ด้วยความงามที่เป็นเอกลักษณ์และการแสดงบนรันเวย์ที่น่าตกตะลึง จีเซล บุนด์เชน ได้สร้างความโด่งดังให้กับวงการแฟชั่น หลังจากได้รับรางวัลทรงเกียรติ VH-1/Vogue Model of the Year award เมื่อปี 1999 เธอยังได้เป็นพิธีกรร่วมให้กับพิธีในปี 2000 นางแบบ IMG ผู้นี้ได้ขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นยักษ์ใหญ่มาแล้วเกือบทุกฉบับ และเป็นที่ต้องการตัวอย่างมากจากบรรดาดีไซเนอร์ชั้นนำ, ผู้กำกับฯ และช่างภาพของวงการ Vogue ได้ขนานนามให้เธอเป็น Model of the Millennium และกล่าวอ้างถึงเธอว่าเป็น การกลับมาของสาวเซ็กซี่
บุนด์เชนเกิดที่หมู่บ้านฮอริซอนติน่า ทางตอนใต้ของบราซิลเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1980 เธอมาจากครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่นซึ่งเธอพยายามกลับไปหาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้แม้จะมีตารางการทำงานที่แน่นขนัด ในตอนแรกบุนด์เชนได้รับการฝึกให้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลมืออาชีพ แต่กลับหันไปเลือกการเดินแบบแทน หลังจากที่เธอได้ถูกค้นพบโดยแมวมองเมื่ออายุ 14 ระหว่างการเดินทางไปริโอกับทางโรงเรียน
บุนด์เชนเดินแบบในนิวยอร์คตั้งแต่เมื่อปี 1996 และเธอเป็นนางแบบยอดนิยมของโลกอย่างไม่อาจเถียงได้ เธอคือใบหน้าในงานโฆษณาหลายชิ้น รวมทั้งหลายซีซันกับ Balenciaga, Christian Dior, Dolce & Gabbana, Missoni, Versace, Céline, Givenchy, Bulgari, Lanvin, Guerlain, Ralph Lauren และ Polo Jeans จีเซลได้เซ็นสัญญากับบริษัทชุดชั้นในชั้นนำของโลก Victoria's Secret สัญญาหลายปีของเธอ รวมถึงการโฆษณาทางโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ ให้กับชุดชั้นใน เครื่องเสริมความงาม และร้านชุดชั้นใน
เธอมีโอกาสร่วมงานกับบรรดาช่างภาพที่มีฝีมือมากที่สุดของวงการอย่าง : Mario Testino, Steven Meisel, Nick Knight, Steven Klein, Craig McDean, Michael Thompson, Mert & Marcus, Inez & Vinoodth, Alex Cayley, Solve Sundsbo, Regan Cameron, Phil Poynter, Corrine Day, Gilles Bensimon และ Patrick Demachelier
บุนด์เชนได้ปรากฎโฉมบนปกของนิตยสารจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งด้านแฟชั่นและที่มีชื่อเสียงอื่นๆ เช่นกัน ได้แก่ Vogue (อเมริกัน, อิตาเลียน, อังกฤษ, ผรั่งเศส), W, Harpers Bazaar, Elle, Allure, Numero, PoP, i-D, The Face, Rolling Stone, 10, และล่าสุด Time ฉบับ Spring 2004 Style and Design
บุนด์เชนไม่เพียงแต่เป็นนางแบบมหัศจรรย์ แต่เธอยังเป็นนักธุรกิจหญิงที่มีความสามารถ เธอเป็นหน้าตาและมันสมองของ Epanema เครื่องหมายการค้าของบริษัทรองเท้าสตรีของเธอเอง ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าชาวบราซิลและตลาดทั่วโลก
บุนด์เชนได้ออกแบบสร้อยคอซึ่งเป็นรุ่นที่มีจำนวนจำกัดให้กับ Harper's Bazaar ด้วยฝีมือของช่างเพชรชื่อดัง Gumuchian Fils ซึ่งถูกนำมาขายเพื่อนำเงินไปให้กับ St. Jude Childrens Hospital ซึ่งเชี่ยวชาญการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากมารดาของเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก มันจึงเป็นเรื่องที่ใกล้ชิดกับเธอมาก จีเซลยังมีหน้าที่เป็นโฆษกและนางแบบให้กับ Fashion Targets Breast Cancer
ผลงานภาพยนตร์ของบุนด์เชน เช่น Taxi (2004), The Devil Wears Prada (2006) และ Coração Vagabundo (2008)