เจมส์ นิวตัน ฮาวเวิร์ดกลับมาร่วมงานกับเอ็ม ไนท์ ชยามาลาน ผู้เขียนบท, ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อีกครั้งหลังจากเคยประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง Lady in the Water, The Sixth Sense, Unbreakable, Signs และ The Village ที่ส่งให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์
ฮาวเวิร์ดเป็นผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่มีความสามารถหลากหลาย และเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในวงการทุกวันนี้ เขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ถึง 7 ครั้ง รวมทั้งสาขา Best Original Score ถึง 5 ครั้งจาก The Village หมู่บ้านสาปสยอง ของเอ็ม ไนท์ ชยามาลาน, The Fugitive, The Prince of Tides, My Best Friend's Wedding และ Michael Clayton กับสาขา Best Original Song อีก 2 ครั้งคือเพลง Look What Love Has Done จาก Junior กับเพลง For The First Time จาก One Fine Day
ฮาวเวิร์ดยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ถึง 3 ครั้งจาก Signs, เพลงประกอบ Dinosaur ของ Disney และเพลงจาก One Fine Day ผลงานการประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง Dying Young ก็ส่งให้ Kenny G ได้รับรางวัลด้วย นอกจากนั้นก็ยังคว้ารางวัลเอ็มมี่ จากดนตรีประกอบ Gideon's Crossing ซีรี่ย์ของอังเดร บราเฮอร์ และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ อีก 2 ครั้งจากผลงานดนตรีประกอบซีรี่ย์เรื่อง ER กับ Men ซีรี่ย์ของวิง ราเมส ฮาวเวิร์ดยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ถึง 3 ครั้งจากผลงานดนตรีออเคสตร้าวงใหญ่ใน King Kong และเพลงจาก Junior กับ One Fine Day
ผลงานของฮาวเวิร์ดซึ่งปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ I Am Legend นำแสดงโดย วิล สมิธ, Michael Clayton ที่นำแสดงโดยจอร์จ คลูนี่ย์, The Water Horse: The Legend of the Deep, Batman Begins ของคริส โนแลน ที่เขาประพันธ์ดนตรีประกอบร่วมกับฮาน ซิมเมอร์, King Kong ที่ปีเตอร์ แจ๊คสัน นำผลงานคลาสสิคกลับมาสร้างใหม่ได้ยิ่งใหญ่และทำรายได้มหาศาล และ Blood Diamond ของเอ็ด ซวิค ที่ตีแผ่ธุรกิจค้าเพชรในอัฟริกา
ASCAP เพิ่งมอบรางวัล Henry Mancini Award for Lifetime Achievement ให้กับฮาวเวิร์ด ที่สร้างสรรค์ผลงานดนตรีประกอบภาพยนตร์มาเกือบจะ 100 เรื่องแล้ว นอกจากผลงานของชยามาลานแล้วเขายังร่วมงานกับผู้กำกับลอว์เรนซ์ แคสดาน ถึง 5 เรื่องคือ Grand Canyon, Wyatt Earp, French Kiss, Mumford และ Dreamcatcher, ภาพยนตร์เฮฮาที่นำแสดงโดยจูเลีย โรเบิร์ต 4 เรื่องคือ Pretty Woman, Runaway Bride, My Best Friends Wedding และ America's Sweethearts และผลงานแอนิเมชั่นของ Walt Disney Studios 3 เรื่องคือ Dinosaur, Treasure Planet และ Atlantis: The Lost Empire แล้วก็ยังร่วมงานในภาพยนตร์หลากหลายแนว รวมมั้ง Collateral, Outbreak, Falling Down, Primal Fear, Glengarry Glen Ross, Waterworld, The Devil's Advocate, Space Jam, Dave และ Flatliners
ความสำเร็จของฮาวเวิร์ดสะท้อนจากประสบการณ์บนถนนสายดนตรีที่เขาสั่งสมมานาน ด้วยแรงบันดาลใจจากคุณยายซึ่งเป็นนักสีไวโอลินเพลงคลาสสิคแห่งวง Pittsburgh Symphony ช่วงทศวรรษที่ 30 และ 40 เขาเริ่มเรียนเล่นเปียโนตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบ หลังจากนั้นก็เข้าเรียนที่ Santa Barbara Musical Academy of the West และยังไปเรียนเอกเปียโนที่ USC School of Music จนกระทั่งจบหลักสูตรอย่างเป็นทางการโดยการดูแลของมาร์ตี้ เพช ศิลปินผู้เรียบเรียงเสียงประสานระดับตำนาน อีกราว 2 ปีหลังจากนั้นฮาวเวิร์ดได้ร่วมงานกับศิลปินเพลงดัง ๆ อย่าง Carly Simon, Diana Ross, Ringo Starr, Leo Sayer, Harry Nilsson และ Melissa Manchester ฮาวเวิร์ดยังบันทึกเสียงอัลบั้มเดี่ยวของเขาเองถึง 2 ชุด เขายังร่วมตระเวนแสดงไปกับวงของ Elton John ศิลปินชื่อก้องโลกเมื่อปี 1975 และหันมาทำห้องอัดในปี 1976 ก่อนจะกลับไปร่วมแสดงกับวงอีกครั้งในช่วงปี 1980 และอีกครั้งในปี 1986 โดยคุมวง Melbourne Symphony Orchestra ให้กับ Live in Australia ของจอห์น ที่ต่อมาก็ออกขายติดอันดับอัลบั้มขายดีด้วย
ฮาวเวิร์ดยังเป็นนักดนตรีที่ใครต่อใครในวงการก็อยากได้ตัวไปร่วมงานด้วย เขายังเคยร่วมงานกับศิลปินดัง ๆ อย่าง Barbra Streisand, Earth Wind and Fire, Bob Seger, Rod Stewart, Glen Frey, Randy Newman, Toto, Olivia Newton-John, Rickie Lee Jones, Cher, และ Chaka Khan ด้วย แต่เมื่อฮาวเวิร์ดรับงานประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง Head Office เป็นเรื่องแรกเมื่อปี 1985 เขาก็ไม่หวนกลับไปแสดงดนตรีอีกเลย แต่ก็ยังไม่วายดอดไปร่วมแสดงกับเอลตัน จอห์น ในช่วงฤดูร้อนปี 2004 หลายเมือง รวมทั้งที่ Royal Albert Hall กับ Radio City Music Hall ซึ่งขายบัตรเกลี้ยงด้วย