ฮาวเวิร์ด ดุช จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ โคลัมบัส โอไฮโอ ผู้กำกับรายการทีวี ฮาวเวิร์ด ดุช เขาเป็นลูกชายของสิ่งพิมพ์ทางด้านดนตรี วิซ เมอร์เรย์ ดุช เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยการทำโฆษณาให้กับยูไนเต็ด อาร์ติส เร็คคอร์ด (ที่ซึ่งพ่อของเขาเป็นประธานบริษัท) ก่อนที่จะหันไปทำธุรกิจของตัวเอง เหมือนกับหุ้นส่วนอื่นๆ ใน Kanew-Manger-Deutch หนึ่งในบริษัทภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในฮอลิวูด เขาได้เข้าร่วมกับเพื่อนในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์หลายเรื่อง และได้รับรางวัลชนะเลิศตัวอย่างภาพยนตร์ ก่อนที่จะกระโดดจากการโฆษณาไปสู่การเป็นผู้กำกับมิวสิค วีดีโอ สำหรับผลงานอย่าง บิลลี่ ไอดอล (Flesh for Fantasy) และบิลลี่ โจเอล (Keeping the Faith)
ดุช ยังขยายทักษะภายใต้การแนะนำ ของเคิร์ท เดมสเตอร์ ที่สตูดิโอ โรงภาพยนตร์ ในนิวยอร์ค การกำกับในหลาย ๆ แบบรวมทั้งเรื่อง Landscape with Waitress และ Surprise ดุช เริ่มต้นอาชีพของเขาเมื่อโปรดิวเซอร์ และผู้เขียนบท จอห์น ฮิวจ์ส ได้ให้โอกาสเขาในเรื่อง Pretty in Pink ในปี 1986 ผลเป็นที่น่าพอใจมันฮิตติดตลาด ต่อจากนั้นก็มีเรื่องอื่นๆ ตามมาเช่น Some Kind of Wonderful ในปี 1987 แต่แทบจะไม่ประสบความสำเร็จเลย และเรื่อง The Great Outdoors (1988)
หลังจากที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวอยู่หลายปี เรื่อง Article 99 (1992), เป็นหนังแนวผจญภัยเรื่องแรกของเขาก็ออกมาโดยไม่มี ฮิวจ์ ร่วมด้วย กลับมาสู่จอยักษ์ มันเป็นตลกคนดำ และเสียดสีการดูแลสุขภาพของกลุ่มนักบริหาร ผสมผสานกันอย่างไม่ง่ายเลย กับสมมติฐานเพียงเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่เป็นมิตร
ดุชยังมีผลงานตามมาอีกหลายเรื่องเช่น Getting Even with Dad (1994), ซึ่งล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่เขาก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้อย่างดี เรื่อง Grumpier Old Men (1995), กับแจ็ค เล็มมอน และวอรเตอร์ แมททู และเรื่อง The Odd Couple II--Travelin' Light (1997)
ระหว่างที่เขาหยุดชะงักกับผลงานภาพยนตร์ ดุชก็ประสบความสำเร็จกับรายการทางทีวี ในการกำกับหนังสยองขวัญให้กับ HBO ในเรื่อง Tales from the Crypt และเรื่องที่สองคือ Dead Right (1990), นักแสดงที่ร่วมงานด้วยคือ เดมี่ มัวร์ และ เจฟฟรีย์ แทมบอร์ ทำให้เขาได้รับรางวัล Cable ACE Award
นอกจากนั้นเขายังมีผลงานซีรีส์ของ Fox's twentysomething เรื่อง Melrose Place ในปี 1992 ดุชพบกับภรรยาของเขา ลี ทอมสัน ในเรื่อง Some Kind of Wonderful และกำกับเธอในเรื่อง Only Sin Deep (1989)