ถาม

“ตอนนี้คริสเป็นดีเจที่แฟตเรดิโอค่ะ แล้วก็มีรายการ “ซิสเตอร์เดย์” ทางช่อง 5 มีภาพยนตร์ “ฝนตกขึ้นฟ้า” ของพี่ ต้อม-เป็นเอก เพิ่งถ่าย เสร็จไป ประมาณกลางปีน่าจะได้เห็นกัน ซึ่งเรื่องนี้จะฉีกแนวเป็นดราม่า ไปเลย แล้วสไตล์ของผู้กำกับก็จะทำหนังไม่เหมือนใครอยู่แล้ว ถ้าเขาติดต่อมาให้คริสเป็นก้อนหินก็คงเล่น (หัวเราะ) เพราะเขาเป็นผู้กำกับที่เก่งมาก ดีใจที่ได้ร่วมงานกับเขาสักครั้งหนึ่ง”

“จริง ๆ เคยกดดัน แต่ว่ามันทำให้เราคิดได้ว่าจะกดดันทำไม ในเมื่อเราไม่สามารถควบคุมมันได้ เพราะบางทีีเราคิดว่าหนังมันดี แต่คนอื่นอาจจะไม่คิดว่ามันดี หรือเราคิดว่ามันดี แต่มันไม่ดัง คนไม่ออกมาดู คือมันมีส่วนประกอบหลายอย่างมาก เลยเลิกคิดเรื่อง พวกนั้น เราก็หันมาสนใจว่าเราทำหน้าที่นักแสดงให้ดีที่สุด เพราะถึงตอนขายตั๋วเราก็ไม่มีส่วนตรงนั้นแล้ว”

จะมีโอกาสได้เห็นงานละครบ้างไหม?

“งานละครยังค่ะ มีคุย ๆ มีติดต่อบ้าง แต่น่าจะยัง เพราะคริสเพิ่งเล่นหนัง ไม่กี่คาแรกเตอร์เอง อยากเก็บเกี่ยวความรู้จากตรงนี้ก่อน อีกอย่างหนึ่ง คนที่เล่นละครเขาจะเล่าให้ฟังว่า ละครมีกล้อง 4-5 ตัว พอกดบันทึกปุ๊บ น้ำตาต้องไหลเลย คือถ้ามา 5-4-3-2 แล้วร้องไห้ คริสยังสั่งหนังตา ให้กระตุกไม่ได้จริง ๆ แล้วทุกคนที่อยู่ในละครหน้าเขาสวยมาก แล้วหน้าคริสแบน ตาก็ตี่ อย่างนี้คิดดู”

เห็นว่าหันมาจัับธุรกิจส่วนตัวหลายอย่างเหมือนกัน?

“คุยกับแก๊งซิสเตอร์เดย์สักพักแล้วว่าอยากทำอะไรด้วยกัน แล้วคริสพูดขึ้น มาว่าอยากทำร้านเล็บ พอดีเราไปได้ที่ตรงร้านแมนชั่น 7 รัชดาพอดี ก็เลยเปิด ส่วนอีกอันเป็นสิ่งที่อยากทำมานาน เพราะบ้านคริสนำเข้า เครื่องหนังและพวกซิป ตอนนี้เลยทำกระเป๋าหนังชื่ิอ “ซีเคร็ตเวพอน” เพิ่งเปิดมา 3-4 เดือน มีเว็บไซต์ด้วยชื่อ www.secretweaponlab.com ค่ะ”

ปีที่ผ่านมาคริสฮอตมาก คิดว่าเป็นปีทองของเราไหม?

“คริสว่ามันเป็นปีทองทุกปีนะ ปีที่แล้วจะมาทางฝั่งบันเทิง แต่ก่อนหน้านั้น คริสก็สอนเต้น จนมีนักเรียนถึง 300 คน คือคริสถือว่ามันเหมือนชีวิต คนละชีวิตกัน คือมันประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่ขึ้นอยู่กับคนจะมอง มุมไหน มันไม่ได้หมายความว่าเรามีเงิน 150 ล้าน แล้วจะมีความสุข บางคนเขามีตังค์ในธนาคารแค่หมื่ืนเดียวเขาก็มีความสุขแล้ว”

“ถ้ามีข่าวก็แปลว่าเขายังสนใจเราอยู่นะ แต่คือช่วงที่พลอยเป็นนักร้อง คริสก็ไม่ได้ทำงานตรงนี้ คือมันไม่เกี่ยวหรอกค่ะว่าทำเยอะทำน้อย เพราะเราไม่ได้คิดจะแข่งขันอยู่แล้ว และพลอยกับคริสก็คนละคาแรกเตอร์ กัน”

มีคติที่ใช้ในการทำงานยังไงบ้าง?

“อย่าแข่งกันกับคนอื่นแล้วเราจะไม่เป็นทุกข์ คือถ้าเราคิดว่าเราต้อง เจ๋งกว่าคนนี้ ต้องสวยกว่าคนนี้ ต้องเฉิดฉายกว่าคนนี้ เราจะไม่มีความสุข ถ้าเราไม่คิดจะแข่งขันกับใครเราก็ไม่มีวันแพ้ ถ้าเราทำดีที่สุดของเราแล้ว เราก็ชนะตัวเอง อีกอย่างหนึ่งก็ไม่มีใครหรอกที่จะชนะได้ตลอดไป”

“ปกติค่ะ ราบรื่น เรื่อย  ๆ คริสไม่รู้ว่าจะปิดทำไม เพราะทุกคนรู้อยู่แล้ว
จริง ๆ ก็อยากตอบแบบดารานะ (หัวเราะ) แต่ก่อนที่คริสจะมาอยู่ตรงนี้ เราเป็นคนธรรมดามาก่อน เคยดูรายการบันเทิงก็รู้สึกว่าจะตอบทำไม ว่าเป็นเพื่อนสนิท เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นแฟนกัน คริสเลยคิดว่าตอบไปเหอะ ขี้เกียจโกหก เดี๋ยวจำไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วชีวิตจะลำบาก เพราะถ้าไปกินข้าวด้วยกัน มีคนถ่ายรูปตอนนั่งจับมือ เดี๋ยวก็ต้องมานั่งแก้ตัวอีก คือพอเราตอบแบบนี้ไปแล้ว จะอุ้มหรือขี่คอกันก็ไม่มีใครว่า”

แต่จู่ ๆ มีข่าวว่าเลิกกัน?

“คริสไม่ได้เป็นคนหวือหวาอะไรอยู่แล้ว ตัวเขาก็ไม่ได้เป็นคนหวือหวา คนเลยไม่ค่อยเห็นว่าไปไหนด้วยกัน แต่จริง ๆ ก็ไป ยังเจอกันเหมือนเดิม ส่วนถามว่ามีทะเลาะกันบ้างมั้ย มันมีอยู่แล้ว แต่เรื่องติ๊งต๊องมาก เหมือนทุกคู่ อย่างเรื่องแบบกินข้าวร้านไหนอะไรแบบนี้ มันต้องมีบ้างแต่มันก็ไม่มีอะไร”

“คริสเป็นผู้หญิงธรรมดาแหละ ที่อยากให้แฟนโรแมนติกกับเราบ้าง แต่แฟนทุกคนที่่ผ่านมาในชีวิต ไม่มีใครโรแมนติกกับคริสเลย เขาคงคิดว่า เราไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้น แต่จริง ๆ ก็เป็นสิ่งเล็กน้อยนะ (หัวเราะ) อย่างถ้าวันไหนคริสทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ ถ้าเขามารับแล้วยื่นของให้ว่า “ซื้อขนมมาฝากเผื่อหิว” แค่นี้ก็โรแมนติกสำหรับเราแล้ว แค่นี้ก็น่ารักแล้ว”

คบกันมาปีกว่า ๆ ประทับใจอะไรในตัวเขา?

“จริง ๆ ตั้งแต่รู้จักมา 8-9 ปี เขาก็เป็นคนไม่ขี้อวด ติดดิน นิสัยดี เพื่อนรัก เขาก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว แต่ตอนนั้นเป็นเพื่อนกัน ก็ไปเที่ยว ๆ กินข้าวกันกับแก๊งใหญ่ ๆ พอวันนี้เขาโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เราก็ภูมิใจ”

จริง ๆ มีสเปกมั้ย?

“ชีวิตคริสไม่เคยมีผู้ชายหน้าตาโซนเดียวกันเลย (หัวเราะ) เคยคิดกับตัวเอง ตอนเด็ก ๆ ว่ามีคนที่ฮอตที่สุดในโรงเรียนมาจีบ แล้วเราไม่สวย แต่เขาฮอตมาก เราคิดว่าไม่เอาดีกว่า หนึ่งเดี๋ยวโดนแย่งด้วย เพราะผู้หญิงสวยเยอะมาก สองคือเขาต้องไม่รักเราจริง แต่คือไม่ใช่ เลือกเฉพาะคนหน้าตาไม่หล่อนะ แต่เราต้องเลือกคนที่นิสัยดีก่อน”

คิดเรื่องอนาคตบ้างหรือยัง?

“ปีนี้คริสไปงานแต่งงาน 4 งานแล้ว จะรีบแต่งกันไปไหน (หัวเราะ) แล้วทุกคนก็ยุว่าแต่งได้แล้ว ๆ คริสบอกยังไม่มีใครขอเลย แล้วก็ยังนึกว่า พอแต่งงานแล้วชีวิตจะเปลี่ยนหรือเปล่า แล้วมีลูกเหรอ คือคริสว่าคริสยังไม่ ถึงขั้นนั้น ตอนเด็ก ๆ คิดว่าอายุสัก 28-29 จะแต่งงาน แล้วมีลูกตอนอายุ 31 แต่ตอนนี้ถึงช่วงเวลานั้นแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้คือคิดว่าเร็วไปแล้ว สำหรับเรา”

“ไม่เปลี่ยน ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว เราอกหักมาหลายทีแล้วเหมือนกัน แต่คริสก็ได้เรียนรู้มาว่าห้ามเปรียบเทียบ นายเอ กับนายบี อาจจะดี คนละอย่าง แต่อย่าไปเปรียบว่า นายเอเคยทำแบบนี้ ๆ ให้ ทำไมคนนี้ไม่ทำให้ คือเราไม่มีทางเอาทุกคนมารวมกันได้ มันอาจจะผิดที่เราก็ได้ ที่คาดหวังมากเกินไป”