ยาซซิน เบย์ หรือ ดันเต้ เทอร์เรลล์ สมิธ หรือ มอส เดฟ เป็นศิลปินเพลงแนวฮิพ-ฮอพชื่อดังที่มีแนวคิดลึกล้ำและเข้าใจโลกอย่างปรุโปร่งโดยสะท้อนในผลงานและการเป็นศิลปินที่มีแนวทางชัดเจน เขาเป็นศิลปินเลือดใหม่ในช่วงยุคทองของดนตรีแนวฮิพ-ฮอพที่เติบโตในย่าน Brooklynite และสั่งสมประสบการณ์ตั้งแต่วัยเยาว์ที่อัดแน่นด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่น และความรู้หลากหลายจากศิลปะหลายรูปแบบด้วย
อัลบั้ม Universal Magnetic ที่วางแผงในปี 1996 ส่งให้ เดฟ กลายเป็นศิลปินเพลงแนวฮิพ-ฮอพใต้ดินที่ผู้ฟังชื่นชอบอย่างกว้างขวาง และทำให้ได้ร่วมงานกับทาลิบ ควีลี่ศิลปินแถวหน้าก่อตั้ง Black Star และวางแผงอัลบั้ม Mos Def and Talib Kweli Are
Black Star ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในอัลบั้มเพลงแนวฮิพ-ฮอพที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง ต่อมาในปี 1999 มอสก็ออกอัลบั้มเดี่ยว Black On Both Sides ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนคว้าแผ่นทองคำ และได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ทั้งหลายว่า เป็นผลงานที่ดึงกระแสเพลงแนวฮิพ-ฮอพให้หวนกลับคืนสู่รากเหง้าอีกครั้ง
ผลงานดนตรีของมอส เดฟสะท้อนแนวคิดและความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์อัลบั้มดี ๆ แล้ว ผลงานการแสดงของเขาไม่แตกต่างกันซึ่งจะเห็นได้จากบทที่เขาแสดงใน Bamboozled ของสไปค์ ลี, Carmen: A Hip Hopera ของ MTV, Monsters Ball แดนรักนักโทษประหาร เมื่อปี 2002 ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เชิงบวกอย่างกว้างขวาง, Showtime, และ Brown Sugar ผลงานแนวรักปนตลกที่ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล NAACP Image Award นอกจากนั้นก็ยังเป็นพิธีกร, ผู้ดูแลงานดนตรีประกอบ, และผู้ร่วมอำนวยการผลิต Def Poetry ซีรี่ย์ทาง HBO ซึ่งกลับมาออกอากาศซีซั่นที่ 5 เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2005 เขายังเขียนบท, อำนวยการผลิต, และร่วมแสดงใน Lyricist Lounge ซีรี่ย์เฮฮาทาง MTV เขาร่วมแสดงละครเวที Broadway เรื่องแรกเมื่อปี 2002 ใน Topdog/Underdog ผลงานเจ้าของรางวัล Pulitzer Prize ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony ด้วย แล้วยังกลับมาร่วมงานกับซูซาน ลอรี่ พาร์ค ผู้เขียนบทละครเวทีเรื่อง Topdog อีกในละครเวที off-Broadway เรื่อง Fucking A ที่กำกับโดยจอร์จ โวล์ฟ ซึ่งเขาคว้ารางวัล Obie Award มาครองด้วย
ในปี 2003 มอส เดฟ ร่วมแสดงใน The Italian Job ปล้นซ้อนปล้น พลิกถนนล่า ของ Paramount Pictures ที่นำแสดงโดยเอ็ด นอร์ตั้น, มาร์ค วอห์ลเบิร์ก, และชาร์ลิซ เธอรอน ต่อมาในปี 2004 เขานำแสดงประกบอลัน ริคแมน ใน Something the Lord Made ของ HBO ที่ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่สาขา Outstanding Lead Actor In A Miniseries Or A Movie ด้วย และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขา Best Performance by an Actor in a Mini-Series or Motion Picture และรางวัล NAACP Award กับรางวัล Golden Satellite Award สาขา Best Actor in a Miniseries or a Motion Picture Made for Television จากบทเดียวกันนี้ ปีเดียวกันนี้เขาก็ร่วมแสดงใน The Woodsman กับเควิน เบค่อน, เบนจามิน แบร็ท, อีฟ , และไคร่า เซ็ดจ์วิคที่ The New York Times ยกย่องฝีไม้ลายมือของเขาว่า ผมหวังว่าเราคงไม่ต้องรอกันนานกว่าจะได้เป็นเขารับบทนำแสดงเสียที ในขณะที่ USA Today ยกย่องเขาว่าเป็น บทบาทการแสดงที่ดีที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้
แม้จะเป็นปีที่แสนยุ่งวุ่นวาย มอส เดฟก็ยังวางแผงอัลบั้มเดี่ยวชุดที่สองของเขา The New Danger เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2004 ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงอย่างท่วมท้น และได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์อย่างกว้างขวาง อาทิ Rolling Stone ให้ 4 ดาวและยังยกย่องว่าเป็นอัลบั้ม ร็อคเพื่อชีวิตและฮิพ-ฮอพมีสติจากศิลปินที่มีความสามารถล้นเหลืออย่างไม่น่าเชื่อ ส่วน New York Daily News ก็ชื่นชมว่า จะหาใครมาเปลี่ยนแนวคิดของพวกเราที่มีต่อฮิพ-ฮอพได้ดีไปกว่าผลงานของเขาอีกแล้ว โดยซิงเกิ้ลแรก Sex, Love and Money ยังได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่สาขา Best Alternative/Urban Performance เมื่อปี 2005 ด้วย
มอส เดฟยังเป็นที่ชื่นชมอย่างกว้างขวางจากบทฟอร์ด พรีเฟ็คใน The Hitchhiker's Guide to the Galaxy รวมพลเพี้ยนเขย่าต่อมจักรวาล ที่ดัดแปลงจากนิยายแนววิทยาศาสตร์สุดคลาสสิคของดักลาส อดัม และเปิดตัวขึ้นอันดับ 1 ในเดือนเมษายนปี 2005 ด้วย ซึ่งเขาเพิ่งเสร็จสิ้นจากการตระเวนแสดงคอนเสิร์ต Breed Love Odyssey Tour ซึ่งเป็นการแสดงทั่วประเทศครั้งแรกในรอบ 4 ปีโดยทาลิบ ควีลี่ร่วมไปด้วย
มอส เดฟ ยังรับบทเอ็ดดี้ บังเกอร์ ประกบกับบรู้ซ วิลลิสใน 16 Blocks คนอึดทะลุเมือง ที่กำกับโดยริชาร์ด ดอนเนอร์ออกฉายเมื่อเดือนมีนาคม 2006 และยังร่วมแสดงใน Block Party ของ Focus Features ที่กำกับโดยเดฟ แชพเพลในปี 2006 และเขาร่วมแสดง Journey to the End of the Night ที่ร่วมแสดงกับเบรนแดน เฟรเซอร์
มอส เดฟยังทำงานหลากหลาย ทั้งแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่, เขียนหนังสือ, และโครงการผลิตรายการโทรทัศน์ นอกเหนือจากอัลบั้ม true magic ที่วางแผงในปี 2007 ผ่านต้นสังกัด Goodtree Media/Geffen Records เขายังร่วมแสดงประกบกับแจ๊ค แบล็คใน Be Kind Rewind ที่กำกับโดยมิเชล กอนดรี้ เขาพิมพ์หนังสือ Black, 2.0 by Mos Def ที่จะถ่ายทอดวัฒนธรรมคนผิวดำตลอด 35 ปีผ่านภาพและการออกแบบแปลกใหม่ว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ, หลักฐานหลายอย่าง, และปูชนียบุคคลหลาย ๆ ท่าน ซึ่งจะวางแผงช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2008 โดยสำนักพิมพ์ The Doubleday Publishing Group ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Random House, Inc เขายังกลับไปเป็นพิธีกร Def Poetry ซีซั่นที่หกทาง HBO ตอนใหม่ของซีรี่ย์ที่เคยได้รับรางวัล และเริ่มแพร่ภาพปลายปี 2007