ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2546 ขณะที่ “ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล” เตรียมการถ่ายทำ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” (ภาค 1) ที่ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี เขารับราชการอยู่ที่กองพันทหารม้าที่ 19 ค่ายสุรสีห์ จึงได้รับการแนะนำจากนายทหารประจำหน่วย ให้เข้าร่วมการคัดเลือกนักแสดง ด้วยองค์ประกอบที่สำคัญหลายด้าน ทั้งความเป็นทหารตลอดจนรูปร่างหน้าตาและบุคลิกลักษณะท
ี่เหมาะสมที่สุด รวมถึงความสามารถที่โดดเด่นในช่วงทดสอบการแสดง ในที่สุดเขาจึงได้รับเลือกให้เป็นผู้รับบทสำคัญที่สุดในภาพยนตร์แห่งสยาม ประเทศเรื่องนี้

และนี่คือที่มาของ “ผู้พันเบิร์ด” นักแสดงที่ไม่ธรรมดา ปัจจุบันนี้
รับราชการ ในตำแหน่ง หัวหน้าแผนกปฏิบัติการจิตวิทยา กองจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารบก เพื่อเป็นเกียรติกับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ” (ภาค 3) ที่กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เร็ว ๆ นี้ เราก็เลยมานั่งคุยกับ “ผู้พันเบิร์ด” ตัวจริงเสียงจริง เรียกว่านาน ๆ จะมีโอกาสแบบนี้สักที เพราะผู้พันไม่ค่อยมีเวลา ภารกิจเยอะ

เริ่มคุยเลยดีกว่า ..ชีวิตจริงเป็นทหาร พอมาเป็นนักแสดง “ผู้พันเบิร์ด” ต้องปรับตัวยังไงบ้าง

“ผมก็ใช้ความตั้งใจ ความมีวินัยความอดทนจากการเป็นทหาร มาใช้กับ การแสดง และการฝึกฝนการแสดงเพราะผมคิดว่าทหารและ นักแสดง ไม่ต่างกันเลย นักแสดงทุกท่านสามารถเป็นทหารได้ เพราะก็ต้องใช้ ความมีวินัย, ตรงต่อเวลาและความอดทนเหมือนกัน ในขณะเดียวกัน ทหารก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง แม้ว่าจะฝืนความรู้สึกและไม่ได้รับความสะดวก สบาย แต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็ต้องทำ เช่นเดียวกับนักแสดงที่ต้อง สวมบทบาทในการแสดง”

“การแสดงเป็นเรื่องยากสำหรับผมอยู่แล้ว แต่ผมมั่นใจและเชื่อมั่นครับว่า ท่านมุ้ยจะสามารถทำให้ผมถ่ายทอดการแสดงออกมาได้ ท่านมีหลากหลาย กุศโลบาย”

แน่นอน..พอมีชื่อเสียง ใคร ๆ ก็รู้จัก ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อย แค่ไหน

“ก็คงเป็นทำนองที่ท่านมุ้ยกำกับถึงจะเล่น และก็คงต้องผ่านการพิจารณา จากผู้บังคับบัญชาทางกองทัพด้วยครับ” โดยส่วนตัว ผู้พันเบิร์ด ศรัทธาในองค์สมเด็จพระนเรศวรฯ อยู่แล้วด้วยใช่มั้ย “แน่นอนครับ ทหารทุกคนนับถือสมเด็จพระนเรศวรเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ และแบบอย่างในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ยิ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง หรือต้องการกำลังใจ ไปดูเถอะครับ แทบทุกคนต้องมีพระองค์ท่านติดตัว โดยเฉพาะทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน”

“ยากก็เรื่องการแสดงนี่แหละครับ ส่วนเรื่องที่ง่ายก็คือทำตามที่ท่านมุ้ยบอก ทุกอย่าง ก็จะง่ายเอง ยิ่งเรื่องการฝึกซ้อมผมยิ่งชอบครับเพราะสนุก ตลอดระยะเวลา 9 ปี ผมจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้ฝึกซ้อมการแสดง และถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้” ไปไหนมาไหน มีคนทักว่ายังไง “เรียกผู้พันเบิร์ด บางครั้งก็พระนเรศวรครับ แต่เราจะไปเทียบกับ พระองค์ท่านไม่ได้ครับ ก็อยากให้เรียกผม ผู้พันเบิร์ดครับ และผมก็อยากให้จดจำผมว่าเป็นทหารของกองทัพบกไทยมากกว่า เพราะนั่นคือตัวผมจริง ๆ”

อยากรู้จัง! ตัวตนจริง ๆ ของ “ผู้พันเบิร์ด” เป็นยังไง

“ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ เป็นคนเงียบ ๆ รักความสงบ แต่จริง ๆ แล้วอยากให้คนอื่นมองมากกว่าครับ เพราะตัวเราเองไม่สามารถจะพิจารณา ความดีความชอบของตัวเองได้”

“รู้สึกว่าชีวิตมีความมั่นคงด้านจิตใจขึ้น เพราะผมเป็นคนที่อยากสร้าง ครอบครัวอยู่แล้ว ตอนนี้แต่งงานมีภรรยาแล้ว ก็อยากมีลูกเพื่อให้ ครอบครัวสมบูรณ์ขึ้นครับ”

“ตอนนี้ภรรยาผม (ปาม-วรินยา) ออกมาทำธุรกิจเล็ก ๆ กับคุณนพชัย ชัยนาม แบบคนกันเอง เพื่อจะได้มีเวลาดูแลครอบครัว ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ โปรดักชั่น เฮาส์ ผลิตรายการและสื่อโฆษณาต่าง ๆ ส่วนตัวผมอนาคต อยากทำคอกม้า กับทีมนักแสดงตำนานสมเด็จพระนเรศวร ที่กาญจนบุรี เพื่อเป็นสถานที่ฝึกขี่ม้า สำหรับนักแสดงและบุคคลทั่วไป รวมถึงรองรับ ละครและภาพยนตร์ที่มีฉากขี่ม้า หรือคิวบู๊ที่ต้องใช้ม้าในเรื่องด้วยครับ ที่สำคัญผมอยากให้เป็นสถานที่ที่นักแสดงตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ จะได้มีโอกาสมาเจอกัน หลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วครับ”

เป็นไงคะ ..หวังว่าคงจะถูกใจแฟน ๆ ที่ชื่นชอบ “ผู้พันเบิร์ด” ชายชาติทหาร ที่ไม่เคยคาดคิดว่า จะได้เข้ามาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม โดยเฉพาะใน ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่อลังการ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ” ถือเป็นเกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของ “ผู้พันเบิร์ด–พ.ท.วันชนะ สวัสดี” ทหารของประเทศสยาม.