เจมส์ ฟรังโก้ จากการสวมบทบาทเป็นตำนานแห่งจอเงินอย่าง เจมส์ ดีน ในภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์โดยผู้กำกับฯ มาร์ก ไรเดิลล์ เรื่อง James Dean เจมส์ ฟรังโก้ ได้รับคำวิจารณ์ในด้านบวกไปอย่างล้นหลาม ก่อนจะคว้าลูกโลกทองคำ และ Critics Choice Awards มาครอง รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี และรางวัลของสมาคมนักแสดงภาพยนตร์จากการแสดงครั้งนี้ด้วย
ฟรังโก้เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลกจากบทบาท แฮร์รี ออสบอร์น ในภาพยนตร์ไตรภาคบล็อกบัสเตอร์ของผู้กำกับฯ แซม ไรมี เรื่อง Spider-Man โดยประชันบทบาทกับ โทบีย์ แมไกวร์, เคิร์สเตน ดันสต์ และ วิลเลม ดาโฟ
นอกจากนี้ยังมีผลงานในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ อาทิ Pineapple Express โดย ผกก. เดวิด กอร์ดอน กรีน ประชันบทบาทกับ เซธ โรเจน, In the Valley of Elah กำกับโดย พอล แฮกกิส, An American Crime กำกับโดย ทอมมี โอฮาเวอร์, The Dead Girl กำกับโดย คาเรน มอนครีฟฟ์, Flyboys กำกับโดย โทนี บิลล์, Annapolis กำกับโดย จัสติน ลิน, Tristan + Isolde กำกับโดย เควิน เรย์โนลด์ส, The Company กำกับโดย โรเบิร์ต อัลต์แมน, The Great Raid กำกับโดย จอห์น ดาห์ล, Sonny กำกับโดย นิโคลัส เคจ, Deuces Wild กำกับโดย สกอตต์ คัลเวิร์ต, City by the Sea กำกับโดย ไมเคิล เคตัน-โจนส์ และล่าสุดใน Nights in Rodanthe กำกับโดย จอร์จ ซี วูล์ฟ ประชันบทบาทกับ ริชาร์ด เกียร์
ในส่วนของผลงานทางจอแก้วนั้น ฟรังโก้ยังแสดงในซีรี่ส์ขวัญใจนักวิจารณ์ซึ่งขนะรางวัลเอ็มมี เรื่อง Freaks and Geeks ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเขียนบท, กำกับ และแสดงในละครเวทีสั้น ๆ อีกหลายเรื่อง รวมทั้งมีผลงานร่วมดัดแปลงบทภาพยนตร์กับ เมอร์ริเวเธอร์ วิลเลียมส์ อีก 2 เรื่อง คือ Fools Gold และ The Ape อันเป็นหนังอินดี้ที่เขาทั้งกำกับและแสดงเองอีกด้วย ในขณะที่ล่าสุดก็กำกับและแสดงเองอีกครั้งใน Good Time Max จากบทภาพยนตร์ร่วมสร้างสรรค์ของเขากับวิลเลียมส์อีกเช่นกัน