แอนเจลีนา โจลี มีชื่อเดิมว่า แอนเจลีนา โจลี วอยต์ เธอเป็นนักแสดงชาวอเมริกัน ได้รับรางวัลออสการ์ รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ 2 รางวัล และรางวัลลูกโลกทองคำ 3 รางวัล โจลีเป็นผู้สนับสนุนทางมนุษยธรรม และเป็นที่รู้จักกันดีในการทำงานเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยในฐานะทูตสันถวไมตรีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เธอได้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีเสน่ห์ดึงดูดที่สุดในโลก เช่นเดียวกับสตรีที่ "สวยที่สุด" ในโลก ซึ่งที่ฉายาที่เธอได้รับความสนใจจากสื่ออย่างต่อเนื่อง
โจลีปรากฏต่อต่อสาธารณะครั้งแรกตั้งแต่เด็กพร้อมกับบิดา จอน วอยต์ ในภาพยนตร์ Lookin' to Get Out ในปี พ.ศ. 2525 แต่เธอเริ่มประกอบอาชีพทางการแสดงอย่างจริงจังอีกทศวรรษให้หลังในภาพยนตร์ทุนสร้างต่ำ Cyborg 2 (พ.ศ. 2536) เธอได้รับบทบาทนักแสดงนำครั้งแรกในภาพยนตร์ Hacker (พ.ศ. 2538) เธอยังได้แสดงในภาพยนตร์อัตชีวประวัติซึ่งได้รับการตอบรับอย่างสูง George Wallace (พ.ศ. 2540) และ Gia (พ.ศ. 2541) และได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากการแสดงใน Girl, Interrupted (พ.ศ. 2542) โจลีได้รับชื่อเสียงอย่างกว้างขวางมากขึ้นหลังจากการแสดงเป็นตัวละครหญิง ลอรา ครอฟต์ ใน Lara Croft: Tomb Raider ซึ่งได้ทำให้เธอเป็นนักแสดงหญิงที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดและได้รับค่าตัวสูงที่สุดในฮอลลีวูด เธอประสบความสำเร็จทางพาณิชย์ครั้งใหญ่ที่สุดในภาพยนตร์ Mr. & Mrs. Smith (พ.ศ. 2548) และ Kung Fu Panda (พ.ศ. 2551)
แอนเจลีนา โจลีเกิดที่ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สูง 5 ฟุต 7 นิ้ว เรียนมัธยมที่ Beverly Hills High School จากนั้นไป Lee Strasberg Theater Institute และมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เป็นนักศึกษาภาคค่ำสาขาภาพยนตร์ เป็นลูกสาวของพ่อแม่ดาราใหญ่ จอน วอยต์ กับ มาร์เชลีน เบอร์ทรานด์ ซึ่งหย่ากันตั้งแต่เธอแบเบาะ ครอบครัวแตกแยกผลักดันให้โจลีมีปัญหา วัยเด็กเธอมีแต่พี่ชาย เจมส์ เฮเวน วอยต์ สายสัมพันธ์พี่น้องสนิทแนบแน่น ปัจจุบันเขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์
ชื่อ แอนเจลีนา โจลี เปลี่ยนถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องกินใจกับพ่อทำให้เธอตัดนามสกุล วอยต์ ทิ้งไป ผลงานเรื่องแรกตอนอายุ 13 ปี เป็นหนังวิดีโอเรื่อง Cyborg 2 (2536) ต่อด้วยหนังโรง Hackers แสดงกับจอนนี่ ลี มิลเลอร์ ที่ต่อมาแต่งงานกันแต่เพียง 2 ปีก็หย่าขาด แต่งใหม่กับบิลลี่ บ็อบ ธอร์นตัน ทั้งคู่เจอกันในกองถ่าย Pushing Tin (2542) แต่ชีวิตวิวาห์หวานอยู่ได้ไม่นาน ต่อมาได้มีข่าวคราวกับนิโคลัส เคจ ที่เคยประกบคู่ใน Gone in 60 Seconds (2543) รางวัลการแสดงกวาดมามากมาย ลูกโลกทองคำสาขานักแสดงสมทบหญิงประเภทซีรีส์จาก George Wallace(TV1997) National Board of Review สาขานักแสดงหน้าใหม่จาก Playing by Heart (2540) และรางวัล Golden Satellite สาขานักแสดงนำหญิงประเภทซีรีส์จาก Gia (TV1998) ซึ่งคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ กับรางวัล Screen Actors Guild ด้วย แล้วครองลูกโลกทองคำอีกครั้งจาก Girl, Interrupted (2542) และยังได้รับรางวัลจากเวทีประกวดรางวัลออสการ์
เธอก็เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี จาก George Wallace ของจอห์น แฟรงเคนไฮเมอร์ ที่นำแสดงโดย แกรี่ ซินิส ซึ่งผลงานมหากาพย์ย้อนยุคว่าด้วยนายกเทศมนตรีของ อลาบาม่า สุดอื้อฉาวส่งให้เธอคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งแรกมาครอง และบทคอร์นีเลีย ภรรยาคนที่สองของท่านนายกเทศมนตรีวอลเลซนี่แหละที่ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Cable Ace ด้วย
โจลี ก็รับบทตำรวจหญิงมือใหม่ที่ต้องร่วมแก้คดีฆาตกรต่อเนื่องร่วมกับนักสืบสุดเก๋า เดนเซล วอชิงตัน ใน The Bone Collector หรือ พลิกซาก...ผ่าคดีนรก ผลงานลุ้นสุดระทึกที่กำกับโดยฟิลิป น้อยซ์ เธอยังร่วมแสดงใน Pushing Tin ของไมค์ นิวเวล ที่นำแสดงโดย บิลลี่ บ๊อบ ธอร์นตั้น และจอห์น คูแซ็ค โจลียังได้รับรางวัล National Board of Review's award สาขา Breakthrough Performance จากบทบาทใน Playing By Heart ผลงานดราม่าที่อาศัยตัวละครเดินเรื่องกำกับโดยวิลลาร์ด แคร์รอล ที่นำแสดงโดยฌอน คอนเนอรี่, จีน่า โรว์แลนด์, และเอลเลน เบอร์สตีน
ส่วนเมื่อปี 2001 เธอก็ร่วมงานกับไซม่อน เวสต์ ใน Tomb Raider หรือ ลอร่า ครอฟท์ ทูม เรเดอร์, และประกบกับแอนโทนิโอ แบนเดอราส ใน Original Sin หรือ รักเจ็บลึก ที่กำกับโดยไมเคิล คริสโตเฟอร์ ผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง Gia ก่อนหน้านั้นในปี 2000 เธอนำแสดงกับนิโคลาส เคจ,โรเบิร์ต ดูวัล ใน Gone in Sixty Seconds หรือ 60 วิ. รหัสโจรกรรม...อันตราย ของเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ บทบาทผู้ป่วยทางจิตของโจลีใน Girl, Interrupted หรือ วัยคะนอง ส่งให้เธอได้รับรางวัลออสการ์, รางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 3, รางวัล Broadcast Film Critics Award, และรางวัล ShoWest and the Screen Actors Guild สาขา Best Supporting Actress Awards ด้วย
โจลีรับบทนำแสดงใน Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life หรือ ลอร่า ครอฟท์ ทูม เรเดอร์ กู้วิกฤตล่ากล่องปริศนา เมื่อปี 2003 และ Beyond Borders หรือ ข้ามเส้นขอบฟ้าตามหารัก ผลงานดราม่าสะเทือนใจในปีเดียวกัน ก่อนหน้านั้นในปี 2002 เธอก็นำแสดงในภาพยนตร์โรแมนติคสุดเฮฮาเรื่อง Life or Something Like It
โจลียังนำแสดงในภาพยนตร์แอ็คชั่น-เฮฮา-สุดโรแมนติคเรื่อง Mr. & Mrs. Smith หรือ นายและนางคู่พิฆาต กับแบรด พิตต์ ที่กำกับโดยดัก ลิมาน เมื่อปี 2005 ก่อนหน้านั้นเธอก็นำแสดงกับโคลิน ฟาร์เรล, วัล คิลเมอร์, และแอนโธนี่ ฮ็อพกิ้น ใน Alexander หรือ อเล็กซานเดอร์ มหาราชชาตินักรบ ผลงานมหากาพย์ของโอลิเวอร์ สโตน, และ Sky Captain and the World of Tomorrow หรือ สกายแคปตันผ่าโลกอนาคต ผลงานแอ็คชั่น-ผจญภัยที่จู้ด ลอว์ กับกวินเน็ธ พัลโทรว์ นำแสดง โจลียังพากย์เสียงใน Shark Tale หรือ ชาร์คเทล เรื่องของปลาจอมวุ่น ชุลมุนป่วนสมุทร แอนิเมชันที่ดาราดัง ๆ มาร่วมกันพากย์ อาทิ วิล สมิธ, โรเบิร์ต เดอนีโร, และแจ๊ค แบล็ค, และนำแสดงใน Taking Lives หรือ เทคกิ้งไลฟ์ สวมรอยฆ่า ผลงานลุ้นสุดระทึกที่นำแสดงประกบอีธาน ฮอว์ค ด้วย
ผลงานในปี 2550 เธอนำแสดงใน The Good Shepherd หรือ ผ่าภารกิจเดือดองค์กรลับ กับแม็ทต์ เดม่อน ที่กำกับโดย โรเบิร์ต เดอ นีโร และเธอมีผลงานเรื่อง A Mighty Heart ที่เธอนำแสดงเป็น แมรีแอนน์ เพิร์ล ภรรยาของ แดเนียล เพิร์ล นักข่าว Wall Street Journal ที่ถูกลักพาตัวและฆาตกรรมในตะวันออกกลางเมื่อปี 2545 หลังจากนั้นเธอมีผลงาน Beowulf ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีผจญภัยของ โรเบิร์ต เซเม็คคิส และล่าสุดเพิ่งมีผลงานที่กำกับโดย คลิน อีสต์วุด ในหนังดรามาเรื่อง "Changeling" ที่เธอรับบท คุณแม่ลูกหนึ่ง ที่ลูกเกิดหายไปจากบ้าน และเธอได้พยายามตามและรอคอยลูกของเธอกลับคืนสู่อ้อมกอดเธออีกครั้ง และคาดว่าในปลายปี 2553 นี้ จะมีผลงานเรื่อง "Salt" ที่เธอนำแสดงเป็นสายลับที่มาลอบสังหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าฉายอีกด้วย
ระหว่างที่เธอไปถ่ายทำหนังเรื่อง Lara Croft's Tomb Raider ใน กัมพูชา เธอได้พบกับธรรมชาติที่สดสวย, วัฒนธรรมที่สวยงามและความยากจนในประเทศนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะเริ่มบทบาทของการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยเธอเริ่มไปเยี่ยมเยียนแคมป์ของผู้อพยพในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และกลายมาเป็นทูตสันติไมตรีของข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations High Commissioner for Refugees (UNHCR) หลังจากนั้นเธอได้นำเอาประสบการณ์เหล่านั้นถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือชื่อ Notes from My Travels หรือ บันทึกของ แอนเจลีนา โจลี ซึ่งรายได้ทั้งหมดนั้นเธอมอบให้กับ UNHCR
เธอเริ่มแผนงานเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติต่อไปด้วยการทำงานสาธารณกุศลอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเอารายได้จากการทำงานในอาชีพนักแสดงไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะประชาชนในโลกที่สาม (เธอได้บริจาคเงินส่วนตัวจำนวน 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ นำไปช่วยเหลือด้านอาหารให้กับผู้อพยพในเวสเทิร์นสะฮารา)
สำหรับชีวิตส่วนตัวในปี 2002 เธอรับเด็กชายชาวกัมพูชาชื่อ แม็ดด็อกซ์ มาเป็นลูกบุญธรรม และในปี 2005 เธอรับอุปการะเด็กหญิงชาวเอธิโอเปียชื่อ สะฮารา และหลังจากที่เธอคบหาและใช้ชีวิตคู่กับ แบรด พิตต์ เธอรับอุปการะเด็กชายเวียดนามวัย 3 ขวบชื่อ แพ๊กซ์ เถียน โจลี ในปี 2006 แอนเจลีนา และ แบรด ก็มีลูกสาวด้วยกัน ชื่อ ไชโลห์ แต่ทั้งคู่ก็ยังมีความคิดที่จะอุปการะเด็กเพิ่มอีก นอกจากนี้ทั้งคู่ยังทำงานเพื่อสังคมและมนุษยชาติอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ล่าสุดเธอได้หย่าขาดกับสามี แบรด พิตต์ แล้ว