จางนารา เป็นคนที่มีนิสัยสนุกสนาน ติดเล่นตลก และติงต๊องเล็ก ๆ เพราะไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนและทำอะไร ก็มักจะสร้างความสุข ความสนุกและเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างได้อย่างเสมอ ๆ ด้วยบุคลิกเฉพาะตัวนี้เองที่ทำให้ จางนารา กลายเป็นที่รักของคนเกาหลีทั้งประเทศจนถึงปัจจุบันนี้ ครอบครัวของ จางนารา ล้วนแล้วแต่ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงทั้งสิ้น และตัวของจางนาราเองก็เริ่มมีแววของการเป็นนักแสดงที่โดดเด่นมาตั้งแต่เมื่อเธอมีอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้น โดยเธอมีโอกาสได้โชว์ความสามารถ ทางด้านการแสดงในละเวทีของโรงเรียนเรื่อง Les Misearable ร่วมกับพ่อของเธอ และช่วงที่จางนารา เรียนอยู่ชั้นมัธยมเธอก็ยังมีงานโฆษณาติดต่อเข้ามาอีกด้วย ก่อนที่เดือนมีนาคมปี 2000 จางนาราจะเริ่มเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย Chungang ในสาขาศิลปะการแสดง
ปี 2001 จางนาราก็กลายเป็นที่รู้จักของคนเกาหลีทั้งประเทศ ในฐานะนักร้องหน้าใหม่ที่มากความสามารถ กับอัลบั้มเพลงชุดแรกที่ใช้ชื่ออัลบั้มว่า "First Story" ออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2001 ซึ่งก็ประสบความสำเร็จสูงสุดและสร้างปรากฏการณ์ถล่ม Korean Billboard จนมียอดจำหน่ายอัลบั้มแรกเฉพาะในเกาหลีมากกว่า 3 ล้านชุด และส่งผลให้จางนาราได้รับรางวัล Best New Singer ของรายการ Korean Boardcasting Stations And Music Associations ประจำปี 2001 ไปในทันที นอกจากงานเพลงแล้ว จางนาราก็ยังมีงานละครตลกซิทคอมสุดฮิตของทางสถานีโทรทัศน์ MBC เรื่อง New Nonstop 2 ที่เธอได้ร่วมแสดงกับดาราวัยรุ่นชื่อดังที่แจ้งเกิดจากละครเรื่องนี้หลายคน นอกจากนั้น จางนาราก็ยังมีงานพิธีกรรายการเพลง MBC Music Camp ทางสถานีโทรทัศน์ MBC อีกด้วย
ปี 2002 จางนาราเริ่มหันเหความสนใจมาทางด้านงานแสดงมากขึ้น โดยในปีนี้ จางนารามีงานละครเข้ามาถึงสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรก My Fair Lady ละครเกาหลีสุดฮิตประจำปี 2002 ที่เธอได้ร่วมงานกับ จางฮุค ส่วนละครอีกเรื่องคือเรื่อง My Love Patzzi ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ MBC ในส่วนของงานเพลง จางนาราก็ยังคงรักษาระดับความนิยมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น กับอัลบั้มเพลงชุดที่ 2 ของเธอ 'Sweet Dream' ที่ทำยอดจำหน่ายไปมากกว่า 2 ล้านชุด และทำให้เพลง Sweet Dream กลายเป็นเพลงฮิตที่สุดในช่วงปลายปี 2002 ไปในทันที นอกจากนั้น จางนารายังมีโอกาสร่วมร้องเพลงในงาน 2002 World Cup Games ซึ่งเกาหลีและญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ
ปี 2003 จางนาราเริ่มต้นปีด้วยการรับงานละครเป็นนักแสดงรับเชิญในละครเรื่อง Hello Balbari ทางสถานีโทรทัศน์ KBS หลังจากนั้นช่วงต้นเดือนเมษายน ภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ Oh! Happy Day ที่ได้ร่วมแสดงกับ พัคจองชุล ก็เข้าฉายในเกาหลี ในช่วงกลางปี จางนารามีงาน Concert "Jang Nara Live - Live in Japan"! ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับนักเสียงดีอย่าง Sung Si-Kyung ต้นเดือนธันวาคมอัลบั้มที่ 3 ของเธอ '3rd Story' ก็ออกวางจำหน่ายทั่วเกาหลี โดยส่งซิงเกิ้ลแรก Prayer ออกมาไต่อันดับ Top Ten ของ Korean Billboard อยู่ในขณะนี้ ก่อนที่จะส่งท้ายปีด้วย Concert ใหญ่ครั้งที่ 2 ของเธอในปีนี้ Season in Love Winter Live 2003 ที่มหาวิทยาลัย Kyeong-Hee ในวันที่ 27 และ 28 ธันวาคม 2003 เป็นการปิดท้ายการทำงานของ จาง นารา ในปีนี้แบบสวยงาม
ปี 2004 จางนารากลับมาพร้อมกับงานเพลงอัลบั้มพิเศษ Jang Na Ra History - My Love ออกวางจำหน่ายในวันที่ 6 พฤษภาคมคม หลังจากนั้น จางนาราก็มีผลงานละครเรื่อง I'm Gonna Fall In Love โดยเธอได้ร่วมแสดงกับ ยุนจองฮุน ซึ่งละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวความรักของเด็กนักเรียนสาวชั้นมัธยมปลายกับหนุ่มมหาวิทยาลัย หลังจากนั้น จางนาราก็ออกอัลบั้มเพลงฝึกภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเล็กในเดือนกันยายน
จางนารา มีงานละครเรื่อง Sassy Princess ให้กับสถานีโทรทัศน์ CCTV ของประเทศจีน โดยละครเรื่องนี้ออกฉายตอนแรกในกลางปี 2005 อีกด้วย