เริ่มต้นจากการเป็นนักดูหนัง ที่มีความใฝ่ฝันตั้งแต่อายุ 19-20 ปี ว่าสักวันจะเป็นผู้กำกับ เพื่อที่จะได้เล่าเรื่องหรือถ่ายทอดเรื่องราวที่ตัวเองอยากจะนำเสนอให้คนอื่นได้ดูกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตระเวนดูหนังที่เข้าฉายตามโรงปกติ ไปจนถึงหนังที่หาดูยากตามเทศกาลหรือจากศูนย์วัฒนธรรมหรือสมาคมต่าง ๆ เช่น เกอเธ่, ศูนย์วัฒนธรรมญี่ปุ่น, สมาคมฝรั่งเศส, บริติชเคาน์ซิล, เอยูเอ, โรงหนังอลังการ หอภาพยนตร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของนักดูหนังตัวยงที่ปัจจุบันเพื่อนนักดูหนังตามสถาบันหลายคนกลายมาเป็นผู้กำกับหรือนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน อาทิ มโนธรรม เทียมเทียบรัตน์, สิทธิรักษ์ ตุลาพิทักษ์, นรา, ธันว์ บำรุงสุข, บก.นิตยสาร Bioscope อย่าง สุภาพ หริมฯ บ้างก็กลายมาเป็นผุ้กำกับภาพยนตร์ อาทิ ดุลยสิทธิ์ นิยมกุล, สมเกียรติ วิทุรานิช ตลอดหนึ่งสัปดาห์ก็จะตระเวนดูตามสถาบันเหล่านี้ทุกเย็น พอหนังจบก็มีพูดคุยกันเรื่องหนังบ้าง โดยผู้กำกับในดวงใจอย่าง ฟรังซัว ทรุฟโฟต์, ลีโอ การากซ์ ,ไฉ้หมิงเหลียง, ตู้ฉีฟ่ง
หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสเข้ามาจับงานที่เข้าใกล้ฝันของตัวเองมากขึ้น โดยเริ่มจากการเข้ามาเป็น 1 ในทีมเขียนบทภาพยนตร์รุ่นแรกของอาร์เอสฟิล์มเมื่อทศวรรษที่แล้ว ตั้งแต่ โลกทั้งใบ...ให้นายคนเดียว, เด็กระเบิด ยืดแล้วยึด จนกระทั่งได้รู้จัก ประไพพรรณ เหล่ายนตร์ บก.นิตยสารภาพยนตร์ชื่อดังอย่างซีเนแม็ก จนได้มีโอกาสเป็นนักเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์อยู่ในกองบรรณาธิการนิตยสารซีเนแม็ก รับผิดชอบเกี่ยวกับสกู๊ปหนังไทย ทำให้ได้รู้จักกับคนในวงการหนังไทยหลายคนเพิ่มมากขึ้น และที่นี่เองที่ทำให้ ศิวาภรณ์ พงษ์สุวรรณได้เริ่มต้นกลายเป็นคนทำหนังอาชีพ (Filmmaker) เมื่อนิตยสาร ซีเนแม็ก ได้จัดประกวดบทหนังสั้นขึ้น จนเป็นที่มาของการเริ่มต้นงานในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ไทยเมื่อบทหนังเรื่อง สยิว ที่ คงเดช จาตุรันต์รัศมี และเกียรติ ศงสนันท์โดนใจประไพพรรณสนใจที่จะซื้อเรื่องมาทำเป็นหนังยาว แต่ยังไม่รู้ว่าจะให้ใครกำกับจึง มอบหมายให้ศิวาภรณ์พัฒนาต่อ จึงได้จับมือกับคงเดช และ เกียรติ (ผู้กำกับ สยิว) ถึงแนวทางและไอเดียที่น่าสนใจในการปลุกปั้นโปรเจ็กต์ สยิว ให้เป็นหนังใหญ่ขึ้นมา ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะเข้าจะเข้าตาปรัชญา ปิ่นแก้ว และเสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์มและกลายเป็นภาพยนตร์ขึ้นมา
หลังจากนั้นเส้นทางการเป็นนักทำหนังอาชีพของศิวาภรณ์ในฐานะโปรดิวเซอร์เริ่มต้นขึ้นอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับอีกหนึ่งทางเลือกของภาพยนตร์ไทยในอีกแง่มุมหนึ่งที่กล่าวได้ว่าแตกต่างจากภาพยนตร์ไทยที่ถูกสร้างในขณะนั้น และเกิดของผู้กำกับหน้าใหม่อย่างธนกร พงษ์สุวรรณในภาพยนตร์ที่สะท้อนเรื่องราวของคนเมืองอย่าง เฟก..โกหกทั้งเพ, เอ็กซ์แมน...แฟนพันธุ์เอ็กซ์ ตามมาด้วยผลงานการกำกับครั้งที่ 2 ของคงเดช จาตุรันต์รัศมีอย่างเฉิ่ม รวมไปถึงภาพยตร์ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำโพสต์โปรดักชั่นจากการเขียนบทของเกียรติ ศงสนันท์ที่ได้ทวีวัฒน์ วันทาผู้กำกับเจ้าของรางวัลหนังสั้นอย่างขุนกระบี่กับการกำกับหนังใหญ่เรื่องที่ 2 ในชีวิตอย่างเดอะสเปิร์ม