แรนดี้ นิวแมน เกิดในครอบครัวนักดนตรี ลุงของเขา อัลเฟรด, ไลออเนล และเอมิลต่างก็เป็นคอมโพสเซอร์ภาพยนตร์และวาทยกรที่ได้รับการนับหน้าถือตา แม้กระทั่ง เออร์วิง นิวแมน พ่อของแรนดี ซึ่งเป็นแพทย์ชื่อดัง ก็ยังเคยแต่งเพลงให้กับบิง ครอสบี้ บางที อาจไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจก็ได้ที่แรนดี นิวแมนเป็นนักแต่งเพลงอาชีพตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี ด้วยการแต่งทำนองเพลงให้กับบริษัทเพลงแห่งหนึ่งในลอสแองเจลิส ในปี 1968 เขาได้มีผลงานการบันทึกเสียงออร์เคสตราครั้งแรกในชื่อ Randy Newman และหลังจากนั้นไม่นาน บทเพลงที่พิเศษสุดของนิวแมนก็ได้รับการขับขานโดยศิลปินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแพท บูน, เรย์ ชาร์ลส์, เพ็กกี ลี หรือวิลสัน พิคเก็ตต์
นักวิจารณ์ชื่นชมผลงานชิ้นที่สองของนิวแมนในปี 1970 ที่ชื่อ12 Songs อย่างมาก และสาธารณชนก็เริ่มให้ความสนใจเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จากอัลบัมอื่น ๆ ที่ตามมาเช่น Live ในปี 1970 (เช่นเดียวกับ Songbook นั่นเป็นโอกาสที่ผู้ฟังจะได้ยินนิวแมนเล่นเครื่องดนตรีคนเดียว), Sail Away ปี 1972 และ Good Old Boys ที่สร้างประเด็นขัดแย้งในปี 1974 ต่อมา นิวแมนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยเพลง Short People จากอัลบัม Little Criminals ที่ติดอันดับท็อปเท็นในปี 1977 ส่วนอัลบัม Born Again ในปี 1979 ก็เป็นผลงานที่มีภาพนิวแมนขึ้นหน้าปก โดยมีสัญลักษณ์เงินดอลลาร์อยู่บนหน้าเขา มันช่างเหมาะสมอย่างยิ่งกับผลงานที่มีเพลง Its Money That I Love ซึ่งเป็นบทวิพากษ์ลัทธิทุนนิยม ซึ่งได้ถูกรวมอยู่ใน The Randy Newman Songbook, Vol. 1 ผู้ชมต่างรู้สึกอึ้งไปกับความลึกซึ้ง
ในทศวรรษที่ 80 นิวแมนแบ่งเวลาของเขาระหว่างการแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์และบันทึกเสียงอัลบัมของตัวเอง ในปี 1981 นิวแมนได้ปล่อยสกอร์เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Ragtime ของไมลอส ฟอร์แมน ที่ดัดแปลงจากเรื่องของอี. แอล. ด็อคโทโรว์ ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขาสกอร์ยอดเยี่ยมและเพลงประกอบยอดเยี่ยมสองรางวัลแรกในจำนวนทั้งหมดสิบหกครั้งที่เขาเคยได้รับการเสนอชื่อ ในปี 1983 เขาปล่อยอัลบัม Trouble In Paradise ออกมาก่อนที่ในปีถัดไป เขาได้แต่งสกอร์ประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Natural ที่ได้รับรางวัลแกรมมี และเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ หลังจากที่แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง ในที่สุด นิวแมนก็มีเวลาที่จะเข้าสตูดิโอเพื่อบันทึกเสียงอัลบัมของตัวเอง Land of Dreams ในปี 1988 เป็นผลงานน่าทึ่งที่มีเพลงหลายเพลงเป็นเพลงที่มีความเป็นส่วนตัวและทรงพลังที่สุดของนิวแมน
ในทศวรรษที่ 90 นิวแมนได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จากผลงานภาพยนตร์ของเขา และเขายังได้รับรางวัลเอ็มมีจากเพลงประกอบตอนไพล็อตของซีรีส์ Cop Rock ในปี 1990 อีกด้วย แฟนพันธุ์แท้หลายคนคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขันและน่าประหลาดใจที่นักวิพากษ์สังคมและคนเจ้าอารมณ์อย่างเขากลายเป็นผู้ให้ความบันเทิงที่เป็นที่รักของเด็ก ๆ ด้วยบทเพลงที่น่าทึ่งของเขาในภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น Toy Story ในปี 1995, James and the Giant Peach ในปี 1996, Cats Don't Dance ในปี 1997, A Bug's Life ในปี 1998 และ Toy Story 2 ในปี 1999 นิวแมนยังได้รับรางวัลแกรมมีอีกสามตัวจากผลงานของเขาใน A Bug's Life, Toy Story 2 และ Monsters, Inc อย่างไรก็ดี นิวแมนก็ยังคงสามารถสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ได้เช่นกันด้วยเพลงที่มีอารมณ์ตลกร้ายของเขาใน Faust ซึ่งเป็นการบันทึกเสียงที่รวมเอาการขับขานบทเพลงของศิลปินชื่อดังอย่างดอน เฮนเลย์, เอลตัน จอห์น, บอนนี เรตต์, ลินดา รอนสแตดท์ และเจมส์ เทย์เลอร์ ในช่วงปลายทศวรรษนี้ นิวแมนได้ออกอัลบัมรวมเพลงที่มีซีดีสี่แผ่นออกมาในชื่อ Guilty: 30 Years of Randy Newman ในปี 1998 และอัลบัมใหม่ในชื่อ Bad Love ให้กับดรีมเวิร์คส์ในปี 1999 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นิวแมนได้ร่วมงานกับมิทเชลล์ ฟรูม ในปี 2002 นิวแมนก็ได้รับรางวัลออสการ์ตัวแรกจากเพลง If I Didn't Have You จาก Monsters Inc ในที่สุดหากสไตล์ของนิวแมนไม่ใช่การมองไปข้างหน้าด้วยทัศนคติแง่ดี มันก็ไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะมองย้อนกลับไป ไม่ว่าจะด้วยความโกรธหรืออารมณ์อื่นใดเช่นกัน แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยมในอัลบัม The Randy Newman Songbook, Vol. 1 (2003) ซึ่งเป็นผลงานแรกของเขาภายใต้สังกัดนันซัช ในอัลบัมรวมเพลงสิบแปดเพลงชุดนี้ นิวแมนทั้งร้องและเล่นเปียโนเดี่ยวในเพลงคลาสสิกเก่าๆ และเพลงสมัยใหม่ของตัวเขาเอง รวมทั้งตัวอย่างบางเพลงของคอมโพสเซอร์เจ้าของรางวัลออสการ์ อัลบัมชุดนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนที่ซาบซึ้งใจและทรงพลังที่แสดงให้เห็นถึงผลงานอันเป็นอมตะซึ่งทำให้นิวแมน นักประพันธ์เพลงผู้นี้ กลายเป็นหนึ่งในนักร้องและนักแต่งเพลงที่มีความสามารถยอดเยี่ยมที่สุดทั้งด้านดนตรีและการประพันธ์เนื้อร้องที่ได้มีบทบาทในแวดวงดนตรีป๊อป