Top
สัมภาษณ์ดารา ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล

 

'ปุ๊กลุก' ถึงแรง แต่จริงใจ ไม่เฟค

เดินเข้าวงการมาด้วยการเป็นนางงามจากเวที “มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส”
และไปคว้าตำแหน่งสำคัญบนเวทีระดับโลกอย่าง “มิสยูนิเวิร์ส” มา
เลยทำให้ชื่อของปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล เป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว
แถมเธอยังกลายเป็นสาวฮอตที่มีงานละครชุกคิวถ่ายแน่นถึง 7 วัน
บวกกับข่าวคราวที่มีให้เห็นไม่ขาดบนสื่อทั้งเรื่องการคบหากับ วีรภาพ สุภาพไพบูลย์
และเรื่องบุคลิกของเธอที่ใคร ๆ ก็ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “เธอแรง”

งานนี้ “ดาวต่างมุม” เลยอาสาไปเจาะลึกความเป็นตัวตนของปุ๊กลุกกันซะหน่อย


ที่มา : เดลินิวส์

 
 


ถาม

เข้าวงการมาไม่นานแต่งานแน่นเชียว?

 

ก็ดีใจค่ะ ซึ่งเราก็ต้องกตัญญูต่อผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสมากๆ หนูเชื่อว่า
หลาย ๆ คนมีความฝัน แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้มาสัมผัส
ตรงจุดนี้ ก็ดีใจมากและต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่มองเห็นความสามารถ
ของเรา ตัวหนูแม้จะมีข่าวอะไรก็ตาม หนูจะบอกผู้ใหญ่ของช่อง 7 เสมอว่าหนูมั่นใจและสัญญาว่าจะซื่อสัตย์และทำหน้าที่ด้านการแสดง
ให้เต็มที่ มากที่สุดค่ะ

ถาม

ฉายแววการเป็นนักแสดงตั้งแต่ตอนไหน?

 

ตอนที่หนูสมัครประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส หนูเขียนในใบสมัคร ว่ามีความสามารถพิเศษเยอะมาก เพราะเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรม ตั้งแต่เด็กๆ ตอนเด็กเราก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เรารักคือการแสดง เรามาเริ่มสังเกต เราชอบที่จะทำสิ่งหนึ่งแล้วมีคนมองเราหรือมีรอยยิ้ม กลับมา ก็เลยชอบการแสดงออก และลองไปเรียนการแสดงดู ได้เห็นการ พัฒนา ที่เห็นชัดเลยคือบุคลิกจะดีขึ้น หรือการวางตัวในสังคมที่เป็นผู้ใหญ่ มากขึ้น มันเหมือนเราก้าวเข้าไปทำงานก่อนเพื่อน ๆ เลยคิดว่านี่แหละ ที่เราสั่งสมประสบการณ์ตั้งแต่อนุบาลจนถึงทุกวันนี้คือ อาชีพของเรา คือนักแสดงค่ะ



ถาม

ครอบครัวสนับสนุนหรือเปล่า?

 

ไม่เลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียนอย่างเดียว ไม่อยากให้ทำกิจกรรมเลย ทุกคนในบ้านไม่มีใครสนับสนุนเลย อย่างพี่สาวจะเรียบร้อยมาก แต่หนูนี่ตรงข้ามเลย ไปทำกิจกรรมที่เขาไม่ให้ทำ คุณพ่อคุณแม่เลยขู่ว่า ถ้าทำกิจกรรมแล้วผลการเรียนแย่ลงจะไม่ให้ทำ เราก็เลยฝ่าฟันมา ได้เกรดเฉลี่ย 3.5 ตลอด ไม่เคยต่ำกว่านี้เลย พิสูจน์จนเขาเห็น ก็เลยยอม เพราะคงฝืนเราไม่ได้จริงๆ ตอนเด็กขอเรียนร้องเพลง เรียนเต้น เรียนการแสดง ก็ไม่ได้ หนูต้องเก็บเงินโดยเอาเสื้อผ้าเก่าไปเปิดท้าย ขายกับเพื่อน เอาเงินไปเรียนการแสดง ส่วนเรื่องเต้นไปเข้าชมรม ของโรงเรียนตั้งแต่ ม.1 เลย มีไปฝึกกับพี่ที่เก่งๆ จนเรามีพื้นฐานด้าน การเต้นไปโดยไม่รู้ตัว เวลามีคอนเสิร์ตลูกทุ่งเราก็ชอบดู ชอบเต้นตาม จนแม่ถามว่าเป็นอะไร ก็บอกไปว่าชอบเต้น แต่คุณแม่ก็ไม่ได้สนับสนุน เพราะกลัวเราเป็นเด็กที่กล้าแสดงออกมากเกินไปในสังคมสมัยนั้น ที่ยังไม่ได้เปิดกว้างในเรื่องการทำกิจกรรมสักเท่าไรค่ะ

ถาม

ทางบ้านเข้มงวดอะไรเป็นพิเศษไหม?

 

เรื่องเรียนค่ะ และก็มีเรื่องการคบหาเพศตรงข้าม คุณแม่ขู่ว่าถ้ามีแฟน ตอนเรียนก็จะไม่ให้เรียนเลย เพราะเขากลัวเราดูแลตัวเองไม่ได้ ด้วยความที่อยู่โรงเรียนเป็นเด็กกิจกรรม หนุ่ม ๆ จะคิดว่าถ้าได้เป็น แฟนเราคงเจ๋งไปเลย ซึ่งก็มีคนที่เข้ามาจีบเหมือนกัน บางคนเข้ามา ขอเบอร์เลย เราก็เดินหนี เพราะรู้สึกว่าเขาชอบเราที่ภายนอก แต่ไม่ได้รู้จักตัวตนของเราเลย ส่วนใหญ่เวลาเรารู้สึกดี ๆ กับใคร มันจะมาจากการเป็นเพื่อนกัน และเข้าใจเราในฐานะที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน หนูรู้สึกว่ามันมาจากข้างในจริง ๆ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนหรือไม่ได้เป็น เพื่อนในห้องเรียนก็จะไม่คุยด้วยเลยค่ะ





ถาม

ตอนนี้มีข่าวกับพี่วี ทำให้ปิดตัวเองไม่มองใครหรือเปล่า?

จริง ๆ แล้วเวลาหนูเดินจะไม่ค่อยมองใครอยู่แล้ว จะไม่รู้ว่าผู้ชายหน้าตา แบบไหนเดินผ่านมา แต่เพื่อนข้าง ๆ จะ โอ้โห คนนี้น่ารัก ซึ่งเราไม่เคย มองเลย เพราะคิดว่าการที่ไปมองเขามันอาจทำให้เขาคิดว่าเราไปสนใจ เขาหรือเปล่า ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ คุยได้ก็คุย แต่ถ้าใครเริ่มเยอะแล้ว ก็จะตอกกลับไปเลยว่าอะไรเนี่ย เข้ามาเพราะอะไร หนูจะพูดอย่างนี้ไปเลย ส่วนตัวพี่วีก็เข้ามาจากการทำงานมากกว่า ไม่ได้เข้ามาในเชิงจีบ ถ้ามาจีบก็คงไม่สนใจ เพราะแสดงว่าชอบเราที่ภายนอกมากกว่า

ถาม  ภาพของวีดูเป็นคาสโนว่า ทำไมจึงลองคบกับเขาดูล่ะ?

เราเริ่มมาจากการทำงานร่วมกัน ใครที่รู้จักพี่วีจริงจะรู้ว่าพี่วีเป็นผู้ใหญ่มาก มีความคิดที่ไปไกลมาก เช่น เขาวางแผนเลยว่าบั้นปลายชีวิตจะไปทำอะไร มีเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วยังวางเป้าหมายให้เราด้วย เพราะเขาประสบ ความสำเร็จแล้ว พี่เขายังย้ำว่าต้องทำให้ได้ มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเขาทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ เขาจะให้แง่คิดตลอด อย่างเวลามีข่าวอะไรเข้ามา แรก ๆ หนูก็เสียใจร้องไห้ เห็นคอมเมนต์ในอินเทอร์เน็ตแรงมาก เขาบอกว่า คนที่อยู่ตรงนี้ได้ต้องเข้มแข็งและหนักแน่น แม้เราจะเป็นคนของประชาชน แล้ว แต่เราก็ควรเลือกฟังความเห็นที่มันเป็นไปได้แบบติเพื่อก่อ ไม่ใช่ติ เพราะไม่ชอบเรา ข่าวมันผ่านมาก็ผ่านไป อย่าไปยึดติดกับมัน ตัวเราเอง เท่านั้นที่จะต้องอยู่ตรงนี้ให้ได้ พี่วีจะคอยให้กำลังใจตลอด เพราะเขาอยู่ ตรงนี้มากว่า 10 ปีแล้ว เวลาหนูท้อก็จะได้แง่คิดจากพี่เขาตลอดค่ะ

ถาม

แสดงว่าภาพของปุ๊กลุกที่คนเห็นกัน ตัวจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย?

 

ไม่เหมือนค่ะ ในความคิดของหนูภาพของคนในวงการบันเทิงทุกคนจะ มีอิมเมจที่แตกต่างกัน อย่างพี่วีเป็นคาสโนว่า ส่วนหนูเป็นสาวมั่น สาวแรง ซึ่งมีไม่กี่คนหรอกที่จะเข้ามาพูดคุยแล้วรู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน หนูยังเชื่อว่าผู้ชายทุกคนมีสิทธิที่จะเลือก ผู้หญิงก็เช่นกันมีสิทธิที่จะเลือกคน ที่จะใช้ชีวิตกับเขาได้นานๆ ตัวพี่วีเองมีผู้หญิงผ่านมา แล้วถ้าไม่ใช่ก็ผ่านไป มีโอกาสได้เจอคนใหม่ที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่อีกก็ผ่านไป มันไม่เห็นมีอะไร ต้องยื้อกัน ก็เลยเป็นภาพว่าเขาเป็นคาสโนว่าหรือเปล่า ซึ่งหนูรู้สึกว่า เราอยู่ใน จุดที่มันสูง เราก็ต้องเลือกเยอะเป็นธรรมดา และหนูคิดว่าเราอยู่ ตรงจุดนี้ ด้วยกันและเข้าใจกันมากกว่า ไม่ได้คิดว่าเขาคบแล้วก็ทิ้ง แต่แค่คบกันแล้ว มันไม่ใช่ วันหนึ่งถ้าหนูกับพี่วีคุยกันแล้วมันไม่ใช่ เราก็อาจหันหลังให้กัน แต่ก็ยังเป็นพี่น้องกันได้ มันเป็นธรรมชาติของ มนุษย์ทุกคน บังเอิญว่า ภาพของหนูกับพี่วีมันมีอิมเมจที่ชัดเจนค่ะ เห็นข่าวของเขาตามสื่อว่าเป็น คาสโนว่า เลยคิดว่าเจ้าชู้แน่นอน แต่พอได้พูดคุยกับพี่เขา เรารู้สึกว่าเราแอบ ดูถูกเขาไปนิดนึง เพราะจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้เจ้าชู้นะ





ถาม

คบกับวีทางบ้านว่ายังไงบ้าง?

ตอนแรกมีผลกระทบหลายอย่างเหมือนกัน ด้วยความที่ละครเรื่องแรก เล่นกับพี่วีด้วย มันต้องมีฉากกอดหอม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพี่วีหรือเป็นใคร คุณพ่อคุณแม่ก็จะรับไม่ได้อยู่แล้ว เคยคุยกันเรื่องอยากเป็นนักแสดง คุณแม่บอกอย่าไปเล่นเลย เป็นผู้หญิงมันเปลืองตัวนะลูก ให้เขามากอด มาหอม เราก็บอกแม่ว่ามันเป็นแค่การแสดง ตอนนี้เขาก็รับได้แล้ว แต่ตอนแรกพอรู้ว่าเป็นพี่วี แม่ก็เป็นห่วง คิดว่าพระเอกเขาก็ต้องอยาก หอมลูกแน่ ๆเลย เราเลยอธิบายว่าพี่วีเขาอยู่ตรงนี้มาเป็นสิบ ๆ ปี การแสดงก็คือการแสดง ส่วนตัวคุณพ่อก็จะหวงลูกสาวเหมือนกัน ยิ่งเห็น ข่าวพี่วีเป็นคาสโนว่าด้วย เลยมาเตือนว่าผู้ชายเจ้าชู้จะทำหนูเจ็บนะลูก ก็บอกพ่อไปว่าหนูคุยอยู่ห่าง ๆ ค่ะและตัวตนจริง ๆพี่วีอาจไม่ได้เป็น แบบนั้นก็ได้ หนูเป็นคนที่สัมผัสกับเขาจริง ๆ ให้พ่อเชื่อใจหนูสิ เคยเล่าให้ คุณพ่อฟังว่าเวลาเราท้อ พี่วีก็ได้ให้แง่คิดต่าง ๆ ทำให้คุณพ่อคุณแม่เริ่ม เข้าใจมากขึ้นค่ะ

ถาม  เป็นคู่หวานหรือคู่ลุย?

ความจริงก็มีทุกรูปแบบค่ะ อยู่ด้วยกันจะกวนกันมากกว่า ถ้าเป็นผู้หญิง คนอื่นเริ่มต้นหลายคนอาจจะดูเรียบร้อย แต่หนูไม่  เรียกว่ารับฉันได้ก็รับ ส่วนเขาก็มาแนวเดียวกัน คือรับได้ก็รับ ใส่รองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น มากินข้าวในร้านอาหารหรูๆ ก็ดีนะ ไม่ต้องแคร์ดี ยิ่งตัวหนูเป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย ซึ่งส่วนมากคนที่เป็นดาราจะติดหรู แต่พี่วีกินร้านส้มตำข้างทาง กับหนูได้ ตัวเขาไม่กินเผ็ด ส่วนตัวหนูชอบกินเผ็ดมาก ตอนหลังเขาก็เริ่ม กินเผ็ดตามหนูได้บ้าง มันก็เลยเป็นจุดเล็ก ๆ ที่เริ่มคิด เริ่มคบ ไม่ได้หวานแหววเท่าไร พี่วีไม่ใช่เป็นคนโรแมนติกด้วยค่ะ

ถาม

ตอนนี้เรียกสถานะของคนสองคนว่ายังไงดี?

 

ถ้าเรายังไม่ได้มั่นใจมากจริง ๆ หนูก็ยังไม่อยากใช้คำว่าแฟน เพราะวันหนึ่ง เราอาจจะเข้ากันไม่ได้จริง ๆ เพราะคิดว่าขนาดคนที่แต่งงานแล้ว เขายังเลิกกันได้เลย หนูก็เลยยังไม่อยากใช้คำว่าแฟนตอนนี้ เพราะเรา 2 คนก็ยังไม่ได้มั่นใจว่าเราจะอยู่กันไปแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน ก็เลยรู้สึกว่า เป็นพี่ที่สนิทและคอยอยู่ดูแลกันแบบนี้ดีกว่า เพราะถ้าเราบอกว่าเป็น แฟนกัน วันหนึ่งอาจต้องแยกกันก็ต้องมาอธิบายสื่ออีกว่าเพราะอะไร ถึงเลิกกัน คือหนูไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคอยมาอธิบาย ถ้าเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ ก็เป็นพี่น้องห่าง ๆ กัน ดูแลกันห่าง ๆ จะได้ไม่ต้อง ออกมาพูดว่าเราเลิกกันนะ คือเราก็ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม แต่แค่ไม่มี เวลาให้กันเหมือนแต่ก่อน ถ้ามั่นใจจริง ๆ สัก 5 ปีค่อยมาตกลงว่า ใช้คำนี้นะคะ

ถาม

เป็นคนที่มีข่าวเยอะมากรู้สึกอย่างไรบ้าง?

 

ถ้าเป็นช่วงแรกที่เข้าวงการก็คงรับไม่ได้เลย ตอนนี้ก็เลยเลือกที่จะแคร์ คนที่สมควรแคร์มากกว่า อย่างตอนแรกที่มีคนมาต่อว่าทางเฟซบุ๊ก เราอยากจะโต้กลับว่ามันไม่ใช่ รู้สึกโมโหว่าทำไมถึงเข้าใจผิดแบบนี้ รู้จักเราดีแค่ไหนกัน ตอนหลังรู้สึกว่าถ้าเราจะไปว่าคนทุกคนที่มาว่าเรา เราคงเหนื่อยเอง เพราะฉะนั้นเราคุยเฉพาะคนที่หวังดีกับเราดีกว่า เราไปเสพสื่อดี ๆ ที่ให้กำลังใจเราดีกว่า อยากบอกว่าตอนแรก ๆ ช็อกเหมือนกัน ตั้งแต่ข่าวภาพหลุดกับพี่ชาคริต ภาพยกขาตอนประกวด แต่พออยู่วงการมากขึ้น เจอข่าวหนักๆ เราก็เหมือนมีภูมิมากขึ้น





ถาม

บางทีคำว่าแรงกับคำว่ามั่นใจก็มีเส้นแบ่งนิดเดียว?

หนูคิดว่าด้วยความที่เราเป็นเด็กกิจกรรมก็จะมีความมั่นใจอยู่แล้ว เพราะถ้าเราไม่มั่นใจเราคงไม่สามารถออกมาแสดงต่อหน้าคนหลายพันคนได้ หนูยืนยันว่าหนูเป็นคนจริงใจ ไม่เฟค เพราะหนูอยากอยู่วงการนี้ไปนานๆ เพราะเชื่อว่าคนที่อยู่วงการนี้ได้นานนั้นต้องซื่อสัตย์และเป็นตัวของตัวเอง หนูว่าถ้าวันนี้หนูผ่านจุดนี้ไปได้ คนจะรับในสิ่งที่หนูเป็นได้ อาจจะต้องมีการ ปรับปรุงนิดหน่อยถ้าตรงไหนดูแรงไป เราก็พร้อมปรับ อาจเป็นเพราะเราก้าว เข้ามาเป็นที่รู้จักเร็วกว่าคนอื่นในระยะเวลา 1 ปี ไปที่ไหนคนก็รู้จัก บางคนอยู่วงการมาตั้งนานแต่คนยังรู้จักน้อย หนูก็เลยมีคอมเมนต์มากหน่อย จากที่เคยมีคอมเมนต์จากคนรอบข้างแค่ 20-30 คน วันนี้มันมากถึง 60 ล้านคน ก็คงต้องปรับเปลี่ยนบ้าง แต่คงจะให้ถูกใจทุกคนคงจะไม่ได้ ตอนนี้ก็ ฟังความคิดเห็นจากคนรอบข้างที่เขาหวังดีกับเราจริงๆ ค่ะ เวลาตอบสื่อ มีอะไรก็ตอบหมด คุยกันก็รู้ว่าหนูเป็นคนยังไง หนูรู้ว่าสื่อมวลชนพยายาม นำเสนอในภาพที่เราเป็น แต่หนูก็รู้ว่าคนที่ได้เจอหนู เขาชื่นชมและภูมิใจ ในสิ่งที่เรามี ก็เลยไม่ได้แคร์ว่าคนที่ไม่รู้จักเราจะมองเรายังไง แต่หนูแคร์คนที่รู้จักเรามากกว่า

* ดูประวัติ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล

* ดูอัลบั้มรูป ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล

 


 
 

Box Office

เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.
เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.

บทสัมภาษณ์ทั้งหมด

 
ยังไม่มีข้อมูล
หน้าแรกย้อนกลับ [ 1 ] หน้าถัดไปหน้าสุดท้าย
 
 

ติดตามหนังดี : Youtube Instagram Facebook Twitter  

MMM Digital Asset Co.,Ltd.
109 อาคารซีซีที ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์
แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
Tel. 0-2234-7535    FAX. 0-2634-4269
E-mail: webmaster@nangdee.com   © 2006 nangdee.com
แผนที่ | sitemap | ติดต่อโฆษณา