ถาม

“มินเข้าวงการปีกว่าแล้วค่ะ ยังไม่ถึงสองปี แต่เริ่มเข้าวงการจริง ๆ จัง ๆ มาจากเล่นละครเรื่อง “ปลาบู่ทอง” มากกว่า เพราะหลังจากที่ประกวด มิสทีนไทยแลนด์ก็หายไปนานมากจนคนลืมไปแล้วค่ะ  หลังจากละคร ปลาบู่ทอง คนก็เริ่มจะพูดถึงเอื้อยอ้ายแล้วให้ความสนใจเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ตอนนี้ คนยังจำเรื่องนั้นได้อยู่เลย  ไม่ว่าเราจะเล่นเรื่องอะไร ก็ยังจำคาแรกเตอร์ เรื่องปลาบู่ทองได้ตลอด”

ก็ถือว่าเราโชคดีแล้วกัน  แต่ในความโชคดีก็มีทั้งด้านดีและไม่ดีด้วย บางทีขึ้นเร็วก็อาจจะร่วงเร็วก็ได้  เพราะฐานของเราอาจจะยังไม่แน่นพอ ยังไม่แข็งแรงเตรียมความพร้อมที่จะฝึกตัวเองให้มีความสามารถพอในวงการ บันเทิงเพราะเราก็เพิ่งเข้ามาและก่อนเล่นปลาบู่ทองก็ยังไม่ได้มีประสบการณ์ ด้านไหนเลย แล้วอยู่ ๆ มาปั๊งเล่นละครเลยถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้รับ แล้วก็ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคน ที่ให้โอกาสมินพิสูจน์ฝีมือ”

เคยคิดมั้ยว่าวันหนึ่งเราจะได้มาเป็นนักแสดง?

ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาเป็นนักแสดงนางเอกขนาดนี้ ก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน ช่วงแรก มันเหมือนฝันทุกอย่างมันเร็วมากภายในปีหนึ่งเกิดขึ้นทุกอย่าง ไปเร็วจนรู้สึก ตั้งหลักไม่ค่อยทัน แต่ตอนนี้เราต้องกลับมาตั้งหลักใหม่ ไม่มีอะไรสายเกินไป ทุกอย่างเรียนรู้ได้เสมอ ทุกวันนี้ที่บ้านมินก็มีธุรกิจอยู่ แล้วมินก็ถือว่ามินทำอาชีพที่มินรัก วันหนึ่งถ้าเราไม่มีโอกาสแล้วก็ยังมีที่บ้าน ก็กลับไปช่วยงานได้อยู่แล้ว ที่ทำอะไรทุกวันนี้คือสิ่งที่เราชอบทั้งนั้นเลย  แต่วันหนึ่งหากไม่ได้ทำอาชีพที่รักต่อไปก็คงรู้สึกเสียใจที่เราไม่ประสบความ สำเร็จ  อาจจะคิดว่าเราแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

พอเราเป็นนางเอกแล้ว กระแสว่าเราหน้าตาคล้ายพี่อั้ม-พัชราภา มันมีผลกับเราแค่ไหน?

“มีผลเลยแหละ เพราะพี่อั้มเป็นรุ่นพี่ใหญ่ที่น่ารักและน่าเคารพคนหนึ่ง ในวงการ พอเรามีประเด็นหน้าคล้ายพี่อั้ม คนก็ให้ความสนใจอยากรู้จักเรา มากขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่ง คนก็จำเราเป็นพี่อั้มตลอด จนเราไม่มีตัวตน ของตัวเอง และไม่ว่าเราจะทำอะไร เราก็ดูเป็นพี่อั้มอยู่ในสายตาเขาอยู่ดี อันนี้คือข้อเสีย แต่ข้อดีคือทำให้เรามีชื่อเสียงขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ”

จริงๆ แอบน้อยใจมั้ยถูกเปรียบเทียบแบบนี้?

ความรู้สึกจริง ๆ ก็มีบ้างค่ะ คือไม่ว่าเราจะพยายามเล่นอะไรก็ตามมันก็ดูเป็น พี่อั้มไปหมด ถ้าถามว่ามินจะพยายามเป็นพี่อั้มมั้ย มินก็ไม่รู้จะไปทับลายพี่อั้ม ทำไมเพื่อให้ตัวเองตายนึกออกไหมคะ เพื่อให้เรากลายเป็นพี่อั้มเหรอ สวยเหมือนพี่อั้มงั้นก็เอาพี่อั้มไปทำงานดีมั้ย เราคงไม่ไปเทียบกับพี่อั้มอยู่แล้ว เพราะพี่อั้มถือว่าเป็นไอดอลและขวัญใจของมินตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว  ไม่ได้ไปทำอะไรศัลยกรรมเพื่อให้หน้าเหมือนพี่อั้ม ไม่ได้ไปทำอะไรเลยค่ะ แค่หน้าคล้ายไม่ใช่หน้าเหมือนค่ะ”

แต่ก่อนมินอาจจะหวานมิดชิดตลอด แต่ตอนนี้โตขึ้นในการทำงานก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ได้เซ็กซี่โชว์อะไร คนจับแต่งและเป็นงานมากกว่า ก็ถือว่าเป็นงาน ที่ได้รับมอบหมาย แต่คงไม่มีลุกขึ้นมาถ่ายเซ็กซี่ชุดว่ายน้ำไม่มีแน่นอนค่ะ เพราะค่อนข้างซีเรียส เราเองก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่ คุณแม่ก็ถือว่าเรายังเด็ก แต่ในอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที อนาคตอาจจะชอบแต่งตัว แต่ก็คงไม่ได้มาโชว์วาบหวิวเซ็กซี่แน่นอน

เคยมีคนเอารูปเราตอนเด็ก ๆ มาเปรียบเทียบกับปัจจุบันด้วยจน คนมองว่าเราทำศัลยกรรมมา?

จะบอกว่าเด็ก ๆ ทุกคนต้องมีรูปน่าเกลียด ๆ ไม่มีใครเกิดมาสวยเป๊ะตั้งแต่เด็ก  แต่มินยืนยันเลยค่ะว่าไม่ได้ทำศัลยกรรมแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์เอารูปมาเทียบ แค่ไหนมินก็สามารถพิสูจน์แล้วก็ท้าพิสูจน์ได้เลยทุกส่วนในร่างกายของมินไม่ มีการทำศัลยกรรมแน่นอนค่ะ แต่ยอมรับว่าจัดฟันนะ นี่ก็รอบที่ 4 แล้ว เป็นคนฟันใหญ่ถอนไป 8 ซี่แล้วก็ยังฟันเยอะอยู่เลย (หัวเราะ)”

มินว่ามันเป็นกระแสมากกว่า อย่างละครแต่ละเรื่องก็เป็นเหมือนรักโปรโมต ซึ่งในการตลาดธรรมดาอยู่แล้ว คนอื่น ๆ มินก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามา ได้ยังไง บางทีข้ามช่อง มินก็งงเยอะมาก แต่ทุกคนในวงการรักกัน ให้ความรู้สึกดี ๆ ต่อกันก็ดีกว่า  เราไม่ได้รู้จักกันเลย บางคนรู้จักแต่ไม่สนิท ก็แปลกดี แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรค่ะ”

ยอมรับว่าเราอยู่ในกองก็สนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ว่ามินกับพี่อ๋อมไม่ได้มี ความสัมพันธ์ลึกซึ้งเป็นแฟนชู้สาวแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ค่ะ มินสามารถพูดได้ เลยว่าพี่อ๋อมเป็นพี่ชายที่น่ารักมาก เราคุยเราแซวกันได้ปกติ วันไหนไม่ สบายใจก็คุยโอเคมั้ย  ละครที่เราเล่นด้วยกันก็เป็นผลงานที่เราร่วมกันสร้าง”

แล้วตอนนี้มีหนุ่มเข้ามาจีบ ๆ บ้างมั้ย?

ตอนนี้ก็มีบ้างค่ะ ก็มีมาทั้งในและนอกวงการ  แต่มินยังไม่มองใคร มินมีความรู้สึกว่าถ้าจะรักใครสักคน เราต้องมีเวลาให้เขา ถ้ายังไม่พร้อม อย่าเพิ่งมีเลยดีกว่า มีแล้วเดี๋ยวก็ทะเลาะกันเพราะงานที่เราทำไม่มีเวลา
จริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีคนมาจีบมินเลยนะ ตั้งแต่แรกเลยทุกคนที่เคย เป็นข่าวน่ะ แต่ละคนมินสามารถชี้แจงได้เลยว่ามินแทบจะไม่เคยเจอ รักโปรโมตก็รักโปรโมตเล่นละครด้วยกัน แต่คนอื่น ๆ คนนอกน่ะพูดได้เลย ทุกคนที่เคยเป็นข่าวกับมินงงทุกคนเลยมาได้ไง แต่ก็ดีคนให้ความสนใจ ก็แปลก ๆ ดี (ยิ้ม) ความรักในมุมมองของมินความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ใช่เฉพาะกับแฟน กับพ่อแม่เป็นความรักที่สำคัญมากสำหรับมินที่ทำงาน ได้อยู่ทุกวันนี้ วันไหนเรารู้สึกเหนื่อยปัญหาในการทำงานแต่ละวัน มันเยอะมากจนเรารู้สึกไม่ไหว แล้ว ก็จะโทรฯหาคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีอะไรหรอกค่ะแค่โทรฯถามว่าเป็นยังไง ก็รู้สึกได้ว่าเรามีกันและกัน”

มินชอบผู้ชายตลก  ทำอาหารเก่ง เอาใจเก่ง อะไรที่มินทำไม่ได้อยากให้ เขาทำได้จะได้เติมเต็มซึ่งกันและกันได้ สมมุติว่ามินรักใครสักคนมินก็ทุ่ม ให้เขาเต็มที่ในทุกนาทีของชีวิตมินที่มินมีเวลาให้อยู่แล้ว  ถ้าเกิดมีใครก็ อยากดูแลเขาให้ดีที่สุดค่ะ แต่ทุกวันนี้เราก็เปิดรับคนที่เข้ามาไม่ได้ปิดกั้น  แต่ยังรู้สึกว่ายังไม่ขอตกลงปลงใจกับใคร  คำว่าเนื้อคู่ของมินคือคนที่ สามารถปรับตัวเข้าหารับข้อเสียของกันและกันได้ ไม่ใช่พรหมลิขิต หรืออะไร เราสามารถจูนกันได้ค่ะ”

อนาคตต่อไปในวงการบันเทิงล่ะเป็นยังไง?

“เราต้องพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด ทุกวันนี้เราแข่งขันกับตัวเอง ไม่อยากแข่งกับใครอีกแล้ว เราแข่งกับคนอื่นเราก็เหนื่อย เพราะเราเอง ก็ยังไม่รู้อนาคตต่อไปจะเป็นยังไง แต่มินเป็นคนมีความตั้งใจไม่ยอม อะไรง่าย ๆ แน่นอน ทำงานก็คาดหวังให้ตัวเองก้าวหน้า แต่ตัวมินแข่งกับ ตัวเอง เราแสดงหรือทำหน้าที่เราดีหรือยัง จริง ๆ ไม่ต้องรอให้ใครมาด่า ก็รู้ตัวอยู่แล้ว แต่ใครเตือนก็รับรู้นะ เพราะเราเป็นคนที่สามารถตัดสิน ตัวเองได้ดีที่สุด มินจะไม่เหนื่อยหรือท้อกับคำพูดของคนเด็ดขาดค่ะ แต่มินเป็นคนรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ขอบคุณ สำหรับทุกเสียงที่ติมา และก็ต้องขอบคุณกำลังใจทุกคำชมของแฟนคลับ ทุกคนที่ยังคอย ติดตามชมผลงานให้ กำลังใจมินตลอด ไม่ว่ามินจะทำ ออกมาได้ดีหรือไม่ดีก็ตาม ก็จะพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ”

ฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย?

ฝากละครแล้วกันค่ะ เพราะตอนนี้มีผลงานแล้วก็โฆษณาต่าง ๆ แล้วก็ละคร ตอนนี้เรื่อง บันไดดอกรัก ทางช่อง 7 ทุกวันพุธ พฤหัสบดี ฝากติดตามชม ด้วย  อยากให้ทุกคนชอบเพราะเราพยายามทำออกมาเต็มที่อยากให้ชม
และให้กำลังใจเยอะ ๆ ค่ะ ยังรู้สึกสนุกกับการทำงานในวงการ
และอยากเจออะไรใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ”