ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เป็นนักแสดงชายที่ได้รับรางวัล และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง 3 ครั้ง เมื่อเร็วๆนี้เขาเพิ่งได้รับการเสนอเข้าชิงรางัลลูกโลกทองคำ ปี 2009 ด้าน Best Actor สำหรับการรับบทเป็น แฟรงค์ เวลเลอร์ในเรื่อง Revolutionary Road นอกเหนือจากนั้นดิคาปริโอได้ก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ของเขาเอง Appian Way ภายใต้ชื่อ Appian Way เขาเขียนบท, อำนวยการสร้าง และ บรรยายสารคดีสิ่งแวดล้อมชื่อก้องเรื่อง The 11th Hour ดิคาปริโอยังอำนวยการสร้างเรื่อง Gardener of Eden, Public Enemies และ อำนวยการบริหารเรื่อง The Aviator และเรื่อง The Assassination of Richard Nixon
เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ ® ในปี 2007 สำหรับการแสดงของเขาในดราม่าของเอ็ดเวิร์ด ซวิคเรื่อง Blood Diamond ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัล Critics Choice และชิงรางวัล Screen Actors Guild (SAG) Award® สำหรับการทำงานของเขาในเรื่องนี้ ในปีเดียวกันนั้น ดิคาปริโอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัล BAFTA Award, รางวัล Critics Choice Award และ รางวัล SAG Award® จากการที่เขารับบทในภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ด้าน Best Picture เรื่อง The Departed ซึ่ง marked การร่วมงานครั้งที่ 3 ของเขากับ มาร์ติน สกอร์เซส เขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล SAG Award® สาขา Outstanding Cast Performance with his castmates จากเรื่อง The Departed
ก่อนหน้านี้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองจากการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องดังที่ได้รับคำชื่นชมในปี 2004 ของสกอร์เซสซี เรื่อง The Aviator ภาพของดิคาปริโอที่เป็นโฮเวิร์ด ฮิวจ์ในเรื่องนั้นยังทำให้เขาได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง ด้าน Best Actor สาขาดราม่า รวมทั้งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางัล Critics Choice Award และรางวัล BAFTA Award นอกจากนั้นเขาได้รับเกียรติเสนอชื่อเข้าชิง 2 รางวัล SAG Award® 1 รางวัลสำหรับ Best Actor และอีก 1 รางวัลด้าน Outstanding Cast Performance ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของนักแสดงเรื่อง The Aviator
ปีที่แล้วดิคาปริโอแสดงในภาพยนตร์ของ ริดเลย์ สก๊อตต์ เรื่อง Body of Lies และที่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับ เคต วินสเลต แสดงในภาพยนตร์ของ แซม เมนเดส เรื่อง Revolutionary Road
ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เกิดในฮอลลิวู้ด, แคลิฟอร์เนีย ดิคาปริโอเริ่มแสดงตอนอายุ 14 ผลงานสร้างชื่อเรื่องแรกของเขาคือเมื่อผู้กำกับการแสดง ไมเคิล คาตัน-โจนส์ คัดเลือกเขาในปี 1993 ให้รับบทโทเบียส วูล์ฟ ในดราม่าที่ดัดแปลงจากอัตชีวประวัติ ของวูลฟ์ เรื่อง This Boys Life ซึ่งดิคาปริโอแสดงคู่กับ โรเบิร์ต นี นีโร และ อัลเลน บาร์กิน ในปีเดียวกันนั้นดิคาปริโอแสดงคู่กับ จอห์นนี่ เดพพ์ ใน ภาพยนตร์ของ ลาซเซ ฮอลสตรอม เรื่อง Whats Eating Gilbert Grape ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งแรกจากการแสดงของเขาที่รับบทเป็น ชายหนุ่มที่พิการจิตผิดปกติ นอกเหนือจากนั้นเขาได้รับรางวัล National Board of Review Award ด้าน Best Supporting Actor และรางวัล Los Angeles Film Critics Associations New Generation Award สำหรับการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนั้น
ในปี 1995 ดิคาปริโอได้รับบทในภาพยนตร์ที่แตกต่างกันมาก 3 เรื่อง เริ่มด้วย ภาพยนตร์ตะวันตกของ แซม เรมี เรื่อง The Quick and the Dead แสดงกับ ชารอน สโตน, ยีน แฮคแมน และ รัสเซล โคล เขายังได้รับยกย่องสำหรับการแสดงของเขาที่เป็น จิม คาร์โรล คนติดยา ในดราม่าสะเทือนอารมณ์เรื่อง The Basketball Diaries และการรับบทเป็น อาร์เธอร์ ริม Rimbaud disturbed pansexual poet ในภาพยนตร์ของ Agnieszka ฮอลแลนด์ เรื่อง Total Eclipse ในปีต่อมาดิคาปริโอแสดงในภาพยนตร์ดัดแปลงร่วมสมัยของแบซ เลอห์แมน เรื่อง William Shakespeares Romeo + Juliet ซึ่งเขาได้รับรางวัล Best Actor Award ที่ Berlin International Film Festival นอกเหนือจากนั้นเขาได้ร่วมเป็นหนึ่งในทีมดาราในเรื่อง Marvins Room ได้ร่วมชื่อเสนอเข้าชิงรางวัล SAG Award® ด้าน Outstanding Cast Performance กับเพื่อดาราของเขา ได้แก่ เมอร์ริล สตีฟ, ไดแอน คีนตัน และ โรเบิร์ต เดอร์ นีโร
ในปี 1997 ดิคาปริโอได้แสดงในภาพยนตร์ที่โด่งดัง เรื่อง Titanic ซึ่งเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ลูกโลกทองคำ ภาพยนตร์ทำลายสถิติทุกๆบ็อกซ์ออฟฟิคจนนำไปสู่การได้รับรางวัลออสการ์ 11 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best Picture และ ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้สูงสุดตลอดกาล งานภาพยนตร์ต่อๆมาของเขาได้แก่ สองบทบาทในเรื่อง The Man in the Iron Mask, The Beach ภาพยนตร์ของ วู้ดดี้ อัลเลนเรื่อง Celebrity ภาพยนตร์ของ สตีเว่น สบิลเบิร์ก เรื่อง Catch Me If You Can ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ และเรื่อง Gangs of New York ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขากับผู้กำกับฯ มาร์ติน สกอร์เซสซี
นอกเหนือจากอาชีพการแสดงของเขา ดิคาปริโอมีชื่อเสียงจากการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือรักษาสิ่งแวดล้อมโลก และก่อตั้ง Leonardo Dicaprio Foundation ในปี 1998 และต่อมา LeonardoDicaprio.org ดิคาปริโอได้ร่วมงานกับองค์กรอื่นๆ เพื่อสร้างสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม มูลนิธิเน้นย้ำในประเด็นเรื่องภาวะโลกร้อน พลังงานทางเลือกและพลังงานยั่งยืนและการรักษาไว้ซึ่งชีวภาพการขยายของโลก เขายังเป็นคณะกรรมการของ NRDC และ Global Green USA ในปี 2007 เขาเขียนบท อำนวยการสร้าง และ พากย์ ในภาพยนตร์สารคดีเรื่องดัง The 11th Hour
เมื่อต้นปี 2008 the DicaprioFoundation ได้ร่วมกับ California Community Foundation และปัจจุบันรู้จักในนาม The Leonardo Dicaprio Fund at CCF กองทุนจะยังคงดูแลสิ่งแวดล้อมที่ที่ทำให้เกิดความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง