เจเรมี่ ไอรอนส์ เป็นนักแสดงชาวอังกฤษ เริ่มต้นด้วยการแสดงละครเศร้าโศก และละครเพลงเกี่ยวกับการสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ เมื่อเขาได้เล่นเป็นยอนห์ เดอะ แบ๊บติส ร่วมกับ เดวิด เอสเซ็กส์ ครั้งหนึ่งได้ถูกบรรยายว่า 'ความคิดเกี่ยวกับรูปภาพติดผนังของผู้หญิง' เขาได้สร้างชื่อของเขาไว้อย่างน่าจดจำ ในภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการยั่วยุและก้าวร้าว เช่น Dead Ringers (1988) และได้รับรางวัล Golden Globe® Award ที่เพิ่มเข้าไปในงานออสการ์ สำหรับนักแสดงชายยอดเยี่ยมในปี 1990 และเคยได้รับบทบาทที่แสดงเป็น คลอส วอน บูโล ใน Reversal of Fortune (1990) ร่วมกับ เกลนน์ โคลส อีกด้วย
เจเรมี่ ไอรอนส์ เริ่มอาชีพนักแสดงกับคณะละครเวที Bristol Old Vic ในอังกฤษ ก่อนจะเริ่มแสดงละครเวทีครั้งแรกเป็น จอห์น เดอะ แบ็พติสใน Godspell ที่มหานครลอนดอน หลังจากนั้นเขาก็ร่วมแสดงกับคณะ West End และ Stratford Upon Avon จนโด่งดังใน Richard II ของ Royal Shakespeare Company เขาแสดงละครเวทีบรอดเวย์เรื่องแรกใน The Real Thing ของ ทอม สต็อพพาร์ด กระกบกับ เกล็น โคลส ที่เขาได้รับรางวัล Drama League Award และรางวัล Tony® Award สาขา Best Actor มาครองด้วย
ไอรอนส์ ยังมีผลงานทางโทรทัศน์มากมาย ที่เด่น ๆ ก็มี Love for Lydia กับ Tales from Hollywood ของเปาลินี แฮมพ์ตั้น ขณะที่ Brideshead Revisited ส่งให้เขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy® Award, รางวัล British Academy และคว้ารางวัล Golden Globe® Award สาขา Best Actor มาครองสำเร็จ ในปี 1996 เขากำกับและร่วมแสดงใน Mirad, A Boy from Bosnia กับ ชินเนิร์ด คูแซ็ค ภรรยาของเขา ซึ่งเป็นภาพยนตร์สร้างเพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์ Channel 4 Television ว่าด้วยชีวิตของผู้ลี้ภัยที่เขียนบทโดยแอ็ด เดอ บองต์ ต่อมาในปี 1997 ไอรอนส์ คว้ารางวัล Emmy สาขา Outstanding Voice-Over จาก The Great War and the Shaping of the 20th Century มาครอง และในปี 2006 ไอรอนส์ ร่วมแสดงกับเฮเลน เมอร์เร็น ใน Elizabeth ของ HBO ซึ่งบทเอิร์ลแห่งไลเซสเตอร์ ส่งให้เขาคว้ารางวัล Emmy สาขา Best Supporting Actor in a Miniseries มาครอง
ผลงานการแสดงภาพยนตร์ของ ไอรอนส์ก็มี Moonlighting, Betrayal, Swann in Love และ The Mission ที่โรเบิร์ต เดอ นีโร นำแสดง ทั้งยังนำแสดงใน The French Lieutenants Woman กับเมอริล สตรีพ ที่เขาได้รับรางวัล Variety Club Award สาขา Best Actor และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BAFTA เชือดเฉือนบทบาทกับ แซม ลูกชายของเขาใน Danny, เรื่อง Champion of the World ของโรอัลด์ ดาล และบทนำแสดงใน Dead Ringers ของเดวิด โครเน็นเบิร์ก ส่งให้เขาคว้ารางวัลสาขา Best Actor Award จาก New York Film Critics Circle และ Canadian Genie ด้วย เขากลับมานำแสดงร่วมกับเกล็น โคลส อีกครั้งภาพยนตร์ว่าด้วยการพลิกแฟ้มคดี คลอส วอน บิวโลว์ ขึ้นมาไต่สวนใหม่ใน Reversal of Fortune ที่ส่งให้ ไอรอนส์ คว้ารางวัล Academy Award กับรางวัล Golden Globe Award สาขา Best Actor ในปี 1990 มาครองได้สำเร็จ
ไอรอนส์ ยังร่วมแสดงใน Kafka ของสตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก, M. Butterfly ของเดวิด โครเน็นเบิร์ก และ The House of the Spirits ของบิล ออกัส ที่ได้ร่วมแสดงกับ สตรีพ กับ โคลส อีกครั้ง ในปี 1994 ไอรอนส์ พากย์เสียงเป็น สการ์ ใน The Lion King ของ Disney แล้วก็ร่วมแสดงใน Die Hard with a Vengeance ที่นำแสดงโดยบรู้ซ วิลลิส และนำแสดงร่วมกับ ลิฟ ไทเลอร์ ใน Stealing Beauty ของเบอร์นาโด้ เบอร์โตลุคชี่
ไอรอนส์แสดงภาพยนตร์ในปี 2001 คือ And Now
Ladies and Gentleman, The Time Machine, Callas Forever และ Last Call ของ Showtime Original Picture ที่กำกับโดยเฮนรี่ บรอมเมล ไอรอนส์ ยังนำแสดงร่วมกับแอนเน็ต เบ็นนิ่ง ใน Being Julia ของอิสต์แวน ซาโบ พอปลายปี 2004 ก็รับบทแอนโทนีโอ ใน Merchant of Venice ที่ไมเคิ้ล แร็ดฟอร์ด กำกับจากบทภาพยนตร์ดัดแปลงจากผลงานการประพันธ์ของเชคสเปียร์ ที่ได้เชือดเฉือนบทบาทกับอัล ปาชิโน ด้วย พอฤดูใบไม้ผลิปี 2005 ก็ร่วมแสดงใน Kingdom of Heaven ของริดลี่ย์ สก๊อต ที่นำแสดงโดยออแลนโด้ บลูม ช่วงคริสต์มาสปี 2005 ภาพยนตร์ที่ไอรอนส์ร่วมแสดงกับเฮธ เล็ดเจอร์ เรื่อง Casanova ของแลสซี่ ฮัลสตอร์ม
ในปี 2003 ไอรอนส์หวนคืนสู่เวทีละครอีกครั้ง และเปิดการแสดงโอเปร่าครั้งแรกของเขาในมหานครนิวยอร์ค โดยรับบทเฟร็ดเดอริค ใน A Little Night Music ของสตีเฟ่น ซอนด์ไฮม์ ที่กำกับโดยสก๊อต เอลลิส เขายังรับบทฏษัตริย์อาร์เธอร์ ใน Camelot ของ Hollywood Bowl ตอนหนึ่งในซีรี่ย์สุดสัปดาห์ฤดูร้อนของ Hollywood Bowl ทั้งยังรับบทเฮนริค ใน Embers บทละครของเปาลินี แฮมพ์ตั้น ที่ไมเคิ้ล เบลคมอร์ กำกับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2006 ด้วย