ในปี 1969 จอห์น กูลาเกอร์ วัย 12 ขวบนั่งอยู่บนฝากระโปรงหน้ารถคาดิลแล็คของพ่อ ที่กำลังแล่นไปตามถนนนิวยอร์กในยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ พร้อมกับถ่ายทำฟุตเตจซูเปอร์ 8 และคอยระวังยามของสตูดิโอไปด้วย ตั้งแต่จอห์นอายุได้ 5 ขวบ เขาก็ถูกแอบพาตัวเข้าไปในสตูดิโอใต้ผ่าห่มที่พื้นด้านหลังรถของพ่อแม่เขา เขาเริ่มชำนาญการหลบหลีกเจ้าหน้าที่ของสตูดิโอขณะที่พ่อและแม่ของเขาทำงานในจอแก้วและจอเงิน เขามักจะเล่นบนเรือพีที เรือเดินแม่น้ำและ/หรือม็อคอัพเครื่องบินต่างๆ บางครั้งเขาก็ถูกจับได้
จอห์นเป็นลูกชายของคลู กูลาเกอร์ (The Killers, The Last Picture Show, The Virginian, Return of The Living Dead) และมิเรียม เบิร์ด เนเธรี (Barney Miller, Mr. T and Tina, The Sandy Duncan Show, Leatherface: Texas Chainsaw Massacre III) เขาซึมซับศิลปะภาพยนตร์ตั้งแต่เกิดแล้ว
งานแสดงครั้งแรกของจอห์นคือการแสดงในโรงละครมิวสิคัลคอมเมดี้ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาที่ตั้งอยู่ในแม็กกี้ วัลลีย์, นอร์ธ แครอไลนา ที่เขารับบทลิตเติล เจคใน Annie Get Your Gun เขาได้ร่วมเดินทางกับพ่อและแม่ไปตามงานแสดงสินค้า สวนสนุกและโรดิโอ เพื่อแสดงคาราเต้ คนเลว และท้ายที่สุด เขาก็มาแสดงตลกกับพ่อของเขาในการปรากฏตัวอย่างเป็นส่วนตัวทั่วอเมริกา
เมื่ออายุได้เก้าขวบ จอห์นได้แสดงนำในภาพยนตร์ขนาดสั้นโดยยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์เรื่อง A Day with the Boys ภาพยนตร์สั้น 18 นาทีเรื่องนี้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 1970 ในฐานะตัวอย่างการถ่ายทำ ชั้นสูง และได้ถูกรวมในดีวีดี George Washington โดยเดอะ ไครทีเรียน คอลเล็กชั่น ในฐานะแรงบันดาลใจของผู้กำกับเดวิด กอร์ดอน กรีน ผลงานการกำกับและกำกับภาพเรื่องแรกของจอห์นถูกแอบฉายในลานสตูดิโอของยูนิเวอร์แซลในช่วงสุดสัปดาห์และช่วงเย็นของวันธรรมดาในตอนเขาอายุได้ 11 ปี ภาพยนตร์ซูเปอร์ 8 เรื่องนั้นประสบความสำเร็จเมื่อฉายในงานวิทยาศาสตร์โรงเรียนประถมของเขาในค่ำคืนหนึ่ง
เขาขยับไปทดลองถ่ายทำภาพยนตร์ 16 ม.ม.หลังจากที่เข้าศึกษาที่เซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย ฟิล์ม อินสติติวท์ ที่ซึ่งจอห์นได้ศึกษากับดอน แฮม สถาบันแห่งนี้ทำให้จอห์นได้ฝึกฝนการทำงานกล้องอย่างเคร่งครัดจากสตาฟภาพยนตร์สารคดีมืออาชีพ และที่นี่ก็ยังมีอุปกรณ์กล้อง 16 ม.ม. อาร์ริเฟล็กซ์อีกด้วย
ถึงตอนนี้ ในตอนที่จอห์นไม่ได้นั่งอยู่แถวหน้าของโรงละครแห่งใดแห่งหนึ่งในลอสแองเจลิส เขาก็จะไปเช่ากล้อง 16 ม.ม.จากลอยด์ คาเมรา, เบิร์นส์ แอนด์ ซอว์เยอร์ หรือเอฟ แอนด์ บี ซีโก เมื่อเขาทาห้องให้เป็นสีดำแล้ว เขาก็เริ่มต้นสร้างภาพยนตร์การเดินทางข้ามอวกาศ โดยมีพื้นผิวพระจันทร์ที่ทำจากปูนปลาสเตอร์ปูเต็มโรงรถ
ในเวลาเดียวกันนี้ จอห์นยังได้เข้าศึกษาที่โชนาร์ด อาร์ต อินสติติวท์ (แคล อาร์ตส์เดิม) ในย่านดาวน์ทาวน์ของแอลเอ โรงเรียนแห่งนี้จริงจังและเป็นมืออาชีพ และให้ความสำคัญกับศิลปะพลาสติกเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ จิตรกรรมหรือประติมากรรม จอห์นได้ศึกษาเรื่องของผลงานศิลปะที่สร้างจากวัตถุเคลื่อนไหวกับศิลปินที่โด่งดังระดับโลกสองคนคือจอห์น สเตอร์เจียนและนีนา โซเบล นี่เป็นรูปแบบการทดลองการถ่ายทอดความรู้สึก โดยใช้กล้องเป็นเครื่องมือหลักของศิลปิน ในตอนที่แคลิฟอร์เนีย อินสติติวท์ ออฟ เดอะ อาร์ตส์ย้ายไปบาเลนเซีย จอห์นก็ได้ศึกษาเปียโนและการประพันธ์ที่นั่น
จอห์นได้ศึกษาเรื่องการถ่ายทำที่เชอร์วู้ด โอ๊คส์ เอ็กซ์เพอริเมนทัล คอลเลจ ออฟ ฟิล์ม โดยเชอร์วู้ด โอ๊คส์ได้บุกเบิกชั้นเรียนที่สอนโดยมืออาชีพจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่กลายเป็นเรื่องปกติในทุกวันนี้ไปแล้ว ที่นั่น เขาได้ศึกษากับผู้กำกับภาพระดับโลก อย่างลาสโล โควัคส์, วิลเลียม เอ. เฟรเกอร์, วิลมอส ซิกมอนด์และจอห์น เอ. อลองโซ นี่เป็นครั้งแรกที่จอห์นได้จับกล้องพานาเฟล็กซ์ 35 ม.ม. ตัวใหม่
หลังจากนั้น จอห์นก็ได้ศึกษาต่อด้วยการเรียนหลักสูตรถ่ายทำหลายครั้งที่เชอร์วู้ด โอ๊คส์ เอ็กซ์เพอริเมนทัล คอลเลจ ออฟ ฟิล์มที่ใหญ่ขึ้นในฮอลลีวูด ระหว่างนี้ จอห์นถ่ายทำภาพยนตร์สั้น 16 ม.ม. ในชั้นเรียนของโฮเวิร์ด เลสเตอร์และถ่ายทำคลาสการแสดงของพ่อเขาเป็นวิดีโอ นอกจากนี้ เขายังได้ศึกษาการแสดง ซึ่งไม่ใช่กับพ่อเขาอีกต่อไปแล้ว เขาได้ศึกษาที่ลอฟท์ สตูดิโอกับเพ็กกี้ ฟิวรีและบิล เทรย์เลอร์ เพื่อนร่วมชั้นของเขาคือฌอน เพนน์ ในลอสแองเจลิส เขาได้ศึกษาการเล่นกีตาร์แฟลทพิคกับเฮิร์บ ปีเตอร์สัน (ลินดา รอนสแตดท์, ดิ อีเกิลส์, ฯลฯ), กีตาร์ไฟฟ้ากับทอม วีลเลอร์ (ผู้เขียนและบรรณาธิการนิตยสารกีตาร์ เพลย์) และกีตาร์คลาสสิกกับจอร์จ อีโคโนมีดิส
จอห์นได้รับการทาบทามให้แต่งดนตรีประกอบและนำแสดงในภาพยนตร์ร็อคโอเปราเรื่อง John and Norma Novak เขาได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องนั้นทั้งหมด ทุนของภาพยนตร์เรื่องนี้เพียงพอต่อการถ่ายทำเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น แม้ว่า 30 นาทีนั้นจะงดงามทั้งด้วยภาพและเสียงดนตรี แต่ภาพยนตร์ 35 ม.ม.เรื่องนี้ก็ไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะขาดเงินทุน หลังจากภาพยนตร์ร็อคเรื่องนี้ จอห์นก็ได้นำวงดนตรีอิเล็คโทรนิคที่เขาก่อตั้งขึ้นในชื่อ สตรีม บาย สแตนเดอร์สไปยังนิวยอร์ก ซิตี้ ที่ซึ่งพวกเขาได้แสดงในเวทีที่โด่งดังระดับโลกอย่างมัดด์ คลับ เขาได้พักในอีสต์ วิลเลจและได้ถ่ายทำการแสดงของวงและบันทึกภาพแฟชันโชว์ไปด้วย
เขาได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ทางการแพทย์หลายเรื่องระหว่างอยู่ในนิวยอร์กซิตี้ ท้ายที่สุด เขาก็ได้ร่วมงานกับพ่อของเขาและทอม พี่ชายผู้เป็นนักแสดงของเขา เพื่ออำนวยการสร้างภาพยนตร์ จอห์นและหุ้นส่วนของเขาย้ายไปทุลซา, โอกลาโฮมา ที่ซึ่งเขาถ่ายทำ Fucking Tulsa เสร็จไปส่วนหนึ่ง จอห์นรับหน้าที่ผู้กำกับภาพ มือลำดับภาพและเสียงและดูแลงานโพสต์โปรดักชั่นทั้งหมด ซึ่งรวมถึงดนตรีประกอบด้วย จอห์นสอนชั้นเรียนถ่ายทำให้กับทีมงานของเรื่อง ซึ่งเรื่องที่เขาสอนนั้นก็รวมถึงศิลปะภาพยนตร์ที่จำเป็นต่อการถ่ายทำภาพยนตร์ แอลเอ วีคลีย์กล่าวว่า โปรโมท 20 นาทีของ Fucking Tulsa ซึ่งถูกถ่ายทำ แต่งดนตรีประกอบและลำดับภาพโดยจอห์น กูลาเกอร์... เป็นผลงานมาสเตอร์พีซ จอห์นได้จับคู่โทนที่ยุ่งเหยิงของบทเข้ากับเมโลดี้วิชวลที่น่าประทับใจ ฉากพวกนี้เป็นการร้อยเรียงช็อตมุมไกลของชาวทุลซาและชุมชนเมือง ที่ค้านกับธรรมชาติ ที่เคร่งขรึมในรูปแบบของต้นไม้ที่ถูกแสงแดดแผดเผาและช่วงเวลาพลบค่ำที่น่าเศร้าสร้อย โรงภาพยนตร์อเมริกัน ซีเนมาธิค ในฮอลลีวูดได้ฉายภาพยนตร์เรื่อง Fucking Tulsa, John and Norma Novak และ A Day with the Boys ในฐานะส่วนหนึ่งของซีรีส์ Hollywood Outlaws ของพวกเขา
จอห์นได้ถ่ายทำฉากกว่า 700 ชั่วโมงใน Clu Gulager's Film Acting Workshop ทั่วอเมริกา ฉากเหล่านั้นถูกถ่ายทำในรูปแบบของการถ่ายทำภาพยนตร์ พวกเขาถ่ายทำอย่างไม่ประนีประนอมเรื่องไหนทั้งนั้น จอห์นได้ร่วมงานกับครอบครัวคอปโปลาและสตอลโลน เพื่อถ่ายทำและลำดับภาพ Vic ผลงานกำกับเรื่องแรกของเซจ สตอลโลน ซึ่งเป็นภาพยนตร์สั้น 35 ม.ม. ความยาว 30 นาที ที่นำแสดงโดยคลู กูลาเกอร์, แครอล ลินลีย์, แกรี แฟรงค์, ริชาร์ด เฮิร์ด และจอห์น ฟิลลิป ลอว์
สองสามปีให้หลัง จอห์นได้เข้าร่วมการแข่งขันทางอินเทอร์เน็ต Project Greenlight ที่สร้างโดยแมทท์ เดมอนและเบน แอฟเฟล็ค เขาได้รับชัยชนะร่วมกับมือเขียนบทมาร์คัส ดันสแตนและแพทริค เมลตัน เขาได้กำกับ Feast และได้ร่วมงานกับบัลธาร์ซาร์ เก็ตตี้ และเฮนรี โรลลินส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าฉายในงานเทศกาลแฟนทาสติค เขาได้รับรางวัล ผู้กำกับยอดเยี่ยม Project Greenlight ซีซั่นของเขาถูกฉายตามมหาวิทยาลัยและโรงเรียนภาพยนตร์ทั่วประเทศ (บางครั้งก็ในฐานะข้อควรระวัง)
นอกจากนี้ เขายังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่นำแสดงโดยคริสเตียน สเลเตอร์เรื่อง He was a Quiet Man ในบทมอริซ นักจิตวิทยาและปลาทองที่รบเร้าให้สเลเตอร์ฆ่าเพื่อนร่วมงาน หลังจากนั้น เขาก็ได้สร้างซีเควลดีวีดีสองภาคให้กับ Feast ได้แก่ Feast II: Sloppy Seconds และ Feast III: The Happy Finish