สตีฟ มาร์ติน เป็นทั้งนักแสดง, ดาราตลก, นักเขียนบทละคร และผู้อำนวยการสร้าง มาร์ตินเป็นหนึ่งในบรรดาดาราผู้มีผลงานหลากหลายในวงการภาพยนตร์ และยังเป็นนักเขียนและนักแสดงที่ประสบความสำเร็จในหนังยอดนิยมบางเรื่องในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์
เขาได้ร่วมแสดงกับควีน ลาติฟาห์ ในหนังคอมเมดี้บันลือโลก Bringing Down the House เขายังได้แสดงในหนังร่วมกับตัวการ์ตูน Looney Tunes: Back In Action ร่วมกับเบรนแดน เฟรเซอร์, เจนน่า เอลฟ์แมน และแกงค์ลูนนี่ ทูนส์ทั้งหมด มาร์ตินเป็นพิธีกรให้กับงานตุ๊กตาทองประจำปีครั้งที่ 75th และ 73rd สำหรับการทำงานเป็นพิธีกรครั้งแรกของเขานั้น ทำให้รายการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ รวมทั้งรางวัล Outstanding Individual Performance in a Variety or Music Program
เขาโตขึ้นมาในแคลิฟอร์เนียใต้ มาร์ตินกลายเป็นนักเขียนงานโทรทัศน์ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 และได้รับรางวัลเอ็มมี่สำหรับผลงานของเขาในซีรี่ส์เรื่องฮิต The Smothers Brothers Comedy Hour เมื่อตอนปลายทศวรรษเขาได้แสดงจากผลงานเขียนของตัวเองในคลับและทางโทรทัศน์
หลังจากทำงานบ่อยครั้ง ในรายการ The Tonight Show Starring Johnny Carson มาร์ตินก็ไปเป็นพิธีกรให้กับรายการโชว์นวัตกรรมซีรี่ส์ของ Saturday Night Live และแสดงพร้อมทั้งร่วมเขียนบทให้กับรายการสเปเชียลทางโทรทัศน์จำนวน 4 ตอนที่มีเรตติ้งสูงมาก ในช่วงที่ออกทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศ เขาได้เแสดงต่อหน้าบรรดาผู้ชมซึ่งต้องยืนดูเท่านั้น ในสถานที่ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เขายังได้รับรางวัลแกรมมี่จากผลงานอัลบั้มคอมเมดี้ของเขา Lets Get Small และ A Wild and Crazy Guy และยังได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำจากซิงเกิ้ล King Tut ของเขา
หนังเรื่องแรกของมาร์ติน The Absent-Minded Waiter เรื่องสั้นที่เขาเขียนและแสดงด้วย ได้เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองปี 1977 และในปี 1979 เขาก็ย้ายเข้าสู่งานภาพยนตร์จอใหญ่ ร่วมเขียนบท และแสดงใน The Jerk กำกับการแสดงโดยคาร์ล ไรเนอร์ ในปี 1981 เขาได้แสดงคู่กับ เบอร์นาเด็ต ปีเอตร์ส ในหนังเพลงคอมเมดี้หวานปนขม ของเฮอร์เบิร์ต รอส เรื่อง Pennies from Heaven
จากนั้นนักแสดงผู้นี้ก็ได้ร่วมเขียนบทและแสดงในหนังนักสืบระทึกขวัญ เรื่อง Dead Men Dont Wear Plaid และหนังคอมเมดี้ไซไฟ The Man With Two Brains ทั้งสองเรื่องกำกับฯ โดย ไรเนอร์ ในปี 1984 มาร์ตินได้รับรางวัล Best Actor Award จากทั้ง New York Film Critics Association และรางวัล National Board of Review จากผลงานที่แสดงคู่กับลิลี่ ทอมลินใน All of Me ซึ่งเป็นการร่วมงานครั้งที่สี่ของเขากับผู้กำกับฯ คาร์ล ไรเนอร์
ในปี 1987 ภาพยนตร์เรื่องฮิตของเขา Roxanne งานดัดแปลงสมัยใหม่จากตำนาน Cyrano de Bergerac ทำให้มาร์ตินไม่เพียงแต่จะได้รับการตอบรับจากผู้ชมอย่างอบอุ่น แต่ยังได้รับรางวัล Best Actor Award จาก Los Angeles Film Critics Association และรางวัล Best Screenplay Award จาก Writer Guild of America มาร์ตินยังเป็นผู้อำนวยการบริหารภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
ในปี 1988 เขาได้ร่วมแสดงกับไมเคิล เคน ในหนังคอมเมดี้เรื่องฮิต Dirty Rotten Scoundrels ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สองซึ่งเขาร่วมงานกับผู้กำกับฯ แฟรงค์ ออซ (หลังจากเรื่อง Little Shop of Horrors) ในปี 1989 เขายังได้ร่วมแสดงกับแมรี่ สตีนเบอร์เกน และไดแอน ไวสท์ ในหนังคอมเมดี้อันเป็นที่รักของรอน โฮเวิร์ด เรื่อง Parenthood
ในปี 1991 มาร์ตินเขียนบท แสดง และร่วมอำนวยการบริหาร ในหนังคอมเมดี้ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์เรื่อง L.A. Story หนังคอมเมดี้เกี่ยวกับเรื่องความรักที่เกิดขึ้นในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นการเสียดสีเมืองนั้นด้วย ในปีเดียวกันนั้น เขาได้แสดงเพื่อรำลึกถึงในหนังเรื่องดังของลอว์เรนส์ แคสแดน เรื่อง Grand Canyon และแสดงกับ ไดแอน คีตัน ในงานหนังเรื่องฮิต Father of the Bride และได้รับรางวัล Peoples Choice Award for Favorite Actor in a Comedy Motion Picture สำหรับเรื่องหลัง ในปี 1992 เขาได้แสดงในหนังคอมเมดี้เรื่อง Housesitter กับโกลดี้ ฮอว์น และได้รับรางวัล Peoples Choice Award for Favorite Actor in a Comedy ติดต่อกันเป็นปีที่สอง
ในปี 1996 เขาร่วมทีมอีกครั้งกับไดแอน คีตัน ในภาคต่อยอดฮิตของ Father of the Bride และได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ในปี 1997 เขาได้รับคำชมจากนักวิจารณ์จากผลงานที่ย้ำถึงความสามารถ ในหนังระทึกขวัญของผู้กำกับฯ เดวิด มาเหม็ด เรื่อง The Spanish Prisoner
มาร์ตินเขียนบทและแสดงในหนังคอมเมดี้ปี 1999 เรื่อง Bowfinger คู่กับเอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์ กับผู้กำกับฯ แฟรงค์ ออซ หนังเรื่องนี้ได้เข้าฉายที่ Deauville International Film Festival
ภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของมาร์ติน ได้แก่ Planes, Trains and Automobiles, The Three Amigos, The Lonely Guy, My Blue Heaven, Novocaine
มาร์ตินได้รับเลือกให้เป็น Hasty Pudding Theatricals 1988 Man of the Year โดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และได้รับรางวัลที่เคมบริดจ์ แมสซาชูเซตต์ ในปี 1996 Third Decade Council แห่ง American Film Institute ได้มอบรางวัล Lifetime Achievement Award อันทรงเกียรติให้กับมาร์ตินสำหรับผลงานของเขาที่ U.S. Comedy Arts Festival ภาพวาดที่ได้รับการคัดเลือกจากคอลเล็คชั่นส่วนตัวจำนวนมากของเขา ได้ออกแสดงเป็นพิเศษที่แกลอรี่ของ Bellagio Hotel ในลาสเวกัสเมื่อปี 2000 พร้อมกับบันทึกในแคตตาล็อก ซึ่งเขียนโดยมาร์ติน
หลังจากความสำเร็จที่ได้รับจากงานนวนิยายเรื่องแรกของเขา Shopgirl นิยายเรื่องที่สองของมาร์ติน The Pleasure of My Company ก็ได้รับการตีพิมพ์โดย Hyperion และกำลังไต่อันดับขึ้นสู่รายชื่อหนังสือขายดีที่สุด เขายังได้เขียนคอลเล็คชั่นการ์ตูนขายดีเรื่อง Pure Drivel และผลงานของเขายังได้ลงใน New Yorker และ New York Times อยู่บ่อย ๆ เขามีบ้านอยู่ในนิวยอร์คซิตี้และลอสแอนเจลิส