เสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะและเสียงหัวเราะเป็นหลักเกณฑ์สำคัญของเดวิด ซัคเกอร์ในการสร้างคอเมดีสุดฮาที่จะทำให้ผู้ชมต้องหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเสมอมา ด้วยการผสมผสานตลกเจ็บตัวและอารมณ์ขันจิกกัดเข้าด้วยกัน ซัคเกอร์ได้สร้างแนวคอเมดีของตัวเองขึ้นมาด้วยภาพยนตร์ฮิตปี 1980 เรื่อง Airplane! และช่วยปูทางให้กับคอเมดีอื่นๆ ในแนวเดียวกันนี้อย่าง Austin Powers, Dumb and Dumber, Road Trip และ Scary Movie ทั้งสามภาค ซัคเกอร์ ที่เป็นที่รู้จักดีจากสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ในการกำกับคอเมดีและความสามารถของเขาในการดึงเอาแง่มุมที่ขบขันจากตัวนักแสดงดรามาที่ซีเรียสที่สุดได้ เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า เป็นเจ้าพ่อของภาพยนตร์แนวนี้ ซึ่งถูกเลียนแบบมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีเรื่องไหนที่จะใกล้เคียงของจริงเลยซักครั้ง
ซัคเกอร์กลับมากำกับ Scary Movie 4 อีกครั้ง หลังจากที่ได้กำกับ Scary Movie 3 ภาคที่สามของแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของไดเมนชัน ฟิล์มส์ Scary Movie 3 ยังคงสานต่อความเพี้ยนด้วยการล้อเลียนภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องดังมากมายเช่น Scream และ I Know What You Did Last Summer Scary Movie 3 นำแสดงโดยควีน ลาติฟาห์, ชาร์ลี ชีน, เอ็ดดี กริฟฟิน, เรจินา ฮอล, แอนนา ฟาริสและเลสลี นีลสัน ผู้เคยร่วมงานกับซัคเกอร์มาแล้วหลายครั้ง การรวมตัวกันครั้งนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นสูตรที่ลงตัวสำหรับความสำเร็จเพราะ Scary Movie 3 ขึ้นถึงอันดับหนึ่งของบ็อกซ์ออฟฟิศ และทำรายได้ไปกว่า 48 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์แรกที่ลงโรง และทำรายได้รวมไปกว่า 110 ล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศ มาในครั้งนี้ ซัคเกอร์ตั้งใจที่จะเรียกเสียงหัวเราะที่ครื้นเครงกว่าเดิมและผลักดันขีดจำกัดให้ไปไกลกว่าเดิมอีกหลายเท่า
ซัคเกอร์ได้รับความสนใจครั้งแรกในปี 1980 ด้วยความสำเร็จจาก Airplane! ที่เขาร่วมกำกับกับเจอร์รี ซัคเกอร์ น้องชายของเขา และจิม อับราฮัมส์ เพื่อนสนิทของเขา Airplane! ที่เดวิดคิดขึ้นให้เป็น คอเมดีที่ไม่มีนักแสดงตลก นำแสดงโดยนักแสดงดรามาอย่างโรเบิร์ต สแต็คและปีเตอร์ เกรฟส์ที่พูดบทพูดไร้สาระออกมาด้วยความจริงใจเต็มเปี่ยม ตอนนั้นซัคเกอร์ไม่รู้เลยว่า เขาได้สร้างดรามาแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงในวงการตลกขึ้นมาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นม้ามืดในปี 1980 ด้วยการกวาดรายได้ไปกว่า 83 ล้านเหรียญและทำให้ซัคเกอร์และบริษัทของเขากลายเป็นเจ้าพ่อใหญ่ในวงการคอเมดีของฮอลลีวูด โชคดียังคงเป็นของซัคเกอร์อย่างต่อเนื่อง โดยเขาได้ร่วยมมือกับอับราฮัมส์และน้องชายของเขา สร้างภาพยนตร์ล้อเลียนสายลับเรื่อง Top Secret! ที่นำแสดงโดยวัล คิลเมอร์และภาพยนตร์ขำขันจิกกัดเรื่อง Ruthless People ที่นำแสดงโดยเบตต์ มิดเลอร์และแดนนี เดอวีโต ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเรื่องหนึ่งประจำปี 1986 ด้วยรายได้รวมกว่า 71 ล้านเหรียญ
ในปี 1988 เดวิด ซัคเกอร์ได้มีผลงานภาพยนตร์ที่เขากำกับเดี่ยวเรื่อง The Naked Gun ที่ได้เลสลี นีลสันรับบทเป็นแฟรงค์ เดรบิน นับสืบที่มักเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์น่าอึดอัดและตกเป็นตัวตลกของสาธารณชนอยู่เนืองๆ The Naked Gun ที่ร่วมแสดงโดยพริสซิลลา เพรสลีย์ กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงอย่างเหลือเชื่อ และนำมาสู่การสร้างซีเควลอีกสองภาคคือ The Naked Gun 2 ซึ่งทำรายได้สูงกว่าภาคแรกและ The Naked Gun 33 1/3 ที่อำนวยการสร้างโดยซัคเกอร์ ก็ประสบความสำเร็จด้านรายได้เช่นกัน
หลังสำเร็จการศึกษา เดวิด ซัคเกอร์ได้เริ่มต้นอาชีพของเขาด้วยแผงวิดีโอเทปที่ขอยืมมาและกล้องเก่าๆ ตัวหนึ่ง เขาเกลี้ยกล่อมให้เจอร์รี น้องชายเขา และจิม อับราฮัมส์ เพื่อนของเขา ร่วมกันกับเขาสร้างเคนตักกี ฟรายด์ เธียเตอร์ขึ้นมาหลังร้านหนังสือในเมดิสัน, วิสคอนซิน หลังจากที่ย้ายไปลอสแองเจลิสในปี 1972 ความสำเร็จของพวกเขาดำเนินมาอย่างต่อเนื่องด้วยรายการใหม่ ที่แสดงถึงสไตล์ที่ไม่เหมือนใครของพวกเขาในการผสมผสานวิดีโอเทป ภาพยนตร์และการแสดงสดเข้าด้วยกัน ภายในเวลาห้าปี พวกเขาก็กลายเป็นคณะละครขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ลอสแองเจลิส ในปี 1977 พวกเขาได้ร่วมมือกันสร้างภาพยนตร์เรื่องแรก ซึ่งตั้งชื่อได้อย่างเหมาะเหม็งว่า Kentucky Fried Movie ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์อินดีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและยังคงเป็นภาพยนตร์คัลท์คลาสสิกมาจนถึงปัจจุบัน
ซัคเกอร์ยังได้ก้าวไปชิมลางในภาพยนตร์แนวอื่น และเพิ่มเติมโปรเจ็กต์ที่หลากหลายเข้าไปในประวัติการอำนวยการสร้างภาพยนตร์ของเขา โดยภาพยนตร์เหล่านั้น เช่นทริลเลอร์เรื่อง Phone Booth ที่นำแสดงโดยคอลิน ฟาร์เรลไปจนถึงดรามาสะเทือนอารมณ์อย่าง A Walk in the Clods ที่นำแสดงโดยคีอานู รีฟส์ ทำให้ซัคเกอร์เป็นที่รู้จักจากพรสวรรค์ที่กว้างขวางและสายตาคมเฉียบที่มองเห็นศักยภาพในการทำเงินได้ของเขา