เปี๊ยก โปสเตอร์ มีชื่อจริงว่า สมบูรณ์สุข นิยมศิริ เกิดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2475 ที่จังหวัดเชียงใหม่ จบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดราชาธิวาส จบการศึกษาระดับปริญญาจาก วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เริ่มทำงานในปี พ.ศ. 2496 โดยเป็นช่างเชียนอยู่ที่ร้านไพบูลย์การช่าง รับเขียนป้ายโฆษณาสินค้าต่าง ๆ วาดรูปปกนิตยสาร ต่อมาได้เขียนภาพด้วยสีโปสเตอร์ลงในตัดเอาท์ ซึ่งต่างเอาช่างเขียนอื่นที่ใช้สีน้ำมัน ต่อมา จึงให้เขียนโปสเตอร์หนังของโรงภาพยนตร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เปี๊ยก โปสเตอร์ เป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคนิคการเขียนภาพด้วยสีโปสเตอร์ ยุคแรก ๆ เปี๊ยกจะเซ็นชื่อว่า เปี๊ยก ในใบปิดทุกเรื่อง แล้วต่อมาจึงเปลี่ยนมาใช้ตามฉายาที่ได้มาว่า เปี๊ยก โปสเตอร์ ผลงานในใบปิดหนังไทยยุค 16 ม.ม. ของเปี๊ยก โปสเตอร์ เช่น เล็บครุฑ, แสงสูรย์, ธนูทอง, เสือเหลือง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนักเขียนรุ่นหลังอีกหลายคนที่ได้รับอิทธิพลการวาดมาจากเปี๊ยก โปสเตอร์ เช่น ทองดี ภานุมาศ, บรรหาร สิตะพงศ์ เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2511 เปี๊ยก โปสเตอร์ได้ร่วมกับเพื่อนทำหนังสือเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทยชื่อ ดาราภาพ โดยเปี๊ยกซึ่งคลุกคลีอยู่กับผู้สร้างดาราในกองถ่ายทำมาก่อน เพราะต้องไปถ่ายรูปดารา หาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเอามาเขียนคัดเอาท์และใบปิดหนัง รับหน้าที่ข้อมูลในกองถ่ายทำและรูปดาราเพื่อทำหนังสือ และเปี๊ยกยังเขียนคอลัมน์ชื่อ เงาจิตรกร สอนวาดภาพแก่คนทั่วไปด้วย ทำให้ เปี๊ยก โปสเตอร์ เดินทางเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในฐานะผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ โดยความร่วมมือจากทีมงานหนังสือดาราภาพที่ถูกแฟนภาพยนตร์คะยั้นคะยอให้สร้างภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งเปี๊ยกก็ไม่ขัดข้อง แต่ต้องไม่ใช่ภาพยนตร์ 16 มม. อย่างที่ทำอยู่ในขณะนั้น เปี๊ยกและทีมงานต้องการพัฒนาการสร้างภาพยนตร์ให้เป็นระบบ 35 ม.ม. เสียงในฟิล์ม จึงให้เปี๊ยกเดินทางไปอบรมดูงานที่โรงถ่ายไดเอะประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 4 เดือน แล้วก็กลับมาเปิดกล้องกำกับภาพยนตร์ เรื่องแรกในชีวิตเมื่อวันที่ 9 กันยายน ด้วยภาพยนตร์เรื่อง โทน (2513) ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2513 โทน ออกฉายที่โรงภาพยนตร์เฉลิมไทย ก็ประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะรูปแบบการสร้าง เนื้อเรื่องที่แตกต่างและงานสร้างที่มีความสมจิรงกว่าระบบ 16 ม.ม แม้ว่าตอนแรก โทน จะขายสายภาพยนตร์ต่างจังหวัดไม่ได้ มีการวิพากย์วิจารณ์บทที่ให้นางเอกถูกข่มขืน แต่โทนก็ทำรายได้เพียงโรงเพียงถึงหกล้านบาท ส่งผลให้ ไชยา สุริยัน กลับมาแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์อีกครั้ง ส่วน อรัญญา นามวงศ์ ก็ได้รับงานแสดงมากขึ้น ชื่อเสียงของเปี๊ยก โปสเตอร์ ผู้กำกับหน้าใหม่ก็ติดอยู่ในวงการภาพยนตร์ตั้งแต่นั้นมา เช่นเดียวกันจนเปี๊ยกต้องตัดสินใจทิ้งพู่กันหันมาเอาดีทางกำกับภาพยนตร์ และมีผลงานติดต่อกันมาทุกปี
เปี๊ยก โปสเตอร์ ได้ชื่อว่า เป็นนักสร้างและส่งดาราให้กับวงการภาพยนตร์มาแล้วหลายต่อหลายคน เช่น ไพโรจน์ ใจสิงห์ จากเรื่อง ดวง (2514), วันดี ศรีตรัง จากเรื่อง ชู้ (2515), อุเทน บุญยงค์ จากเรื่อง เขาสมิง (2516), อีดำ-บุปผารัตน์ ญานประสิทธิกุล หนูเดือน-ช่อเพชร ชัยเนตร จากเรื่อง ข้าวนอกนา (2518), ตั้ม ไพโรจน์ สังวริบุตร และ โอ๋ ลลนา สุลาวัลย์ จากเรื่อง วัยอลวน (2519), ทูน หิรัญทรัพย์ และ ลินดา ค้าธัญเจริญ จากเรื่อง แก้ว (2523), อำพล ลำพูน และ วรรษมน วัฒโรดม จากเรื่อง วัยระเริง (2527), นาถยา แดงบุหงา จากเรื่อง ข้างหลังภาพ (2528), รอน บรรจงสร้าง จากเรื่อง สะพานรักสารสิน (2530) และกลุ่มซูโม่กับกลุ่มกลิ่นสีจากภาพยนตร์เรื่อง กลิ่นสีและกาวแป้ง
เปี๊ยกใช้ชีวิตในการกำกับภาพยนตร์มาจน 26 ปี ถึงเรื่องสุดท้าย ออกฉายในปี พ.ศ. 2538 คือ บินแหลก จากนั้นเปี๊ยกก็กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติที่บ้านกลางขุนเขาปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จนถึงทุกวันนี้
ในปี พ.ศ. 2554 เปี๊ยก โปสเตอร์ ได้แสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิต เรื่อง Top Secret วัยรุ่นพันล้าน ในบท ลุงเทือง และได้รับรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิงในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไป