ทอม แฮงค์ส ได้รับเกียรติยกย่องให้เป็นนักแสดงคนแรกในรอบ 50 ปีที่ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมติดต่อกัน ในปี 1994 จากบททนายความผู้ติดเอดส์ใน Philadelphia และในปีถัดมาจากบทฟอร์เรสต์ กัมพ์ นอกจากนี้ เขายังได้คว้ารางวัลลูกโลกทองคำมาครองได้สำเร็จจากบทบาททั้งสอง รวมไปถึงจากผลงานของเขาใน Big และ Cast Away ด้วย
แฮงค์สเติบโตใน โอ๊คแลนด์, แคลิฟอร์เนีย เขาเริ่มสนใจในการแสดงสมัยเรียนอยู่ไฮสคูล เขาเข้าศึกษาที่ ชาบ็อต คอลเลจ ใน เฮย์เวิร์ด, แคลิฟอร์เนีย ตามด้วย มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ใน ซาคราเมนโต้ ด้วยคำเชื้อเชิญจากผู้กำกับศิลป์ วินเซนต์ ดาวลิง เขาได้เปิดตัวในโลกการแสดงด้วยบท กรูมิโอ ในละครเวทีเรื่อง The Taming of the Shrew ที่จัดฉายในเทศกาล เชคสเปียร์ เกร็ท เลคส์ใน คลีฟแลนด์, โอไฮโอ เขาได้แสดงกับคณะละครแห่งนั้นนานถึงสามซีซัน
หลังจากที่ย้ายไปอยู่ นิวยอร์ก ซิตี้ ในปี 1978 แฮงค์ส ก็ได้แสดงร่วมกับ คณะริเวอร์ไซด์ เชคสเปียร์ คัมปะนี จนกระทั่งเขาโด่งดังจากการร่วมงานกับ ปีเตอร์ สกอลารี ในซีรีส์คอเมดีทางเอบีซี เรื่อง Bosom Buddies ซึ่งผลงานเรื่องนี้ได้นำเขาเข้าสู่บทนำในภาพยนตร์ภาพยนตร์ รอน โฮเวิร์ด เรื่อง Splash, Bachelor Party, Volunteers, The Money Pit และ Nothing in Common และในปี 1988 สมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ลอสแองเจลิสได้ยกย่องการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่อง Big และ Punchline ด้วยรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเขาก็มีผลงานในภาพยนตร์หลายเรื่องเช่น A League of Their Own และ Sleepless in Seattle
ในปี 1996 แฮงค์สได้เปิดตัวผลงานการเขียนบทและกำกับเรื่องแรกด้วย That Thing You Do! เพลงไตเติ้ลของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะติดท็อปเท็นในชาร์ตเพลงร่วมสมัยมากมาย แต่ยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมีอวอร์ด สาขาเพลงประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยมอีกด้วย หลังจากที่ได้กลับมาร่วมงานกับ รอน โฮเวิร์ด อีกครั้งใน Apollo 13 แฮงค์ก็ได้รับหน้าที่ ผู้ควบคุมงานสร้าง มือเขียนบท ผู้กำกับ และ นักแสดงนำ ให้กับภาพยนตร์เอชบีโอเรื่อง From the Earth to the Moon ภาพยนตร์ดรามาแอนโธโลจี 12 ชั่วโมง เจ้าของรางวัลเอ็มมี อวอร์ดที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับโปรแกรมการส่งยานอพอลโลขึ้นสู่อวกาศ
ในปี 1998 แฮงค์สนำแสดงในดรามาสงครามโดย สตีเวน สปีลเบิร์ก เรื่อง Saving Private Ryan ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์เป็นครั้งที่สี่ ในปีถัดมา เขาได้นำแสดงใน The Green Mile ซึ่งเขียนบทและกำกับโดย แฟรงค์ ดาราบอนต์ และสร้างขึ้นจากนิยายหกตอน โดย สตีเฟน คิง ในปี 2000 แฮงค์สได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับโรเบิร์ต ซีเมคิสและมือเขียนบทวิลเลียม บรอยเลส จูเนียร์ อีกครั้งใน Cast Away ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์อีกครั้งหนึ่ง เขาได้ร่วมงานกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก อีกครั้งในฐานะ ผู้ควบคุมงานสร้าง มือเขียนบท และผู้กำกับ สำหรับ มินิซีรีส์อีพิค ทาง เอชบีโอเรื่อง Band of Brothers ซึ่งสร้างขึ้นจากหนังสือของ สตีเฟน แอมโบรส มินิซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2001 และมันก็ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างล้นหลาม ซึ่งนำไปสู่การได้รับรางวัลเอ็มมี อวอร์ด และ ลูกโลกทองคำ สาขามินิซีรีส์ยอดเยี่ยมในปี 2002 และ นำแสดงใน Road to Perdition ประกบ พอล นิวแมน และ จู๊ด ลอว์ ภายใต้การกำกับของ แซม เมนเดส ตามมาด้วยภาพยนตร์ต้มตุ๋นสไตล์เฉียบ โดย สปีลเบิร์ก เรื่อง Catch Me If You Can ที่เขาได้แสดงประกบ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และสร้างขึ้นจากชีวิตจริงของนักต้มตุ๋นบันลือโลก แฟรงค์ อบาค์เนล จูเนียร์ แฮงค์สได้ร่วมงานกับ สปีลเบิร์ก เป็นครั้งที่สามใน The Terminal ด้วยการแสดงประกบคู่กับ แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์ ก่อนที่จะไปแสดงในคอเมดีตลกร้ายของพี่น้องโคเอนเรื่อง The Ladykillers
ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2004 แฮงค์สได้นำแสดงในภาพยนตรที่สร้างขึ้นจากหนังสือเด็กเจ้าของรางวัลคัลเดอค็อตต์ เมดัล เรื่อง The Polar Express โดย คริส ฟาน อัลส์เบิร์ก ซึ่งทำให้เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับ โรเบิร์ต ซีเมคิส อีกครั้ง ในปี 2006 แฮงค์สรับบท โรเบิร์ต แลงดอน ในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนิยายโดย แดน บราวน์เรื่อง The Da Vinci Code ที่กำกับโดย รอน โฮเวิร์ด และร่วมแสดงโดย ออเดรย์ ทาอูทู, พอล เบตตานีย์, เอียน แม็คเคลเลน และ ฌอง เรโน ในปี 2007 แฮงค์สได้แสดงประกบ จูเลีย โรเบิร์ต และ ฟิลิป เซย์มัวร์ ฮอฟแมน ในภาพยนตร์โดย ไมค์ นิโคลส์เรื่อง Charlie Wilsons War ผลงานเรื่องต่อไปของเขาคือ The Great Buck Howard ที่นำแสดงโดย จอห์น มัลโควิช และ โคลิน แฮงค์