แดน แอ็กรอยด์ ได้เพลิดเพลินไปกับอาชีพวงการบันเทิงมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี และได้รับเกียรติถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Award® สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม สำหรับการแสดงของเป็น บูลี่ เวอร์ธาน ในภาพยนตร์ที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง Driving Miss Daisy ดิ ออตตาว่า, เขาเป็นชาวออนตาริโอ เป็นที่รู้จักอย่างดีของผู้ชมภาพยนตร์ สำหรับผลงานของเขาที่มากกว่า 60 เรื่อง รวมไปถึงภาพยนตร์ผลงานของ อิวาน เรียตแมน เรื่อง Ghostbusters และ Ghostbusters II โดยทั้งสองเรื่องแอ็กรอยด์ทำหน้าที่ร่วมเขียนบทภาพยนตร์, ภาพยนตร์ที่อบอุ่นใจเรื่อง My Girl, ภาพยนตร์คอมเมดี้ยอดนิยมเรื่อง Trading Places และภาพยนตร์ของ เซอร์ ริชาร์ด แอทเทนโบโร่ เรื่อง Chaplin โดยทั้งหมดนี้ภาพยนตร์ของแอ็กรอยด์ได้ปิดรายได้ที่ 1 พันล้านดอลลาร์จากทั่วโลก
แอ็กรอยด์มีชื่อเสียงครั้งแรกในฐานะเป็นหนึ่งในตัวละครที่ไม่มีความพร้อมแต่มีเอกลักษณ์ของตัวละครในรายการช่วงไพรม์ไทม์ที่มีชื่อว่า Saturday Night Live ขณะที่ทำการแสดง เขาคว้ารางวัล Emmy Award สาขาบทที่โดดเด่นในคอมเมดี้-วาไรตี้ หรือรายการชุดทางดนตรี เขาสร้างตัวละครที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและกลายเป็นอมตะมาแล้วมากมาย รวมไปถึงผู้นำครอบครัวโคนเฮดส์, เบลดาร์ และเอลวูด บลูส์ ที่ร่วมงานกับเจค บลูส์ ของจอห์น เบลูชิในการก่อตั้ง The Blues Brothers แอ็กรอยด์และเบลูชิได้รับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grammy Award สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในปี 1979 จาก triple platinum-selling album ของพวกเขาที่มีชื่อว่า Briefcase Full of Blues ในการแสดงที่เป็นตัวเขาในบทบาทของแอลวูด บลูส์, แอ็กรอยด์ได้ออกซีดีเพลงทั่งหมด 7 แผ่น พร้อมด้วยยอดขายรวมโดยประมาณ 5 พันล้านแผ่น
ต่อมาเขาและเบลูชินำ The Blues Brothers มาสู่จอยักษ์ในภาพยนตร์ยอดนิยมชื่อเรื่องเดียวกัน ที่แอ็กรอยด์ทำหน้าที่ร่วมเขียน ต่อมาเขาได้รับเจมส์ เบลูชิ เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่เพื่อแสดงเป็นน้องชายร่วมสายเลือดของเจค ซี และหลังจากนั้นทั้งคู่ได้มีการแสดงสดในฐานะแอลวูดและซี บลูส์ให้กับผู้ชมรอบอเมริกา แอ็กรอยด์ก็ยังเขียนและแสดงในภาคต่อของภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า Blues Brothers 2000 กำกับโดยจอห์น แลนดิส อีกด้วย แอ็กรอยด์ร่วมเขียนและแสดงในภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่อง Spies Like Us, Dragnet และ Nothing But Trouble เช่นเดียวกับเรื่อง Coneheads ที่อ้างอิงจากตัวละครยอดนิยมของเขาทาง SNL ผลงานภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงเรื่องอื่นๆ ของเขายังรวมถึง Pearl Harbor, Twilight Zone: The Movie, ภาพยนตร์ผลงานของสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก เรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom, My Stepmother Is an Alien, Sneakers, My Girl 2, Exit to Eden, Tommy Boy, Grosse Pointe Blank, The House of Mirth, ภาพยนตร์คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่นเรื่อง Antz และภาพยนตร์ผลงานของอีแวน เรียตแมน เรื่อง Evolution
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับผลงานภาพยนตร์และทางโทรทัศน์ของเขา แอ็กรอยด์วุ่นอยูกับการลงทุนทางด้านการเงินที่เขาพยายามในธุรกิจหลายอย่าง รวมไปถึงการช่วยนำร้านอาหาร Hard Rock Café เข้ามาสู่อเมริกา และต่อมาได้ร่วมก่อตั้ง The House of Blues Entertainment, Inc., การเปิดตัว House of Blues หอประชุมคอนเสิร์ต/ร้านอาหาร/สถานที่ร้านค้าปลีกข้ามประเทศ เช่นเดียวกับแอลวูด บลูส์, แอ็กรอยด์เป็นพิธีกร 10 ปีให้กับ House of Blues Radio Hour ซึ่งร่วมกับสถานีวิทยุอีก 180 แห่งผ่านเครือข่ายวิทยุของอเมริกา แอ็กรอยด์และเจมส์ เบลูชิยังร่วมกันเป็นผู้ดำเนินรายการ, ร้องและเต้นในรายการ Have Love Will Travel Revue ของพวกเขาที่เปิดเพลงคลาสสิคของชาวอเมริกา
แอ็กรอยด์ยังมีความสนใจอย่างมากในด้านของไวน์และเหล้ากลั่น รวมไปถึง Patron Spirits ที่เขาจัดจำหน่ายทั่วแคนาดา หนึ่งในหุ้นส่วนของ Diamond Estates Wine and Spirits Ltd. ที่ตั้งอยู่ที่โตรอนโต ทำให้มีการเปิดตัวไวน์หลายชนิดในหมวดของ Dan Aykroyd Discovery และ Dan Aykroyd Signature Reserve VQA Vidal Ice Wine ผู้ก่อตั้งได้ตั้งชื่อว่า Canadian Wine of the Year; และ Crystal Head Vodka ที่สร้างขึ้นที่ Newfoundland ในเดือนมิถุนายน 2007 Diamond Estates แถลงการณ์ว่จะสร้าง The Dan Aykroyd Winery อยู่ในใจกลางภูมิภาคของไวน์ที่ Niagra ของประเทศแคนาดา ลักษณะโรงกลั่นไวน์ที่มีมูลค่า 12 ล้านดอลลาร์ มีเนื้อที่ 45,000 ตารางฟุต รวมถึงอาคารใช้สอยต้อนรับหลายชั้น และมีการจ่ายภาษีให้แก่พื้นที่ และสำหรับผลงานของแอ็กรอยด์ทั้งทางภาพยนตร์และทีวี โดยการแสดงอันเป็นที่จดจำของเขาบางอย่างในตลอดช่วงการสร้างตึก
มีการลงทุนร่วมกับ Order of Canada ในปี 1999 แอ็กรอยด์ได้รับเหรียญตราตั้ง Vice-Regal จากผู้ว่าการรัฐทั่วไป ในฐานะชาวแคนาดาผู้มีชื่อเสียงที่ 'มีความประสงค์อยากทำให้เมืองดีขึ้น' เขายังทำหน้าที่ถือสัตยาบัณ Captain in the Reserve of the Department of Police ในเมืองของฮาราฮาน, หลุยส์เซียน่า, ได้รับจดหมายชมเชยสำหรับการทำงานของเขาในการศึกษาต่อต้านอาชญากรรมของเยาวชน