จอน สเปตส์ (สำเร็จการศึกษาจาก Princeton University เขาย้ายมาที่นิวยอร์คเพื่อเป็นนักประพันธ์ แต่ต้องพลิกเส้นทางอาชีพอย่างรวดเร็ว เขากลายเป็นผู้บริหารเว็บไซต์ให้กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านการศึกษา Teachscape ที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ค ผลงานของเขาที่นิวยอร์คทำให้สเปตส์พลิกผันมาสู่วงการภาพยนตร์ เขาก่อตั้งบริษัทอำนวยการสร้างภาพยนตร์ร่วมกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย พวกเขาสร้างวีดีโอและสื่อสารคดีให้ New York Museum of Natural History, National Civil Rights Museum และ Richmond Civil War Museum ร่วมกัน ซึ่งในการร่วมงานครั้งนั้นเขาได้ถ่ายทำ กำกับและตัดต่อวีดีโอ และเป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มคิดอย่างจริงจังว่าภาพยนตร์เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเรื่องราว ด้วยสาเหตุนั้นจากผู้ต้องการเป็นนักประพันธ์จึงกลายเป็นผู้ต้องการเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์
หลังจากได้พักงานกลางวันประมาณ 1 ปี สเปตส์ใช้เวลาอีกหนึ่งปีเพื่อเขียนและเรียบเรียงภาพยนตร์เรื่อง Shadow 19 บทภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาเริ่มอาชีพการเขียนบทเมื่อมีการขายบทให้ Warner Bros. และคีนู รีฟส์เป็นนักแสดงของภาพยนตร์ เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Shadow 19 ถูกพักอยู่ในขั้นการพัฒนา รีฟส์เร่งใฟ้สเปตส์เขียนโปรเจ็กต์ขึ้นมาให้เขาเรื่องหนึ่ง ผลที่ได้คือเขาต้องเขียนบทภาพยนตร์ต้นฉบับขึ้นมาอีกเรื่อง นั่นคือ Passengers ที่ขึ้นเป็น Black List อันดับ 3 และกลายเป็นบทภาพยนตร์ที่มีการจำหน่ายอย่างกว้างขวางมากที่สุดของฮอลลีวูด ทำให้ได้รับมอบหมายงานจากสตูดิโออีกหลายแห่ง
การพบกันที่บริษัท Scott Free Productions ของริดลีย์ สก็อตต์ ดึงดูดสเปตส์ให้มาพูดคุยถึงการหวนคืนสู่ภาพยนตร์ต้นกำเนิดแห่งจักรวาลของริดลีย์ เรื่อง Alien สเปตส์ได้รับข้อเสนอที่ทำให้เขาได้พบกับหัวหน้าสตูดิโอแห่ง Fox ในอีกหลายวันต่อมา และเป็นแรงบันดาลให้ริดลีย์ สก็อตต์จากการอำนวยการสร้างภาพยนตร์ไปสู่การกำกับภาพยนตร์ของตัวเอง สเปตส์และสก็อตต์ร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาหลายเดือนในการสร้างเรื่องที่กลายมาเป็น Prometheus
สเปตส์มีรายชื่อเป็น 1 ใน 10 ผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่ต้องจับตามองในปี 2012 ของนิตยสาร Variety และกำลังมีภารกิจที่จะต้องไปเขียนบทภาพยนตร์ระทึกขวัญแนววิทยาศาสตร์ เขาเขียนบทภาพยนตร์ให้กับ เรื่อง The Darkest Hour ของ New Regency-Summit และตอนนี้กำลังเขียนเรื่อง Children of Mars ของ Disney และสก็อตต์ รูดิน ต่อด้วยการเรียบเรียง St. George and the Dragon ให้กับ Sony และ Red Wagon นอกจากนั้นสเปตส์ยังมีสัญญากับ Bruckheimer Films สำหรับบทภาพยนตร์แนวไซไฟที่มีความต่อเนื่อง เช่น บทภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพ World War Robot และต้นฉบับที่ยังไม่มีชื่อเรื่องซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างเรื่องราวของรักแท้กับความห่างเหินกันระหว่างดวงดาว