จิม คาวิเซล ชื่อเล่น จิมมี่ (Jimmy) หรือ เจซี (JC) ชื่อเกิด เจมส์ แพททริค คาวิเซล (James Patrick Caviezel) เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2511 ณ เมาท์เวอร์นอน, วอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับการแสดงเรื่องแรกของเขาเป็นละครตอนที่เขาเรียนโดยดัดแปลงมาจากเพลงของ แฟรงค์ ซิเนตร้า ชื่อ Come Blow Your Horn ในช่วงต้นปี 1980
เขาได้รับบทบาทเล็ก ๆ ในรายการทีวียอดฮิตอย่างเรื่อง Murder, She Wrote และเรื่อง The Wonder Years เขาได้ใช้วิธีพูดกรุยทางสู่วงการภาพยนตร์ในบทพนักงานจองตั๋วเครื่องบิน ในหนังของ กัส แวน เซยท์ เรื่อง My Own Private Idaho (ปี 1991) โดยแสร้งทำเป็นชาวอิตาเลียนอพยพด้วยการออกเสียงที่หนักแน่น เขายังได้รับบทในภาพยนตร์เรื่อง Diggstown ( ปี 1992) หนังของ ลอว์เรนซ์ แคสเดน เรื่อง Wyatt Earp (ปี 1994) และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในบทของ สโลฟ หรือ สโลฟนิค ในภาพยนตร์เรื่อง G.I. Jane (ปี 1997) เขาก็ได้เริ่มเข้าฉากมากขึ้นโดยรับบทสนิทสนมและแสดงร่วมกับเดมี่ มัวร์
อย่างไรก็ตามบทที่ฉีกแนวออกไปของเขาคือบทที่ได้รับเกี่ยวกับทหาร คือพลทหารวิทท์ ผู้เซื่องซึมในภาพยนตร์ของ เทอเรซ มาลิค เรื่องThe Thin Red Line (ปี 1998) ที่เขาได้ร่วมเล่นกับดาราอย่าง ฌอน เพนน์ นิค โนลเต้ และเอเดรี่ยน โบรดี้ ความสามารถที่เห็นได้ในการที่ผสมผสานความใคร่ครวญของจิตวิญญาณกับร่างกายและการแสดงออกเริ่มเห็นได้เด่นชัดในอีกหลายปีต่อมาในงานของเขาอย่างเช่น ภาพยนตร์ของ อัง ลี เกี่ยวกับสงครามกลางเมือง ของตะวันตกเรื่อง Ride with the Devil (ปี 1999) และในภาพยนตร์ของเกรเกอรี่ โฮบิท เกี่ยวกับเรื่องการประดิษฐ์เครื่องเปลี่ยนแปลงเวลา เรื่อง Frequency (ปี 2000) ซึ่งเขาได้เล่นเป็นลูกชายเจ้าปัญหาที่เดินทางไปมาระหว่างช่วงสองทศวรรษกับพ่อซึ่งสิ้นชีวิตไปนานแล้ว (เดเนียล เควด) ในปี 2001 เขาได้แสดงกับเจนนิเฟอร์ โลเปซ ในเรื่อง Angel Eyes ซึ่งกำกับโย ลูอิส แมนโดคิ เขาได้รับความนิยมสูงขึ้นโดยได้รับการชักชวนให้เล่นหนังเอ็ดมอนด์ ดังเต้ ในหนังจากการดัดแปลงของ เควิน เรย์โนลด์
เรื่องคลาสิคของเล็กซานเดอร์ ดูมาส เรื่อง The Count of Monte Cristo ( ปี 2002) และ ฮีโร่จากสงครามที่โดนกล่าวหาว่าฆ่าคนตายในหนังของ คาร์ล แฟรงคลิน เป็นเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้นในศาลอย่างเรื่อง High Crime (ปี 2002) โดยแสดงร่วมกับ มอร์แกน ฟรีแมนและแอชลี่ย์ จัดด์
มันอาจจะกล่าวได้ว่าบทบาทที่คาวิเซลได้รับในภาพยนตร์เรื่อง The Passion of the Christ นั้น เป็นการที่เขาในฐานะนักแสดงต้องเตรียมร่างกายและอารมณ์ไปพร้อม ๆ กัน ตัวเขานั้นได้รับเลือกให้เล่นบทนี้เพราะเขาเองยินยอมที่จะเข้าร่วมกับโครงการพิเศษนี้อย่างเต็มอกเต็มใจ ก่อนที่จะถ่ายทำนั้น คาวิเซลได้ใช้เวลาหลายต่อหลายเดือนเตรียมตัวเอง ทางด้านร่างกาย อารมณ์และจิตวิญญาณสำหรับบทบาทที่เขาต้องทุ่มเทมากที่สุดในอาชีพนักแสดงของเขา มันเป็นการเรียนรู้ภาษาอารามิคอย่างกระท่อนกระแท่น ซึ่งเป็นภาษาที่พระเยซูคริสต์พูดในยุคนั้น และระหว่างการถ่ายทำเขาต้องอดทนกับการตกแต่งทั่วทั้งร่างกายซึ่งบางครั้งกินเวลายาวนานกว่าสิบชั่วโมง เขายังต้องใช้เวลาถ่ายทำหลาย ๆ วันอยู่บนไม้กางเขนในอุณหภูมิที่เยือกแข็งและในช่วงที่ต้องถ่ายทำฉากต่อสู้และถูกโบยตีที่สตูดิโอซิเนซิตต้านั้นหัวไหล่ข้างหนึ่งของเขาหลุดด้วย แต่คาวิเซลรู้สึกด้วยประสบการณ์ที่ทำให้เขาเชื่อว่ามีใครคนหนึ่งกำลังมองเฝ้าเขาอยู่ ความรู้สึกที่ว่านี้เกิดขึ้นเมื่อตัวเขาโดนฟ้าผ่าในขณะถ่ายทำฉากที่กัลโกธา แต่เขากลับลุกขึ้นแล้วเดินหนีได้
ในปี 2004 เจมส์ คาวิเซลยังได้ร่วมแสดงกับโรบิน วิลเลี่ยมส์และมิร่า ซอร์วิโน่ในภาพยนตร์ของโอมา นาอิม เรื่อง Final Cut และร่วมกับ แคลร์ ฟอร์ล่านี่และเจอร่ามี่ นอร์ธัม ในภาพยนตร์ของ ราวดี้ แฮริงตัน เรื่อง Stroke of Genius