จอห์น แลสซีเตอร์ ได้รับการจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เมื่อปี 1995 ในฐานะผู้กำกับเรื่อง Toy Story ภาพยนตร์คอมพิวเตอร์ อนิเมชันเต็มรูปแบบเรื่องแรก ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดพิเศษ จากนั้น ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังยิ่งขึ้นเมื่อเขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง A Bugs Life (1998) และ Toy Story 2 (1999) ที่ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ และเขายังรับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหารภาพยนตร์เรื่อง Monsters, Inc., Finding Nemo และ The Incredibles อีกด้วย หนึ่งในความสำเร็จมากมายของเขาคือการที่เขาได้รับรางวัลผู้บุกเบิกอนิเมชัน ซึ่งมีการจัดมอบเป็นครั้งแรก ในงานแสดงโชเวสต์ และได้รับรางวัล 'จอร์จ มีลีส์ อวอร์ดสำหรับความสร้างสรรค์เชิงศิลป์ยอดเยี่ยม' จากสมาคมวิชวล เอฟเฟ็กต์ในเดือนกุมภาพันธ์
แลสซีเตอร์ ผู้กำกับและอนิเมเตอร์เจ้าของรางวัลมากมาย ยังคงรับหน้าที่รองประธานบริหารฝ่ายครีเอทีฟให้กับพิกซาร์ เขาได้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ขนาดสั้นและโฆษณาทางโทรทัศน์หลายเรื่องให้กับทางพิกซาร์ ซึ่งรวมถึง Luxo Jr. (ซึ่งได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ปี 1996), Reds Dream (1987), Tin Toy ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์อนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยมปี 1989 และ Knick Knack (1989) นอกจากนั้นแล้วแลสซีเตอร์ยังได้เป็นผู้ออกแบบและสร้างตัวอัศวินกระจกสีในภาพยนตร์ปี 1985 ของสตีเวน สปีลเบิร์กเรื่อง Young Sherlock Holmes อีกด้วย
แลสซีเตอร์เกิดในฮอลลีวู้ด, แคลิฟอร์เนีย และเติบโตขึ้นในวิตเทียร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย แม่ของเขาเป็นครูสอนศิลปะ และเมื่อเขาเข้าเรียนไฮสคูลปีแรก เขาก็ตกหลุมรักการ์ตูนและศิลปะอนิเมชันเข้าอย่างจัง ขณะที่ยังเรียนอยู่ในไฮสคูลนั้นเอง เขาได้เขียนจดหมายไปถึงวอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอเพื่อเล่าถึงความปรารถนาของเขา และเขาก็เริ่มศึกษาศิลปะ และเรียนรู้ที่จะวาดภาพมนุษย์และสัตว์ ในเวลานั้น ดิสนีย์กำลังจัดตั้งโปรแกรมอนิเมชันขึ้นที่แคลอาร์ตส์ ซึ่งเป็นสถาบันใหม่สำหรับการศึกษาศิลปะ การออกแบบและการถ่ายภาพ และแลสซีเตอร์ก็กลายเป็นนักเรียนคนที่สองที่ได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาในโปรแกรมใหม่ดังกล่าว เขาใช้เวลาเรียนที่แคลอาร์ตส์สี่ปี และภาพยนตร์อนิเมชันทั้งสองเรื่องที่เขาทำระหว่างเรียน ซึ่งก็คือ Lady and the Lamp และ Nitemare ก็ได้รับรางวัลสติวเดนท์ อคาเดมี อวอร์ด
ระหว่างวันหยุดฤดูร้อน แลสซีเตอร์เข้าฝึกงานที่ดิสนีย์ ซึ่งก็นำไปสู่การทำงานประจำในแผนกภาพยนตร์ อนิเมชันของสตูดิโอ ภายหลังการสำเร็จการศึกษาในปี 1979n ของเขา ระหว่างห้าปีที่เขาทำงานในดิสนีย์ เขาได้มีส่วนร่วมในการทำงานภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น The Fox and the Hound และ Mickeys Christmas Carol ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ล้ำสมัยของดิสนีย์เรื่อง Tron (1982) ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์ อนิเมชันในการรังสรรค์สเปเชียล เอฟเฟ็กต์ในเรื่อง แลสซีเตอร์จึงจับมือกับเพื่อนอนิเมเตอร์ด้วยกัน เกลน คีนในการสร้างภาพยนตร์ทดลองของพวกเขาเองขึ้นมา ภาพยนตร์ทดสอบยาวสามสิบวินาที ที่สร้างขึ้นจากหนังสือสำหรับเด็กชื่อดัง แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการผสมผสานอนิเมชันแบบวาดมือตามแบบฉบับเข้ากับการขยับมุมกล้องและสิ่งแวดล้อมที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ได้อย่างงดงาม
ในปี 1983 ด้วยคำเชื้อเชิญจากเอ็ด แคทมัลล์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทพิกซาร์ แลสซีเตอร์จึงได้เข้าเยี่ยมชมแผนกคอมพิวเตอร์ กราฟฟิคของลูคัสฟิล์ม และเขาก็รู้สึกสนใจสิ่งที่เขาเห็นทันที เมื่อเขาได้เห็นถึงศักยภาพยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กราฟฟิคในการแปลงโฉมศิลปะงานอนิเมชัน เขาจึงได้ออกจากดิสนีย์ในปี 1984 และมาทำงานในลูคัสฟิล์มเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่เวลาหนึ่งเดือนก็แปรเปลี่ยนเป็นหกเดือนและในไม่ช้า แลสซีเตอร์ก็กลายเป็นปัจจัยสำคัญและแรงกระตุ้นของสิ่งที่กลายเป็นพิกซาร์ในที่สุด แลสซีเตอร์เป็นผู้คิดการสร้างบุคลิกตัวตนให้กับโคมไฟตั้งโต๊ะ และนี่เองคือจุดกำเนิดของภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Luxo Jr