ซีตา โจนส์ ฉายแววความเป็นนักแสดงตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุ 10 ขวบ เธอได้รับเลือกให้เข้าร่วมในคณะสะครของโบสถ์คาทอลิกแถวบ้าน ซึ่งเปิดโอกาสให้เธอได้ร่วมงานในละครเวทีอย่าง Annie, Bugsy Malone และ The Pajama Game ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่ลอนดอน และได้รับบทนำเต็มตัวเมื่อตอนอายุ 15 ปี ในผลงานเรื่อง 42nd Street ซึ่งที่แรกเธอได้รับเลือกให้เป็นเพียงตัวสำรองในบทนำ แต่ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเธอเมื่อตัวจริงเกิดป่วยกระทันหัน มันจึงเปิดโอกาสให้เธอฉายแววได้อย่างเต็มที่ ในละครเพลงเรื่องดังกล่าว
เมื่อการแสดงละครเรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นลง ซีตา โจนส์ ไดไปท่องเที่ยวที่ฝรั่งเศส และดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเธออีกครั้ง เมื่อเธอได้พบกับ ฟิลิปเป เดอ โบรคา ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ผู้เปิดโอกาสให้เธอได้รับบทนำในหนังเรื่อง Scheherazade ของเขา และนั่นก็ถือเป็นผลงานเปิดตัว แคทธาลีน ซีตา โจนส์ สู่โลกเซลูลอยด์เป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นดูเหทือนว่าความแรงของเธอจะพุ่งไม่หยุด เมื่อเธอกลับมาอังกฤษในปี 1991 และได้รับบทนำในหนังชุดทางทีวีเรื่อง The Darling Buds of May ซึ่งบังเอิญมันฮิต และกลายเป็นสิ่งที่เสริมสถานะดาราให้กับซีตา โจนส์ได้อย่างรวดเร็ว พิจารณาจาก ข่าวที่บรรดาหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชอบนำไปตีไข่ และจำนวนปาปาราซซีที่เฝ้าตืดตามเธอแล้ว ยืนยันได้ว่าเธอดังจริง แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นกลับนำมาซึ่งความอึดอัด จนทำให้เธอต้องบินหนีข้ามมหาสมุทรแอ็ตแลนติกมาขึ้นฝั่งที่อเมริกา
ด้วยชื่อเสียงที่เธอสั่งสมมาจากบ้านเกิด ซีตา โจนส์จึงได้รับบทนำในมินิซีรีส์เรื่องReturn of the Native ก่อนที่จะเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้นไปอีกกับผลงานเรื่อง Catherine the Greatแต่ผลงานทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมา จะไม่ได้สร้างความโด่งดังให้กับเธอได้มากเท่ากับการรับบทนำในหนังทีวีความยาว 4 ชั่วโมงเรื่อง Titanicในช่วงเวลา 1 ปีก่อนที่ตำนาน แจ็ก กับ โรส จะเริ่มขึ้น
บทนำในหนังทีวีเรื่องดังกล่าว ทำให้ใบหน้าของซีตา โจนส์เกิดไปสะดุดตาพ่อมดฮอลลีวูดอย่าง สตีเวน สปีลเบิร์กเข้า จนทำให้เธอได้มีโอกาสรับบทนำรวมกับดาราหนุ่มเลือดละตินชื่อดังอย่าง แอนโตนิโอ แบนเดอรัส ในผลงานที่ทำให้เธอดังแบบสุดๆ เรื่อง The Mask of Zorro
และนับจากจุดนั้นเป็นต้นมาชื่อของแคทเธอรีน ซีตา โจนส์ ก็ดูจะไม่เคยหายไปจากวงสนทนา เธอประกบตัวตามสื่อแบบถี่ยิบ หนังหลายเรื่องจองตัวเธอให้ไปอวดโฉมบนจอ ในจำนวนนั้นก็มี Entrapment และThe Haunting เป็นต้น แต่ดูเหมือนว่า ซีตา โจนส์ คงมไอยากจะให้โลกนี้จดจำเธอในฐานะ ดาราสาว สวยอย่างร้ายกาจ เท่านั้น ในปีต่อๆ มา เธอจึงเริ่มรับงานแสดงในบทที่ไม่ต้องห่วงสวย ในหนังอย่าง Traffic ของ สตีเวน โซเดนเบิร์ก สลับกับการโชว์สวยตามถนัดในหนังอย่าง America's Sweethearts in 2001
จนกระทั่งในปี 2002 นั่นเองที่ความพยายามของเธอดูจะสัมฤทธิ์ เมื่อการสวมบทบาท เวลมา เคลลี ในหนังเพลงเรื่อง Chicago ที่เปิดโอกาสให้เธอทั้งร้องทั้งเต้น ทั้งโชว์สวยและโชว์ความสามารถ มันได้กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่ใครจดจำได้มากที่สุดแห่งปีบทหนึ่ง ก่อนที่จะปิดท้ายอย่างสวยงาม เมื่อออสการ์ตบรางวัลในความพยายามของเธอด้วยการมอง รางวัลสมทบหญิงยอดเยี่ยมให้แก่เธอ อย่างไม่มีใครคัดค้าน
ทุกวันนี้ ซีตา โจน ยังคงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ชีวิตของเธอช่างน่าอิจฉา เพราะนอกจากจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว ชีวิตส่วนตัวของเธอยังไปได้ดีอีกด้วย เธอแต่งงานกับนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง ไมเคิล ดักลาส ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2000 แม้ในระยะแรกจะมีคำครหาเกี่ยวกับความเป็น หนูตกถังข้าวสาร ของเธอ แต่สำหรับผู้หญิงที่ฉีกขาได้ 180 องศาแบบสบาย อย่างเธอ เรื่องเม้าท์แค่นี้คงไม่ระคายผิวแต่อย่างใด