลบัมโซโลของตัวเอง (ซึ่งเป็นอัลบัมชุดที่สองของเขา) Stages โดยชื่ออัลบัมนี้ถูกเลือกเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการละเลงสีหลายชั้นที่ศิลปิน/ผู้บริหารคนนี้ใส่ให้กับอัลบัมและอาชีพการงานของเขา การได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเคนเย เวสต์ ผู้อำนวยการสร้างแทร็คอัพเทมโป My Wife ได้ส่งอิทธิพลให้แคนน่อนมีทัศนคติในการอำนวยการสร้างอัลบัมใหม่ ซึ่งก็คือความเข้าใจว่า อัลบัมเป็นพาหะที่ยิ่งใหญ่ที่จะส่งให้คุณเข้าถึงผู้ฟังของคุณและเปิดโอกาสให้พวกเขารู้จักคุณ แคนน่อนอยากจะให้ผู้ฟังได้เห็นภาพจากทุกจังหวะในชีวิตของเขา ซึ่งจะสร้างให้เกิดความผูกพันระหว่างเขาและผู้ฟังตลอดทั้งอัลบัม อัลบัม Stages ได้นำเสนอช่วงจังหวะต่าง ๆ ที่ทำให้แคนน่อนมายืนอยู่ตรงที่ที่เขายืนอยู่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดง อาชีพการงานอื่น ๆ มาจนถึงช่วงจังหวะในการควบคุมดูแลธุรกิจของเขาเพื่อที่ความเจริญเติบโตของเขาจะได้สะท้อนถึงทิศทางทุกทิศที่เขาอยากจะก้าวต่อไป นิคได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นครั้งแรกจากการแสดงที่คอเมดี สโตร์เมื่ออายุ 15 ปี ตามมาด้วยบทบาทในซีรีส์ฮิตทางนิคเคลโลเดียนเรื่อง All That สามปีให้หลัง ซึ่งส่งให้เขาโด่งดังในฐานะดาราดาวรุ่งที่มีเซนส์ด้านธุรกิจหาตัวจับยาก ไม่นานนัก แคนน่อนก็ได้มีรายการโทรทัศน์ของตัวเองทางเคเบิลทีวีในชื่อ The Nick Cannon Show และเขาก็ควบตำแหน่งกำกับและอำนวยการสร้างรายการที่มีสีสันนี้ด้วยเช่นกัน ในที่สุด ชื่อเสียงต่าง ๆ ที่แคนน่อนได้รับก็นำเขาไปสู่ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาในปี 2002 เรื่อง Drumline และบทบาทในภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ซึ่งรวมถึง Love Don't Cost a Thing ในปี 2003 ด้วย ในปีเดียวกันนั้นเอง แคนน่อนได้เปิดตัวอัลบัมโซโลของเขา ซึ่งเป็นการร่วมมือกันกับซูเปอร์สตาร์หลายคน อันได้แก่ อาร์. เคลลี, ลิล โรมีโอ และบีทูเค