ถาม

สำหรับเรื่องนี้ก็หนักเหมือนกัน ตอนแรก ๆ ได้เล่นเป็นเด็กร่าเริงสดใส แต่พอตัวละครโตขึ้นก็กลายเป็นแนวดราม่าไปอีกแล้วตอนแรกคิดเหมือนกัน
ว่าคนดูจะเบื่อหรือเปล่า ที่เห็นเราเล่นแนวดราม่าตลอดแต่พอละคร ได้ออนแอร์ไป คนที่ดูก็บอกว่าชอบนะ เรื่องเรตติ้งแต้วไม่ค่อยรู้แต่ถ้าถาม ฟีดแบ็กแต้วว่าก็โอเคค่ะ เรื่องนี้มาประกบ พี่อั้ม-อธิชาติ แรก ๆเราไม่รู้ว่า พี่เขาจะยังไงเหมือนกัน เพราะอายุห่างกันเยอะกลัวว่าพี่เขาจะมองว่า เราเป็นเด็ก ๆ คุยกับเราไม่รู้เรื่อง แต่พอมาร่วมงานกันจริง ๆพี่เขาเป็นคน เฟรนด์ลี่มาก ก็เลยทำงานง่ายค่ะ

ไม่หรอกค่ะ มาริโอ้ ต้องเป็นคนดันแต้วมากกว่า (หัวเราะ) เพราะเขาเล่นหนังมาหลายเรื่อง แล้วก็เป็นคนมีชื่อเสียงอยู่แล้ว ใคร ๆ ก็รู้จัก ขนาดแต้วไปเล่าให้คนอื่นฟังว่าได้เล่นกับมาริโอ้ ทุกคนยังตื่นเต้นเลย

แต้วไม่กลัวนะ เพราะเราต้องรับผิดชอบหน้าที่อย่างอื่นด้วย ขนาดแค่นี้ยังไม่ค่อยไหวเลยเอาที่ตัวเองทำออกมาแล้วรอดดีกว่า เพราะถ้าเราโหมมากกว่านี้ มันอาจจะแย่ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องเรียน คนเลยชอบบ่นว่าขอคิวแต้วยาก คิดว่าเราคิวทอง แต่จริง ๆไม่เลย เราแค่ไม่มีเวลาจริง ๆ งานอีเว้นท์ติดต่อเราก็ไปไม่ได้ คนที่ไม่เข้าใจก็จะคิดว่าอะไรมันจะขนาดนั้นเชียวเหรอ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะไปอธิบายให้เขาฟังได้ยังไง

้ 

ตอนนี้เรียนปี 4 อยู่ที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ค่ะ ถามว่าหนักมั้ย มันก็สบายกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ยังหนักอยู่ดีส่วนปีหน้าก็จะมี ในเรื่องการทำธีซีส ถ้าเป็นไปได้เรียนจบก็อยากลองทำงานด้านสถาปนิกดู แล้วก็อยากทำงานในวงการไปเรื่อย ๆ ด้วย เพราะพอได้มาทำ เราก็รู้สึกชอบว่ามีอะไรให้เราได้เรียนรู้เยอะ

รู้สึกยังไงที่คนชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับ พี่แอฟ-ทักษอร ว่าทั้งหน้าตาและบุคลิกคล้าย ๆ กัน?

คนมองว่าเราเป็นเด็กเรียบร้อย ตัวตนจริง ๆ ของแต้วเป็นยังไง?

มันอธิบายยากนะ บางทีเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นยังไง เราก็มีอารมณ์ทั้งชอบ ไม่ชอบ เหมือนคนอื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อยอะไรขนาดนั้น อาจจะด้วยความที่เราเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ใช่คนคุยเก่ง หรือเจ๊าะแจ๊ะอะไร คนเลยมองแบบนั้น แต่ถ้าเราได้อยู่กับคนที่สนิท หรือคุยถูกคอ เราก็สนุกสนานเฮฮา แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขนาดเปรี้ยวซ่า คือเราเป็นคนกลาง ๆ มากกว่า

เหมือนเราไม่ค่อยมีข่าว พอมีข่าวนี้มาทีก็แอบรู้สึกไม่ดีเหมือน กัน เพราะเขาไม่ได้รู้จักเราจริง ๆสำหรับแต้วมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้ เป็นเรื่องเสียหาย วัยรุ่นก็ต้องมีไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง แต่เราไม่ได้เป็นคนขี้เหล้า (หัวเราะ)เพื่อนแต้วอ่านข่าวยังบอกว่า มันเยอะไป เพราะอย่างเดือนที่เราไม่ได้ไปเที่ยวเลยก็มี ไม่ใช่ว่าไปทุกวันหยุดแต่ที่มันดูแรงอาจจะเพราะว่าลุคแต้วเป็นคน เรียบร้อยมาก ซึ่งด้วยข่าวและอะไรหลาย ๆ อย่าง มันปูพื้นให้คน  มองภาพเราเป็นแบบนั้น

แต้วไม่ได้แอ๊บนะ แต่มองว่ามันเป็นเรื่องของกาลเทศะและการวางตัวมากกว่า ถ้าเราอยู่ในที่สาธารณะอย่างอยู่กับสื่อหรือไปเจอ คนไม่รู้จัก เราก็ต้องทำตัวเฟรนด์ลี่ ต้องรู้จักเลือกใช้คำพูด วางตัวให้เหมาะสมว่ากับใครเราแสดงออกได้ประมาณไหน ดังนั้นถ้าคนจะมองว่าแต้วแอ๊บมันก็ไม่ถูก เพราะเวลาที่เราอยู่กับเพื่อนหรือคนที่สนิท แต้วก็จะเป็นในแบบที่แต้วเป็น

ก็เรื่อย ๆ ค่ะ ตอนนี้พี่เขาไปเรียนที่อังกฤษ ช่วงแรก ๆที่ไปก็พยายามคุยกัน ทุกวัน แต่พอหลัง ๆ ต่างคนก็ต่างยุ่ง เลยไม่ค่อยได้คุย บางทีคนหนึ่งต้องสอบ ไม่ว่างอะไรแบบนี้

มันก็มีนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้กลัวมากเท่าไหร่ เพราะเราค่อนข้างสนิทกันมาก รู้จักกันมา 6 ปีแล้ว เพราะพี่เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทแต้วเราเลยรู้ว่า แต่ละคนเป็นยังไง แต่เรื่องของ อนาคตแต้วก็ไม่อยากคาดเดาเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง

ไม่ได้ฝากฝังอะไรมากนะ แค่บอกให้ตั้งใจเรียนอย่างตอนที่เขาบินไป แต้วก็ซื้อปากกาให้ เขาจะได้ตั้งใจเรียน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือเปล่า (หัวเราะ) แต่อย่างน้อยก็ให้เขานึกถึงเราบ้างนิดหนึ่ง เพราะต้องไปอยู่ที่โน่น 2 ปี อย่างกลับมาครั้งล่าสุด ก็พาเขาไปกินอาหารไทย พวกก๋วยเตี๋ยวซึ่งเขาจะทำตัว ตื่นเต้นมาก เหมือนอยู่เมืองนอกมานาน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เพิ่งแป๊บเดียวคือเราก็ ดีใจนะที่เห็นเขาชอบอะไรแบบนี้ก็พยายามหาหนังสือ อาหารไทยส่งไปให้ เผื่อเขาจะเอาไปหัดทำกินเอง (หัวเราะ)

ถือว่าเป็นรักครั้งแรกนะคะ ก่อนหน้านี้มันเหมือนอารมณ์เด็ก ๆแซวกันไป แซวกันมาแค่นั้น แต่ถ้าจะเอาแบบที่ได้คุยได้แชร์ความรู้สึกกันก็เพิ่งคนนี้ แหละค่ะ

มีโอกาสไปเจอคุณพ่อคุณแม่ต้นบ้างหรือยัง?

เหมือนตอนนี้แต้วกล้าที่จะพูดเรื่องความรักมากกว่าเมื่อก่อนนะ?

ถ้าถามมาแต้วก็ตอบ (หัวเราะ) คือเราไม่ได้เปิดแต่ก็ไม่ได้ปิด แต้วมองว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย เราคุยกันแบบเพื่อน เหมือนมีเพื่อน ที่สนิทมาก ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกคน เพียงแต่เขาเป็นผู้ชายเท่านั้นเอง