เอลเลียต กูลด์ เป็นดาราที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล อคาเดมี่ อวอร์ด และรางวัลลูกโลกทองคำซึ่งได้ร่วมแสดงภาพยนตร์มามากกว่า 75 เรื่องในระยะเวลา 35 ปีในอาชีพสายบันเทิงของเขา
ในระหว่างปีที่รุ่งเรืองคือช่วงปี 1960 และช่วงต้นของปี 1970 กูลด์เป็นหนึ่งในนักแสดงคิวทองซึ่งเปรียบเทียบได้ว่าเขาเป็นคนที่เปลี่ยนการดำเนินชีวิตของชาวอเมริกันให้มานิยมการสวนทางกับวัฒนธรรม เขาได้รับการเสนอชื่อสำหรับรางวัล อคาเดมี่สำหรับการแสดงของเขาในผลงานภาพยนตร์ปฏิวัติทางเซ็กซ์แนวคอมเมดี้ของ พอล มาร์เซอร์กี้ในปี 1969 เรื่อง Bob & Carl & Ted & Alice และในปีต่อมากูล์ดเป็นต้นแบบในบทบาทของจ่า แทรปเปอร์ จอห์น แมคอินไตรย์ที่ต้องเผชิญกับสงครามในภาพยนตร์กึ่งคอมเมดี้ผลงานของ โรเบิร์ต อัลต์แมนเรื่อง M*A*S*H ซึ่งทำให้เขาได้ขึ้นปกนิตยสาร Time และทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลลูกโลกทองคำ และในปี 1970 กูลด์ยังได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Getting Straight ร่วมกับ แคนไดซ์ เบอร์เกนอีกด้วย
เขาได้ร่วมกับทีมงานนักแสดงคุณภาพมากมายในภาพยนตร์ที่กลับมาทำใหม่ของแรท แพ๊ค เรื่อง Ocean's Eleven และภาคต่อมาคือเรื่อง Ocean's Twelve ซึ่งทำสองเรื่องนี้กำกับการแสดงโดย สตีเวน โซเดอเบิร์ก แฟน ๆ จอแก้วจะรู้จักเขาดีจากบทบาทของ แจ๊ค เกลเลอร์ ร๊อส และบิดาของโมนิก้าที่เขาร่วมแสดงเป็นประจำ ให้กับซีรี่ส์คอมเมดี้ที่ยาวนานทางช่อง NBC ชื่อ Friends
กูลด์เริ่มงานการแสดงจากงานละครเวทีให้กับละครบรอดเวย์อาทิเรื่อง Rumple เรื่อง Say Darling และเรื่อง Irma La Douce จากพื้นฐานของความสำเร็จเหล่านั้นกูลด์ก็ได้รับบทนำโดยแสดงคู่กับบาร์บาร่า สไตรเซ่นในผลงานของ เดวิด เมอร์ริคเรื่อง I Can Get It for You Wholesale ซึ่งกำกับการแสดงโดย อาร์เธอร์ ลอเร้นท์ และลำดับเรื่องโดย เฮอร์เบิร์ต รอสและนอร่า เคย์ เขาเดินทางไปทั่วแอตแลนติคเขาได้ร่วมแสดงในละครเพลงคลาสสิคของคอมเดนและกรีนชื่อ On The Town ที่โรงละครเวสต์เอนด์
กูลด์ได้ร่วมกับคารอล เบอร์เน็ต เพื่อแสดงรายการพิเศษทางโทรทัศน์ให้กับช่อง CBS ชื่อ Once Upon a Mattress เขาได้กลับมาเล่นละครเวทีโดยออกทัวร์การแสดงกับลิซ่า ไมเนลลี่ในเรื่อง The Fantasticks และพร้อมกับเชลลี่ วินเทอร์ในเรื่อง LUV เขายังได้ร่วมแสดงในผลงานของ ไอร่า เลวินซึ่งเป็นการสร้างดั้งเดิมของบรอดเวย์เรื่อง Drat! The Cat และกับจูเลส ไฟเฟอร์เรื่อง Little Murders
กูลด์ได้ได้เริ่มงานการแสดงภาพยนตร์จอเงินในปี 1964 จากเรื่อง The Confession นำแสดงโดย ฉินเจอร์ โรเจอร์ สี่ปีให้หลังเขาได้รับบทนำในภาพยนตร์เป็นครั้งแรกโดยแสดงกับ บิลลี่ มินสกี้ในเรื่อง The Night They Raided Minsky's กำกับการแสดงโดยวิลเลี่ยม เฟรดกิ้น ผลงานภาพยนตร์ในตอนต้น ๆ ของเขายังรวมไปถึงเรื่อง Move เรื่อง I Love My Wife เรื่อง Little Murders และผลงานภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกของ อิคมาร์ เบิร์กแมนเรื่อง The Touch เขายังได้ร่วมงานกับผู้กำกับการแสดงโรเบิร์ต อัลท์แมนในปี 1973 ในเรื่อง The Long Goodbye โดยแสดงเป็นนักสืบฟิลิป มาร์โรว์ซึ่งเป็นนักสืบที่เลื่องชื่อของเรย์มอนด์ แชนด์เลอร์ในปี 1974 จากภาพยนตร์เรื่อง California Split
ในระหว่างปี 1970 กูลด์ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ถึงยี่สิบสี่เรื่องรวมไปถึงผลงานของ ปีเตอร์ ไฮแอม เรื่อง Bustling และเรื่อง Capricorn One ริชาร์ด แอตเทนโบโรห์เรื่อง A Bridge Too Far; ผลงานของมาร์ค ไรเดลเรื่อง Harry and Walter Go to New York, เรื่อง The Lady Vanishes, และเรื่อง The Muppet Move และผลงานภาพยนตร์ของเขายังรวมไปถึงเรื่อง The Last Flight of Noah's Ark, เรื่อง The Devil and Max Devlin, เรื่อง Over the Brooklyn Bridge, เรื่อง The Muppets Take Manhattan ผลงานของ แบร์รี่ เลวินสันเรื่อง Bugsy เรื่อง Kicking and Screaming, เรื่อง Johns, เรื่อง The Big Hit, เรื่อง American History X, เรื่อง Playing Mona Lisa และเรื่อง Picking Up the Pieces เขายังได้รับบทเล็ก ๆ ในผลงานของอัลท์แมนเรื่อง The Player และเรื่อง Nashville
กูลด์ยังได้ทำงานทางภาพยนตร์โทรทัศน์อีกมากมายรวมไปถึงโปรเจ็คที่ยาวนานอย่างเรื่อง Bad Apple, เรื่อง Good as Gold โดยร่วมกับแมรี่ ไทเลอร์ มัวร์, ภาพยนตร์มินิซีรี่ส์เรื่อง The Shinning, เรื่อง The Bloddlines: Murder in the Family, เรื่อง Somebody's Daughter, เรื่อง Vanishing Act และเรื่อง The Rules of Marriage เขายังได้ร่วมแสดงในซีรี่ส์คอมเมดี้เรื่อง E/R ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้รู้จักกับจอร์จ คลูนีย์ตอนเป็นหนุ่ม กูลด์ยังได้แสดงรับเชิญให้กับซีรี่ส์ต่าง ๆ อีกมากมายและยังได้รวมไปถึงซีรี่ส์ของอังกฤษที่ได้รับการกล่าวขวัญเรื่อง Poirot ทางช่อง NBC เรื่อง Las Vegas และบทบาทที่เขาแสดงอย่างสม่ำเสมอทางช่อง HBO เรื่อง K Street