คลินท์ อีสต์วู้ด เป็นผู้สร้างภาพยนตร์สมบูรณ์แบบ ทำงานมาเป็นเวลาถึงสี่ทศวรรษ และสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมภาพยนตร์หลายต่อหลายรุ่น เขาเป็นหนึ่งในบรรดาศิลปินที่สมบูรณ์แบบและมีความสามารถสารพัดในแวดวงสื่อบันเทิง เข้าสู่วงการครั้งแรกด้วยการเป็นนักแสดง และต่อมาได้เป็นผู้กำกับการแสดง และผู้อำนวยการสร้าง ความสำเร็จในระดับสูงของอีสต์วู้ด มีแรงผลักดันจากผลงานในระดับบ็อกซ์ออฟฟิซ และเช่นเดียวกับแรงสะท้อนของความชื่นชมที่เขาได้รับ ความนับถือที่เขาได้รับจากวงการภาพยนตร์นั้น เทียบได้เท่ากับคำชมของสาธารณชนทั่วไป งานที่เขาทำนั้นนับได้ว่าไม่มีการแบ่งชนชั้น และคลินท์ อีสต์วู้ดถือว่าเป็นสัญญลักขณ์ของภาพยนตร์
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่ว่าบุรุษผู้นี้เริ่มเข้าสู่การแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก ด้วยการเป็นนักแสดงชั่วคราวของ Universal Pictures เมื่อปี 1955 ซึ่งเป็นจุดเริ่มตันที่ไม่หรูหราอะไรนัก แต่ผลงานที่ตามมาของอีสต์วู้ดก็สร้างชื่อเสียงอันยาวนานให้เขาจนกระทั่งล่วงมาถึงสหัสวรรษใหม่ เขาได้แสดง, กำกับ และอำนวยการสร้างภาพยนตร์มามากมาย เอกลักษณ์ของอีสต์วู้ดคือ การที่เขามักจะทำงานหลายตำแหน่งหน้าที่ในเวลาเดียวกัน ทั้งอำนวยการสร้าง กำกับการแสดง และร่วมแสดงไปด้วย
ที่น่าภูมิใจไม่น้อยไปกว่า ก็คือรางวัลทรงเกียรติมากมาย ที่อีสต์วู้ดได้รับในช่วงเวลาหลายปี ในเดือนมีนาคม 2003 เขาได้รับรางวัล Screen Actors Guild Life Achievement Award และในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกันทาง Henry Mancini Institute ได้มอบรางวัล Hank Award ให้กับเขา ในฐานะการทำงานเพลงที่โดดเด่น ในเดือนมกราคม ปี 2000 อีสต์วู้ดได้รับรางวัล Lifetime Career Achievement Award จาก New Yorks National Board of Review และเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน เขาได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ (Honorary Doctorate) สาขา Fine Arts จาก Wesleyan University และในเดือนธันวาคมก็ได้รับรางวัล Kennedy Center Honors Award เขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Favorite All-Time Movie Star in 1999 จาก Peoples Choice Awards (จากการที่เขาเคยได้รับรางวัล Favorite Motion Picture Actor เมื่อปี 1981, 1984, 1985, 1987 และ 1998)
นอกจากนั้นยังได้รับรางวัล Cesar Honorary Award (Honneur) จาก French Film Society for Career Achievement ในปี 1998 และรางวัล Golden Laurel Lifetime Achievement Award จาก Producers Guild of America ในปีเดียวกัน และเขายังได้รับรางวัล Life Achievement Award จาก American Film Institute และ Film Society at Lincoln Center ในปี 1996 และยังได้รับรางวัลทรงเกียรติ Irving G. Thalberg Memorial Award เมื่อปี 1995 จาก Academy of Motion Pictures Arts and Sciences
ในปี 1993 ภาพยนตร์ตะวันตกแหวกแนวสมัยใหม่ของราวคลินท์ อีสต์วู้ด เรื่อง Unforgiven ได้เข้าชิงถึง 9 รางวัลตุ๊กตาทอง (Best Picture, Best Director, Best Actor, Best Supporting Actor, Best Screenplay, Best Cinematography, Best Production Design, Best Editor และ Best Sound) และ 4 รางวัลออสการ์ (Best Picture, Best Director, Best Supporting Actor Best Editor)
ในปีเดียวกันนั้น Unforgiven ยังได้รับรางวัล Directors Guild Award, รางวัลลูกโลกทองคำ - Best Director, รางวัล National Society of Film Critics Award - Best Picture, Best Director, Best Supporting Actor และ Best Screenplay, และรางวัล New York Film Critics Award - Best Supporting Actor
หนังเรื่องนี้ยังได้เข้าชิงรางวัล Best Direction และ Best Film from the British Academy of Film and Television Arts และ ShoWest Award for Director of the Year จาก National Association of Theater Owners (ซึ่งทำให้อีสท์วู้ดได้รับรางวัล Male Star of the Decade Award ในปี 1982 อีกด้วย)
ที่น่าประทับใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือการได้เข้าชิงรางวัล Cesar - Best Foreign Film (Meilleur film etranger) จากเรื่อง The Bridges of Madison County ในปี 1996, รางวัล Douglas Sirk - Career Achievement และรางวัลจากทั้ง American Cinema Editors และ Publicists Guild ในปี 1992, California Governors Award for the Arts ในปี 1992, และรางวัล Man of the Year Award จาก Harvards Hasty Pudding Theatrical Society ในปี 1991
เขามิใช่คนแปลกหน้าสำหรับ Cannes Film Festival อีสต์วู้ดเคยเป็นประธานคณะกรรมการในปี 1994 และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Best Picture Golden Palm จากเรื่อง White Hunter, Black Heart ในปี 1990, Bird ในปี 1988 (ซึ่งได้รางวัล Best Actor และ Best Sound) และ Pale Rider ในปี 1985 เขายังได้รับรางวัล Best Director Golden Globe จากเรื่อง Bird ในปี 1989, รางวัล Hollywood Foreign Press Cecil B. DeMille Career Achievement ในปี 1988 และรางวัลลูกโลกทองคำ - Male World Film Favorite ในปี 1971
อีสต์วู้ดมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Museum of Modern Art แห่งนิวยอร์ค ซึ่งเป็นผู้เก็บบันทึกข้อมูลที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Honorary Retrospective เป็นครั้งแรกในปี 1980 และขยายฐานผลงานจนได้รับรางวัลเป็นครั้งที่สองในปี 1993 และเช่นเดียวกันกับที่ French Cinematheque ในปี 1985 และ Walker Art Center แห่งมินิอาโปลิส ในปี 1990 และ British Film Institute ซึ่งรับอีสต์วู้ดเข้าร่วมในปี 1992
การได้รับการยอมรับทั้งหมดนี้ มีพื้นฐานมาจากความจริงที่ว่าคลินท์ อีสต์วู้ดเป็นดาราภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ในอันดับต้น จากอาชีพของเขา เราไม่อาจมองข้ามความสามารถที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากการเป็นนักแสดงไปสู่การกำกับและอำนวยการสร้างได้โดยง่ายดาย นั่นคืออีสต์วู้ดแต่เพียงผู้เดียว หากไม่ใช่เพราะขั้นตอนการทำงาน ก็คงสืบเนื่องมาจากผลงานที่เหลือเชื่อของเขาและอันดับในบ็อกซ์ออฟฟิซ
ผลงานเรื่องที่ผ่านมาของอีสต์วู้ด ได้แก่ Blood Work, Space Cowboys (2000), True Crime (1998), Absolute Power (1996), The Bridges of Madison County (1995), Unforgiven (1992), White Hunter, Black Heart (1989), Heartbreak Ridge (1987), Pale Rider (1985), Sudden Impact (1983), Honkytonk Man (1982) และ Firefox (1982)
หนังที่อีสต์วู้ดได้แสดงในขณะที่เป็นผู้กำกับฯด้วย ได้แก่ Blood Work (2002), A Perfect World (1983), The Rookie (1990), Bronco Billy (1980), The Gauntlet (1977), The Outlaw Josey Wales (1976), The Eiger Sanction (1975), High Plains Drifter (1973), และ Play Misty For Me (1971)
ในระยะเริ่มแรกของอาชีพ อีสต์วู้ดได้แสดงในฐานะนักแสดงชั่วคราวของ Universal Pictures ได้แก่เรื่อง Lafayette Escadrille (1957), Ambush at Cimarron Pass (1957), Escapade in Japan (1957), Star in the Dust (1956), The First Traveling Saleslady (1956), Away All Boats (1956), Never Say Goodbye (1956), Tarantula (1955), Lady Godiva (1955), Francis in the Navy (1955) และ Revenge of the Creature (1955)
อีสต์วู้ดมีผลงานครั้งแรกในซีรี่ส์ TV เรื่อง Rawhide (1958) ซึ่งเขารับบทเป็น Rowdy Yates คนตีตราวัว เป็นเวลาถึง 6 ปี ในระหว่างนั้นเขาได้เป็นแขกรับเชิญในรายการโชว์โทรทัศน์อย่าง West Point (1957), Highway Patrol (1958), Maverick (1959) และ Mister Ed (1962) และที่น่าสนใจยิ่งก็คือ อีสต์วู้ดมิได้กลับมาทำงานโทรทัศน์อีกจนกระทั่งปี 1985 เมื่อเขาได้กำกับการแสดงให้กับสตีเวน สปีลเบิร์ก ใน Amazing Stories ซีรี่ส์ ตอน Vanessa in the Garden
ความสัมพันธ์ของอีสต์วู้ดกับเพลงแจ๊สนั้น ได้รับการเรียบเรียงไว้เป็นอย่างดี หากว่าเขามิได้ประสบความสำเร็จในการแสดง กำกับฯ หรืออำนวยการสร้างแล้ว เขาคงเลือกที่จะเป็นนักดนตรี เขาเติบโตและใช้ชีวิตวัยหนุ่มในโอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย และเคยเล่นเปียโนในคลับเล็ก ๆ ที่นั่น ช่วงเวลาที่นับว่าเป็นแรงบันดาลใจที่สุดของเขา เห็นจะเป็นในสมัยทีเขา่ได้ชมการแสดงดนตรีแจ๊สสดของนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่อย่างชาร์ลี พาร์กเกอร์ ดังนั้นในหนังเรื่อง Bird จึงมีเพลงรีมิกซ์ออริจินัลของพาร์กเกอร์ ซึ่งบรรเลงโดยวงออเคสตร้า โดยนักแต่งเพลง เลนนี่ ไนเฮาส์ รวมทั้งนิตยสารที่เป็นสมบัติส่วนตัวของอีสต์วู้ดอย่าง Downbeat อีกหลายฉบับ
Play Misty for Me เป็นผลงานกำกับการแสดงเรื่องแรกของเขา และถูกคัดสรรให้ใช้เพลงเดินเรื่องโรแมนติคอย่าง First Time Ever I Saw Your Face ซึ่งคัดเลือกโดยอีสต์วู้ดและขับร้องโดย โรเบิร์ตต้า แฟล็ค ตั้งแต่ยังไม่มีใครรู้จัก เช่นเดียวกับ Misty ซึ่งเป็นเพลงหลักของเรื่องที่ได้รับการเรียบเรียงโดยมือหนึ่งของเพลงแจ๊ส Erroll Garner และสิ่งที่ควรจดจำก็คือ ในภาพยนตร์คลาสสิคเรื่อง Dirty Harry ทั้ง 5 เรื่องนั้น ใช้ซาวนด์แทร็คแจ๊สเมืองใหญ่ทั้งสิ้น เลโล ชิฟริน ได้ประพันธ์เพลง Dirty Harry, Magnum Force, Sudden Impact and The Gauntlet รวมทั้ง Escape from Alcatraz
อีสต์วู้ดเป็นนักกอล์ฟขาประจำ เขามีบ้านอยู่ที่คาร์เมล แคลิฟอร์เนีย และได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีระหว่างปี 1986 ถึง 1988 และเขายังเป็นเจ้าของกิจการ Mission Ranch Inn และ Tehama Golf Club ซึ่งมีทิวทัศน์แสนงดงาม เขายังเป็น Pebble Beach Golf Course ที่โด่งดังและได้รับตำแหน่ง Commissioner ของ California State Board of Parks and Recreation เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2002
เมื่อแรกเกิดมีชื่อว่า คลินตัน อีสต์วู้ด จูเนียร์ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ปี 1930 ที่ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย และมาโตที่โอ๊คแลนด์ แคลิฟอร์เนีย หลังจากย้ายตามพ่อไปหลายต่อหลายเมือง เพื่อหางานทำในระหว่างช่วง Great Depression ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถลบล้างออกจากใจเขาได้ และอย่างที่เขายอมรับว่า เป็นรากฐานที่มีคุณค่าต่อระบบและจริยธรรมในการทำงานของเขา
คลินท์ อีสต์วู้ด น่าจะเป็นคนสร้างหนังที่มีรอบคอบที่สุดเท่าที่เคยมี ในการทำงานหลังกล้อง เขาไม่ยอมใช้เวลาหรือเงินอย่างทิ้งขว้าง เขาสร้างหนัง รักขั้นตอนการทำงาน ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ละวันและแต่ละดอลลาร์เป็นของเขา เมื่อไม่ได้อยู่ระหว่างการทำงาน เขาจะใช้ชีวิตอยู่บ้านเงียบ ๆ กับภรรยา ไดน่า รูอิซ อีสต์วู้ด (แต่งงานเมื่อ 31 มีนาคม 1996) และลูกสาวมอร์แกน (เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 1996) ในคาร์เมล