ถาม

ก็ยังทำงานในวงการอยู่นะ มีเดินแบบถ่ายแบบ แต่หลัก ๆ คือทำธุรกิจ ของตัวเอง เปิดร้านอาหารเกาหลี “ทูดาริ” ที่ทองหล่อ ซอย13 เราเพิ่งจะเริ่มทำก็ต้องให้เวลากับตรงนี้พอสมควร เพราะเปิดได้แค่ เดือนกว่าเอง สำหรับร้านที่เปิดใหม่ก็ถือว่าไปได้ดี เพราะวันศุกร์ และเสาร์คนแน่นร้าน ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี

ถาม

เอ๊ะโตมากับธุรกิจแบบนี้ ครอบครัวทำโรงงานผลิตซอสส่งออก การที่เรา ได้ร่วมธุรกิจกับทูดาริเป็นเพราะเราส่งซอสให้กับลูกค้าที่เกาหลี ทางบริษัทนั้นก็แนะนำให้เราได้รู้จักกับเจ้าของทูดาริ เราคุยกันถูกคอ ก็เลยได้ทำธุรกิจด้วยกัน เอ๊ะมีหน้าที่ดูแลทุกอย่างเลย ต้องลุยด้วยตัวเอง เป็นธุรกิจของครอบครัวก็จริง แต่คุณพ่อให้เอ๊ะรับผิดชอบโดยตรง

เปิดมาได้เดือนกว่าเริ่มเข้าที่แล้วเอ๊ะมีเป้าหมายจะดำเนินการ ยังไงกับธุรกิจ

การร่วมทุนในระยะแรก เอ๊ะเน้นสร้างแบรนด์ให้ติดก่อน ตอนนี้ที่ทองหล่อ เปิดให้บริการแล้ว และปีนี้มีแพลนจะเปิดอีก 3 แห่ง คือที่สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์ และจะมีอีกสักแห่ง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นที่ไหน หลังจากนั้น จะขายแฟรนไชส์ เป้าหมายที่เกาหลีวางไว้คือ 1,000 สาขาภายใน 10 ปี เขามองว่าคนไทยประชากรเยอะกว่าเกาหลี แต่เอ๊ะว่าต้องลองดูก่อน ทำได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะจริง ๆ อาหารของที่นี่ เป็นอาหารที่ทานง่าย รสชาติจัดจ้านน่าจะถูกปากคนไทยและราคาก็ไม่แพง

ทำไมเอ๊ะถึงหันมาทำธุรกิจแบบจริงจัง เพราะบางคนมองว่า การทำงานในวงการไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เสี่ยงดี

เอ๊ะก็สนุกกับการทำงานในวงการบันเทิงนะ แต่จริง ๆ แล้วเริ่มแรกเลย คุณพ่ออยากให้เราทำธุรกิจที่บ้านตั้งแต่ตอนเรียนจบใหม่ ๆ แต่เราก็ไม่ยอม สักที สนุกกับงานในวงการมาก จนกระทั่งผ่านมา 12 ปี คุณพ่อก็เหนื่อย มาก เราเลยคิดว่าต้องมารับผิดชอบธุรกิจบ้างแล้ว การมาทำธุรกิจตรงนี้ ก็ไม่หนักใจนะ มันก็มีความเหนื่อยความเครียด แต่เราก็มีความสนุก กับการทำงาน

นอกจากนี้จะมีทำธุรกิจอื่นอีกหรือเปล่า

ถ้าจะทำก็คงเป็นธุรกิจในวงการมากกว่า อาจจะร่วมกับ เจมส์-เรืองศักดิ์ คงทำรายการทีวีและละคร แต่เป็นโปรเจคท์ในละครนะ แต่สำหรับ งานในวงการ เอ๊ะยังอยากเล่นละครและร้องเพลง แต่ด้วยจังหวะเวลาชีวิต ตอนนี้เหมือนต้องเลือกสักอย่าง เพราะธุรกิจส่วนตัวเราก็ลงทุนเยอะ เหมือนกัน (หัวเราะ) เรื่องงานละครก็มีคนติดต่อเข้ามา แต่เวลายังไม่ลงตัว เนื่องจากเราก็เป็นพิธีกรรายการ “นารีโซไซตี้”  ช่องมีเดีย บูม สำหรับงานเพลงที่ผ่านมาในทวิตเตอร์ก็มีคนถามว่าเราร้องเพลงดีนะ ทำไมไม่ร้องอีก เอ๊ะก็อยากทำนะ แต่คงต้องรอเวลาเหมาะ ๆ ตอนที่เรามี ลูกฮึด ถ้าทุกอย่างลงตัวคงจะได้ยินเอ๊ะกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง แต่ยืนยันว่า งานในวงการไม่ทิ้งแน่นอน

เราคบกันมานานมาก 12 ปี ที่ผ่านมาก็มีทั้งช่วงที่ดีและไม่ดี แต่มันก็ผ่าน มาหมด ยิ่งพอเหมือนกับว่าเราจะจริงจังกับใครสักคน ถ้าจะเลือกเขาเป็น สามีและพ่อของลูก มันก็ต้องคิดละเอียดขึ้นในทุก ๆ เรื่อง ทุกวันนี้ก็ยังคุย และคบกับเจมส์เป็นแฟนเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าหน้าที่การงานอาจจะมา แทรกแซงชีวิตของเรา 2 คนมากขึ้น จากเดิมเจมส์เป็นผู้บริหารมีงานประจำ ตอนนี้เขาก็หันมามุ่งงานเบื้องหน้าเยอะ เพราะฉะนั้นเวลาของเขาจะหมด ไปกับงานละคร

ก่อนหน้านี้เหมือนจะแต่งงานเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่จู่ ๆ ก็ไม่มี กำหนดงานแต่ง เลยทำให้สื่อจับตามองเยอะ

เอ๊ะว่าเราพลาดตรงที่ไปพูดกะเกณฑ์เวลามากเกินไป พอถึงเวลา ก็ไม่ได้ เตรียมอะไรเลย เราต่างคนก็ต่างเรื่อยเจื้อย เรา 2 คน ไม่ค่อยได้ให้ ความสำคัญว่าเรื่องแต่งงานต้องมาอันดับหนึ่ง ก็เอาเรื่องอื่นมาแทนก่อน ตลอดเวลา

ก็เบื่อนะ เอาง่าย ๆ คือ เอ๊ะกับเจมส์คบกันมา 12 ปี ช่วงที่คบกัน 2-3 ปีแรก คนก็ถามแล้วว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน เอ๊ะถูกถามเรื่องนี้มาจะ 10 ปีแล้ว ทุกคนบีบบังคับให้แต่งงานมาก บางทีก็อึดอัดนะ ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เพราะยังไม่ได้มีกำหนดที่แน่นอน ก็เลยเป็นที่มาของข่าวลือต่าง ๆ และโดนจับผิด เหมือนกับคอยดูว่าทำไมไม่ออกงานคู่กัน เจมส์ไปที่นั่นกับคนนั้นคนนี้ ซึ่งเวลามีข่าวถามว่ากระทบเรามั้ย ก็กระทบความรู้สึกนะ แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้เราเลิกกัน

มีข่าวแบบนี้ออกมาทำให้ความมั่นใจที่มีต่อตัวเจมส์
สั่นคลอนบ้างหรือเปล่า

ไม่นะ เอาจริง ๆ แบบแฟร์ ๆ เอ๊ะว่าผู้ชายทุกคนเจ้าชู้หมด มันอยู่ที่ว่า ผู้หญิงคนนั้นสามารถจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เอ๊ะเองมองว่า ณ วันนี้เรายัง ไม่ได้แต่งงานกัน เขายังไม่ได้เป็นของเอ๊ะ เอ๊ะยังไม่ได้เป็นของเขา ฉะนั้น ต่างคนต่างก็มีอิสระมากพอที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้เกียรติกัน จนไปทำอะไรที่น่าเกลียดนะ เราต้องให้เกียรติเขา เขาจะเกรงใจเราเอง

ก็คุยนะ ปัจจุบันยังไปเข้าคอร์สชีวิตคู่ เราเรียนบทที่ 4 อยู่ 1 ปี ตอนนี้ขึ้น บทที่ 5 แล้ว ความตั้งใจของเรา 2 คนยังไงก็ต้องเคลียร์ให้จบบทที่ 12 ให้ได้ ก่อนแต่งงาน เริ่มกลับมาจริงจังกับการเรียนแล้ว สิ่งที่เราเรียนเหมือนเป็น การซ้อมใหญ่ว่าจะเจออะไรกันบ้าง เป็นการจูนความคิดให้เข้าหากันมากขึ้น เวลาที่เรียนเราต้องพูดความจริงทั้งหมด มีอะไรค้างคาหรือไม่พอใจ ก็จะพูดกันที่ห้องเรียน ตั้งแต่เรื่องเงินไปจนถึงเรื่องการบริหารครอบครัว

สิ่งที่เขาทำมาตลอดเป็นระยะเวลา 12 ปี เป็นคำมั่นสัญญาที่ดี เขาขยันทำงาน และมองไปในวันข้างหน้า ทุกวันนี้ที่ทำงานที่เหนื่อยเขาก็ทำเพื่ออนาคต เอ๊ะว่าเขาพร้อมในการเป็นหัวหน้าครอบครัวและเป็นพ่อที่ดี ซึ่งเขาก็ไม่เคย ทำให้เอ๊ะต้องเสียใจหรือเสียน้ำตา แม้กระทั่งเรื่องผู้หญิง ก็ไม่เคยมีมา ทำร้ายจิตใจเรา

ได้กำหนดไว้มั้ยว่าอีกนานแค่ไหนจะแต่งงานกัน

เรียนจบหลักสูตรการใช้ชีวิตคู่เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ต้องดูก่อนว่าเราจะไปกัน รอดมั้ยถึงจะแต่ง เพราะจริง ๆ ก็มีอีกหลายเรื่องที่เราต้องจูนกันอีกเยอะ ครอบครัวเรา 2 คนเลี้ยงดูต่างกัน เราก็มีวิธีการคิดที่ต่างกัน เราก็ต้องชั่ง น้ำหนักกันว่าเราจะยอมรับกันได้มั้ย  ถามว่าคนที่เราจะแต่งงานด้วย ยังเป็นเจมส์มั้ย ก็ต้องเรียนให้จบบทที่ 12 ถึงจะได้คำตอบ ก็มีหลายคู่ที่ เรียนแล้ว จบด้วยการแยกกัน ซึ่งเอ๊ะก็ไม่รู้คำตอบว่าหลังจากที่เราเรียนกัน จบแล้ว คำตอบจะเป็นคนนี้หรือไม่ใช่ แต่ในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ก็เป็นเจมส์นะ

เคยคุยกันเผื่อมั้ย ถ้าสมมุติเรียนจบแล้วไปด้วยกันไม่ได้ จะเป็นยังไง

มีคุยกันไว้นะว่าถ้าไม่ใช่จะทำยังไง แต่งไปก็ต้องหย่าอยู่ดี ก็คิดได้ หลายอย่าง สมมุติถ้าเราต้องเลิกกัน และไปเริ่มต้นคบคนใหม่ ก็คงเจอปัญหา ที่ไม่ต่างกับคนนี้หรอก เราอุตส่าห์ใช้เวลาร่วมกันมา 12 ปีแล้ว เราจะปล่อยทิ้งไปเฉย ๆ มันก็น่าเสียดาย สิ่งที่เราทำได้ก็คือต้องจูนหากัน ให้ได้มากที่สุด เพราะเราก็ไม่คิดที่จะมองหาใครใหม่นะ

อยากฝากบอกอะไรกับแฟนคลับที่คอยติดตามข่าวของเรา

ตอนนี้สถานะก็ยังเป็นแฟนกัน ไม่ต้องตกใจกับกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะเดี๋ยวนี้ข่าวที่ไม่จริง อยากให้เลือกบริโภคข่าวนิดหนึ่ง ถ้ามีอะไร ก็ขอให้ฟังจากปากของเรา 2 คน เราไม่สร้างภาพหรือโกหกแน่นอน.