ไคเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์ มีผลงานแสดงที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ทางเน็ตเวิร์คโทรทัศน์ของฟ็อกซ์ ในดราม่าเรื่อง 24 ซึ่งเขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำด้าน Best Actor in a Drama Series และได้เข้าชองรางวัลเอ็มมี่ - Best Actor in a Drama Series รวมทั้งเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ
ซุทเธอร์แลนด์ร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์ของนิวรีเจนซี่ เรื่อง Mirrors ในปี 2006 เขาร่วมแสดงกับไมเคิล ดักลาส และคิม เบซิงเจอร์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Sentinel ซุทเธอร์แลนด์ได้แสดงในหนังปี 2002 เรื่อง Phone Booth กำกับฯ โดย โจเอล ชูมัคเกอร์ เขายังได้แสดงเรื่อง Paradise Found กำกับฯ โดย มาริโอ แอนเดรียซชิโอ ซึ่งเขาได้รับบท พอล โกแกง ศิลปินชื่อดังของโลกในยุคหลังอิมเพรสชั่นนิสท์
ซุทเธอร์แลนด์ยังมีผลงานในหนังดราม่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเรื่อง To End All Wars บทภาพยนตร์เค้าโครงเรื่องจากนิยายขายดี Through the Valley of the Kwai เรื่องราวของชีวิตเชลยสงครามในค่ายนักโทษแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมแสดงโดยโรเบิร์ต คาร์ลิล, เซียแรน แมคเมนาร์ริน และมาร์ค สตรอง และประสบความสำเร็จจากการฉายที่ Toronto และ Telluride Film Festival เขายังแสดงในนังแอ็คชั่นคอมเมดี้เรื่อง Dead Heat กำกับฯ โดยมาร์ค โมโลน
ในปี 1998 ซุทเธอร์แลนด์ได้แสดงในหนังออริจินัลที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ของ Showtime เรื่อง A Soldier's Sweetheart ร่วมกับสคีต อูลริค และจอร์จิน่า เคตส์ ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ที่ 1998 Toronto Film Festival's Gala Screening
ในปี 1997 ซุทเธอร์แลนด์ได้ร่วมแสดงกับวิลเลี่ยม เฮิร์ท และรูฟัส โซเวล ใน Dark City กำกับฯ โดยอเล็กซ์ โพรย่าส์ หนังเรื่อง Dark City ได้ถูกนำเสนอเป็นพิเศษที่ Cannes Film Festival ซุทเธอร์แลนด์ยังได้สร้างผลงานกำกับฯ เรื่องที่สองของเขาและร่วมแสดงใน Truth or Consequences ให้กับ Triumph Films ร่วมกับเควิน พอลแล็ค, ไมเกลติ วิลเลียมสัน, ร็อด สไตเกอร์ และมาร์ติน ชีน
ในหนังระทึกขวัญเรื่อง Eye for an Eye กำกับฯ โดย จอห์น ชเลซิงเกอร์ และซุทเธอร์แลนด์ได้รับบทฆาตกรโหดเหี้ยมที่ไร้ความสำนึกผิดคู่กับแซลลี่ ฟิลด์ และเอ็ด แฮร์ริส ต่อมาในช่วงซัมเมอร์ เขาได้ร่วมแสดงกับแซมมูเอล แอล แจ็คสัน, แซนดร้า บุลล็อค และแมทธิว แมคคอฟนีย์ ในหนังดัดแปลงจากนิยายของจอห์น กริชแชม เรื่อง A Time to Kill
ในปี 1993 เขาได้แสดงในหนังเรื่อง The Three Musketeers ซึ่งมีเค้าโครงเรื่องมาจากนิทานคลาสสิคโดย อเล็กซานเดอร์ ดูมัส ในปีเดียวกันเขาได้มีผลงานกำกับฯ เรื่องแรกในหนังที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ของ Showtime เรื่อง Last Light ซึ่งเขาได้ร่วมแสดงกับฟอเรสท์ วิเทเกอร์ เรื่อง Last Light ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุดที่บรรดาหนังเคเบิลได้รับมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะผลงานกำกับฯของซุทเธอร์แลนด์
บทหลักบทแรกของซุทเธอร์แลนด์คือในหนังดราม่าของแคนาดาเรื่อง The Bad Boy ซึ่งทำให้เขาและผู้กำกับฯ แดเนียล เพทรี ได้เข้าชิงรางวัล Genie ด้าน Best Actor และ Best Director ตามลำดับ หลังจากความสำเร็จในครั้งนั้น ซุทเธอร์แลนด์ย้ายมายังลอส แอนเจลิส และมีผลงานแสดงทางโทรทัศน์ ในเรื่อง The Mission และในตอนหนึ่งของ Amazing Stories และงานเทเลฟิล์ม Trapped in Silence กับมาร์ชา เมสัน
ในปี 1992 ซุทเธอร์แลนด์ แสดงร่วมกับ เรย์ ลีออตต้าและฟอเรสท์ วิเทเกอร์ ใน Article 99 และหนังดราม่าทหารเรื่อง A Few Good Men ร่วมแสดงโดยแจ็ค นิโคลสัน และทอม ครูซ ต่อมาในปี 1994 เขาได้ร่วมแสดงกับเจฟ บริดเจ็สและแนนซี เทรวิส ในหนังเวอร์ชั่นอเมริกันเรื่อง The Vanishing ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ Flatliners, Chicago Joe and the Showgirl, 1969, Flashback, Young Guns, Young Guns 2, Bright Lights, Big City, The Lost Boys, Promised Land, At Close Range และ Stand By Me