ปีเตอร์ สไปริก เริ่มสนใจการสร้างภาพยนตร์ในครั้งแรกในช่วงกลางยุค 1980 และเมื่ออายุได้ 10 ขวบ พวกเขาก็เริ่มต้นสร้างหนังสั้น ขณะที่เรียนในไฮสคูล ปีเตอร์อำนวยการสร้างและกำกับหนังสั้นหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลสำหรับ 5 รางวัลในงานประกาศรางวัลผู้สร้างภาพยนตร์หน้าใหม่ของควีนส์แลนด์ รวมถึง นักสร้างหนังหน้าใหม่ยอดเยี่ยม
ในปี 1997 ปีเตอร์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปะควีนส์แลนด์ ในออสเตรเลีย ปีเตอร์จบด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ ในช่วงมหาวิทยาลัย ปีเตอร์และไมเคิลได้ร่วมกันอำนวยการสร้างหนังสั้นหลายเรื่อง โดยรวมถึงหนังผจญภัยแอคชั่นไซไฟ เรื่อง The Garden ซึ่งปีเตอร์เป็นคนกำกับ ตัวหนังได้รับ 3 รางวัลนักสร้างหนังหน้าใหม่ของควีนส์แลนด์ รวมถึงสาขาผู้อำนวยการสร้างยอดเยี่ยม และรางวัลนักเรียนเหรียญทองแดง ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮูสตัน ไมเคิลได้ร่วมรับรางวัลผู้อำนวยการสร้างยอดเยี่ยม กับปีเตอร์ในรางวัลนักสร้างหนังหน้าใหม่ของควีนส์แลนด์ ควบคู่กับ รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม ขณะที่พวกเขาทั้งคู่เรียนในมหาวิทยาลัย พวกเขาได้กำกับและอำนวยการสร้างหนังสั้นไตรภาคแนวสยองขวัญ เรื่อง The Undead Trilogy ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้นำเค้าโครงมาใช้
เรื่อง The Garden และ Happy Hour ยังเป็นหนังที่ได้รับความสนใจจากผู้กำกับโฆษณาที่ชื่อ ดิค มาร์คส ซึ่งจากนั้นได้จ้างปีเตอร์และไมเคิลให้มากำกับโฆษณาทางทีวีและมิวสิควีดีโอหลายชิ้น ในช่วงนั้นทั้งคู่ได้ก่อตั้งบริษัทของพวกเขาเองที่ชื่อ สไปริกฟิล์ม ขึ้น นอกจากการกำกับโฆษณาทางทีวีแล้ว พวกเขายังคงกำกับหนังสั้นอีกหลายเรื่อง Sunday Morning หนังตลกสั้นเกี่ยวกับคู่ชายหญิงซึ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหตุการณ์ในคืนก่อนที่ยังคลุมเครือ ซึ่งตัวหนังได้รับเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์เซ็นต์คิลด้าที่กรุงเมลเบิร์น และเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแฟล็กสตาฟ์ ถูกฉายที่เทศกาลภาพยนตร์อเมริกันที่ชื่อ ดาวน์ อันเดอร์ วันเดอร์ ในแอลเอ โดยตัวหนังได้ถูกค้นพบและซื้อไปฉายโดยตัวแทนจัดจำหน่ายในอเมริกา
ผลงานหนังสั้นของพวกเขา เรื่อง The Big Picture เป็นความพยายามครั้งแรกที่ไม่ใช่แค่เขียนบท กำกับ และอำนวยการสร้าง แต่พวกเขายังสวมบทบาทเป็นผู้กำกับภาพอีกด้วย ตัวหนังเป็นหนังสั้นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของพวกเขา ซึ่งได้รับ 3 รางวัลผู้สร้างหนังหน้าใหม่ของควีนส์แลนด์ รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และรางวัลผู้อำนวยการสร้างยอดเยี่ยม พวกเขายังได้รับรางวัลเหรียญเงินหนังสั้นแนวดราม่ายอดเยี่ยม จากสมาคมถ่ายภาพชาวออสเตรเลียในควีนส์แลนด์อีกด้วย และหนังยังได้รับการฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติร็อตเตอร์ดัม ซึ่งถูกซื้อไปจัดจำหน่ายโดยตัวแทนจำหน่ายของอเมริกา หลังจากสร้างหนังสั้นมากว่า 15 เรื่อง, หนังโฆษณาอีกหลายโหล และมิวสิควีดีโออีกจำนวนมากมาย พวกเขาตัดสินใจกระโดดเข้าสู่การสร้างภาพยนตร์เมื่อต้นปี 2000