จิม แคร์รี่ เป็นนักแสดงหนุ่มเจ้าของรางวัลมากมายทั้งทางด้านการแสดงที่เป็นดราม่าและการแสดงแนวตลก ในปี 1999 เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำในฐานะ Best Actor in Motion Picture Musical or Comedy ในบทบาทนำจากผลงานของ ปีเตอร์ เวียร์เรื่อง The Truman Show และในปีต่อมาเขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งที่สองในฐานะ Best Actor in a Motion Picture Musical or Comedy สำหรับการแสดงที่เขารับบทเป็น แอนดี้ คอฟแมนในภาพยนตร์ผลงานของ ไมลอส ฟอร์แมนเรื่อง Man on the Moon ในช่วงอาชีพการแสดงของเขา แคร์รี่ได้รับการยอมรับหลายต่อหลายครั้งโดยได้รับรางวัล MTV Movie Awards รางวัล Peoples Choice Awards และรางวัล Nikelodeon Kids Choice Awards
แคร์รี่ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง I Love You Phillip Morris ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้มืดที่เขียนและกำกับการแสดงโดย เกลน ฟิคาร์ร่า และจอห์น เรอควอ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2009 เขาได้แสดงในเรื่อง Christmas Carol ซึ่งมีเค้าโครงมาจากนิทานคลาสสิคของชาร์ล ดิคเก้น โดยการดัดแปลงของโรเบิร์ต ซิมิคิส ซึ่งเป็นผู้กำกับการแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย จากขั้นตอนของการแสดง เทคนิคการ์ตูนแบบสามมิติแคร์รี่แสดงเป็น อิเบนเนสเซอร์ สครูจ์และเจ้าปีศาสสามตัวที่คอยหลอกหลอนเขาอยู่อีกด้วย
แคร์รี่พากย์เสียงให้กับตัวละครนำในภาพยนตร์การ์ตูนในรูปแบบของ ด๊อกเตอร์ เซอูสเรื่อง Horton Hears a Who! ซึ่งเป็นภาพยนตร์ยอดฮิตของบล๊อคบัสเตอร์ ในปี 2007 แคร์รี่ได้ร่วมแสดงกับเวอร์นิเนีย แมดเซ่นในภาพยนตร์ตื่นเต้นสยองขวัญเรื่อง The Number 23 กำกับการแสดงโดย โจเอล ชูว์เมคเกอร์ เขายังได้ร่วมแสดงกับ ทีอา ลีโอนี่ในภาพยนตร์คอมเมดี้ยอดฮิตในปี 2005 เรื่อง Fun with Dick and Jane กำกับการแสดงโดย ดีน พาริซอทและอำนวยการสร้างโดย ไบรอัน เกรเซอร์ แคร์รี่ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Lemony Snickets a Series of Unfortunate Events ซึ่งมีเค้าโครงมาจากหนังสือซีรี่ส์สำหรับเด็กโดย แดเนี่ยล แฮนด์เลอร์ รวมไปถึงภาพยนตร์ที่ได้รับการกล่าวขวัญเรื่อง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อสำหรับรางวัลลูกโลกทองคำและรางวัล BAFTA Award ในฐานะ Best Actor
ในปี 2003 แคร์รี่ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เรื่อง Bruce Almighty ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องที่ทำเงินมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปี ภาพยนตร์เรื่อง Bruce Almighty ยังเป็นความสำเร็จในการร่วมงานกันครั้งที่สามกับผู้กำกับการแสดง ทอม ชาเดียคซึ่งก่อนหน้านี้ได้กำกับการแสดงเขาในภาพยนตร์คอมเมดี้ยอดฮิตเรื่อง Ace Venntura: Pet Detective และเรื่อง Liar Liar ในปี 2001 เขาได้ร่วมแสดงในเรื่อง The Majestic และในปี 2000 แคร์รี่ยังได้รับบทที่โดดเด่นในภาพยนตร์ที่ทำเงินแห่งปีเรื่อง How the Grinch Stole Christmas ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่มาจากเค้าโครงเรื่องคลาสสิคของด๊อกเตอร์ ซูส การรับบทเป็นคริช ได้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลลูกโลกทองคำในฐานะ Best Actor in Motion Picture Musical or Comedy และในช่วงซัมเมอร์ของปีนั้นแคร์รี่ยังร่วมแสดงในภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ของพี่น้อง ฟาร์เรลเรื่อง Me, Myself and Irene ในปี 2000 เขาได้รับสมญาว่า Male Star of the Year ที่ ShoWest
แคร์รี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ShoWest Comedy Star of the Year in 1995 สำหรับการแสดงที่โดดเด่นในภาพยนตร์คอมเมดี้ของฮิตเรื่อง Dumb & Dumber ซึ่งเป็นผลงานการเขียนและกำกับการแสดงเป็นเรื่องแรกของ ปีเตอร์และบ๊อบบี้ ฟาร์เรล, ภาพยนตร์เรื่อง Ace Ventura: Pet Detective และเรื่อง The Mask ซึ่งเป็นเรื่องแรกที่แคร์รี่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลลูกโลกทองคำในฐานะ Best Actor in a Motion Picture Musical and Comedy และต่อมาเขาก็ได้การเสนอชื่อสำหรับรางวัลลูกโลกทองคำอีกครั้งจากเรื่อง Liar Liar ในปี 1997
เขาเกิดใน นิวมาร์เก็ต, ออนตาริโอ แคร์รี่เริ่มงานอาชีพในวงการแสดงจากการเป็น Stand-up Comedy เมื่อเขายังเป็นวัยรุ่น เขาย้ายมาที่ลอสแองเจลิสเมื่ออายุได้ 19 ปี และในทันทีก็ได้กลายมาเป็นนักแสดงประจำที่ร้าน Mitzi Shores Comedy Store โดยเขากลายเป็นจุดสนใจ ของนักแสดงตลกที่เป็นประหนึ่งตำนานอย่างรอดนี่ แดนเจอร์ฟิลด์ โดยแดนเจอร์ฟิลด์ประทับใจในนักแสดงตลกหนุ่มและพวกเขาได้เริ่มร่วมงานออกทัวร์ด้วยกัน ในปี 1982 เขาได้รับการคัดเลือกสำหรับซีรี่ส์ทางช่อง NBC เรื่อง The Duck Factory และในปีต่อมาเขาก็ได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Once Bitten นำแสดงโดย ลอว์เรน ฮัตตัน ต่อมาเขาก็ได้รับบทในภาพยนตร์ของฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่าเรื่อง Peggy Sue Got Married และในภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่อง Earth Girls Are Easy โดยร่วมแสดงกับ จีน่า เดวิส ในปี 1988 แคร์รี่ได้ร่วมแสดงสั้น ๆ แต่น่าจดจำโดยรับบทเป็น จอห์นนี่ สแควร์ ซึ่งเป็นดาราร๊อคที่ทำร้ายตัวเองในภาพยนตร์ผลงานของคลิ้นท์ อีสท์วูดเรื่อง The Dead Pool
ในปี 1990 แคร์รี่ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์รวมดาราดังยอดฮิตทางโทรทัศน์ของฟ๊อกซ์ ในเรื่อง The Living Color ในเดือนพฤศจิกายนปี 1991 ผลงานโชว์พิเศษชื่อ Jim Carreys Unnatural Act ได้รับการเบิดตัวออกฉายเป็นครั้งแรก ต่อมาเขาได้รับบทนำเป็นคนติดเหล้าที่พยายามจะดำเนินชีวิตไปให้ได้ในภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ที่ได้รับการเสนอชื่อสำหรับรางวัล เอมมี่ เรื่อง Doing Time on Maple Drive
ในปี 1994 หลังจากหลายปีของความสำเร็จจากเรื่อง In Living Color แคร์รี่ก็ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเมื่อเขาแสดงในบทนำในภาพยนตร์คอมเมดี้ยอดฮิตเรื่อง Ace Ventura: Pet Detective ภาพยนตร์ตอนต่อมาของเขายังรวมไปถึงเรื่อง Ace Ventura: When Nature Calls; การรับสองบทบาทเป็น Riddler/Dr. Edward Nygma ในภาพยนตร์ผลงานของ โจเอล ชูว์เมคเกอร์เรื่อง Batman Forever; และเรื่อง Cable Guy กำกับการแสดงโดย เบน สติลเลอร์