ในปี 2003 เจมส์ ฮอร์เนอร์ สร้างผลงานอันโดดเด่นไว้ในภาพยนตร์ถึง 4 เรื่องด้วยกัน นอกเหนือไปจากผลงานในหนังและโทรทัศน์กว่า 130 เรื่อง เขาได้ร่วมงานเป็นครั้งที่เจ็ดกับผู้กำกับฯ รอน โฮเวิร์ด ในหนังดราม่าตะวันตกเรื่อง The Missing ในขณะเดียวกับที่เริ่มต้นเป็นคู่หูในการทำงานครีเอทีฟ กับวาดิม พาเรลแมน ผู้ลำดับภาพเป็นเรื่องแรก ในหนังดราม่าระทึกขวัญเรื่อง House of Sand and Fog (ซึ่งทำให้ฮอร์เนอร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองเป็นครั้งที่เก้า) เขายังได้แต่งเพลง Radio ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และการผจญภัยโรแมนติด Beyond Borders
ในแวดของผู้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์นั้น น้อยคนที่จะมีเรื่องราวแห่งความสำเร็จที่รุ่งโรจน์ได้เท่ากับเจมส์ ฮอร์เนอร์ เขาได้แต่งเพลงให้กับภาพยนตร์ที่ประทับใจและประสบความสำเร็จสูงสุดหลายสิบเรื่องในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ฮอร์เนอร์เป็นผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกคนหนึ่ง เขาเคยได้รับรางวัลตุ๊กตาทองสองรางวัล และรางวัลลูกโลกทองคำสองรางวัล จากผลงานในภาพยนตร์ของเจมส์ คาเมรอน เรื่อง Titanic (สาขา Best Original Score หนึ่งรางวัลและ Best Original Song หนึ่งรางวัล จาก My Heart Will Go On) นอกจากนั้นยังได้เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองเจ็ดรางวัล และ รางวัลลูกโลกทองคำห้ารางวัล และได้รับรางวัลแกรมมี่หกรางวัล รวมทั้งรางวัล Song of the Year ทั้งในปี 1987 (จากเพลง Somewhere Out There) และปี 1998 (จากเพลง My Heart Will Go On) ในเดือนเมษายนปี1998 อัลบั้มซาวน์ดแทร็ค Titanic โดย Sony Classical ของเขาได้สร้างความสำเร็จอย่างไม่เคยมีมาก่อนกับการติดอันดับ 1 ของ Billboard Top 200 Album Chart เป็นเวลา 16 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งกลายเป็นสถิติใหม่ในการครองอันดับ 1 ติดต่อกันนานหลายสัปดาห์ของอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ และยังคงเป็นอัลบั้มเพลงประกอบที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งมียอดขายเกือบ 10 ล้านแผ่นในสหรัฐฯ และมากกว่า 27 ล้านแผ่นทั่วโลก ผลงานติดอันดับแพลตินัมของ Sony Classical ที่ออกตามมา Back to Titanic ได้รวมผลงานเพลงเพิ่มเติมจากภาพยนตร์ รวมทั้งงานประพันธ์ใหม่ของฮอร์เนอร์อีกหลายเพลง ซึ่งอิงจากทำนองของเพลงเดิมๆ ของเขา
เกิดในลอสแอนเจลิส เมื่อปี 1953 ฮอร์เนอร์ใช้ชีวิตช่วงแรกอาศัยอยู่ในลอนดอน ซึ่งเขาได้เข้าศึกษาที่สถาบัน Royal Academy of Music อันทรงเกียรติ ความสนใจในเบื้องต้นของเขาคือเป็นนักแต่งเพลงคลาสสิคชั้นแนวหน้าอย่างจริงจัง เมื่อได้กลับมายังบ้านเกิดของเขาในแคลิฟอร์เนีย ฮอร์เนอร์ได้ศึกษาต่อด้านการดนตรีที่ University of Southern California ที่ซึ่งเขาได้รับปริญญา Bachelor of Music in Composition จากนั้นได้โอนไปศึกษาต่อโปรแกรมปริญญาโทที่ UCLA และต่อมาได้รับปริญญา Doctorate in Music Composition and Theory ในปี 1980 ฮอร์เนอร์ได้รับการทาบทามโดย American Film Institute และถูกขอให้แต่งเพลงให้กับหนังสั้นเรื่อง The Drought ในตอนนั้นเองที่เขาได้ค้นพบกับความปรารถนาของตนเองในหารแต่งเพลงให้กับภาพยนตร์
หลังจากที่ได้แต่งเพลงให้กับภาพยนตร์จำนวนหลายเรื่องของ AFI ฮอร์เนอร์ก็อำลาจากโลกแห่งการศึกษา และเริ่มต้นทำงานกับ โรเจอร์ คอร์แมนที่ New World Pictures จากบรรดาภาพยนตร์สยองขวัญต้นทุนต่ำเหล่านั้นเองที่เขาได้พัฒนาผีมือของตนเอง (Brainstorm, Battle Beyond the Stars) และมันยังเป็นที่ๆ ทำให้เขาได้รู้จักกับบรรดาผู้กำกับฯ รุ่นใหม่หลายคน รวมทั้ง รอน โฮเวิร์ด ซึ่งภายหลังเขาได้แต่งเพลงให้ในภาพยนตร์เรื่อง Willow, Cocoon, และเรื่องฮิต Apollo 13 และระหว่างการทำงานของเขาที่ New World ฮอร์เนอร์ยังได้พบกับตากล้องหนุ่มที่ชื่อ เจมส์ คาเมรอน ผู้ซึ่งต่อมาเขาได้ร่วมงานในหนังฮิตหลายภาคเรื่อง Aliens และแน่นอนที่สุด Titanic และในปีต่อๆ มา ฮอร์เนอร์ก็ได้ร่วมงานกับผู้สร้างที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จของฮอลลีวู้ดอีกมากมายหลายคน รวมไปถึง เอ็ด ซวิค, โจ จอห์นสตัน, ฟิล อัลเดน โรบินสัน, สตีเวน สปีลเบิร์ก, วิลเลียม ฟรีดกิน, เมล กิ๊บสัน, โอลิเวอร์ สโตน, ฟิลลิป นอยซ์, ไมเคิล แอ็พเท็ด, แลสซี ฮอลสตอร์ม, นอร์แมน จิววิสัน และฟรานซิส ฟอร์ด คอพโพล่า
ฮอร์เนอร์ชำนาญทั้งการแต่งเพลงด้วยการใช้วงออเคสตร้า และเทคนิคเครื่องดนตรีไฟฟ้าสมัยใหม่ ฮอร์เนอร์ได้ผสมผสานมุมมองการแต่งเพลงของเขาเหมือนกับเป็นจิตรกร โดยมีภาพยนตร์เป็นผืนผ้าใบ โดยใช้สีสันของดนตรีเพื่อบรรยายและสนับสนุนพลังแห่งอารมณ์ของภาพยนตร์ เขายังเป็นที่รู้จักในการบูรณาการเครื่องดนตรีประจำชาติเข้ากับสีสันของดนตรีออเคสตร้า เพื่อให้ได้มาซึ่งความโดดเด่นของสีและเนื้อหา เขาเป็นผู้กำกับวงที่มีชื่อเสียง ซึ่งชอบที่จะกำกับเพลงประกอบของเขาด้วยตนเองโดยตรงลงในภาพยนตร์ โดยไม่ใช้แทร็คประกอบหรืออุปกรณ์การจับเวลาอื่นๆ เขายังได้ประพันธ์เพลงคอนเสิร์ตอีกมากมาย รวมทั้งงานในชื่อ Spectral Shimmers ซึ่งได้รับการบรรเลงโดย Indianapolis Symphony Orchestra งานคอนเสิร์ตล่าสุดของฮอร์เนอร์ ได้แก่ A Forest Passage ซึ่งบรรเลงโดย Cleveland Orchestra ในการฉลองครบรอบ 25 ปีของ Cuyahoga Valley National Recreational Area ในโอไฮโอ
เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2015 ด้วยวัย 61 ปี