ถาม

ปู-ไปรยา

มีงานละคร “ฉันรักเธอนะ” กับพี่สเตฟาน-ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ และ นิว-เชื้อชาติ วงศ์สวัสดิ์ เล่นเป็นฝาแฝดคนหนึ่งจะคู่กับพี่ฟาน อีกคนจะคู่กับพี่นิว เรื่องนี้หนักเหมือนกัน เพราะมีแทบทุกซีนเลย คนหนึ่งเป็นนักร้อง อีกคนเป็นคนหูหนวกแต่อยากเป็นซูเปอร์สตาร์ สนุกมาก ๆ เลยเรื่องนี้ การเล่นเป็นคนหูหนวกยากมาก อย่างมีคนพูดว่าวันนี้เพลียมาก นางเอกดันฟังเป็นว่า วันนี้อยากกินเบียร์มาก เป็นคนละเรื่องกันเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่อ่านบทจนน้ำตาไหล ตอนนี้เร่งถ่ายมาก ปูตื่นตี 3 ตี 4 ไปกอง ถ่ายวันละ 30 ซีน เหนื่อยมาก ปูทำงานมาตลอดตั้งแต่อายุ 13 ปี เรียนด้วยทำงานไปด้วยตลอด ไม่เคยได้ถ่ายวันละ 7-8 ซีนเลย 8 ปีที่ผ่านมาถ่ายละครวันละเป็นสิบ ๆ ซีนตลอด ปีหน้าถ้าปูเรียนจบปูจะรับงานละครปีละ 3-4 เรื่อง แล้วก็ถ่ายแบบสบาย ๆ อาทิตย์ละไม่กี่วันบ้าง

ถาม

ปู-ไปรยา

บ้านมีไว้อาบน้ำอย่างเดียว นอนบ้านแค่วันละ 3 ชม. เท่านั้น เครียดและเหนื่อยมาก ปูผมร่วงเป็นกระจุกต้องใส่ผมปลอม สาเหตุเกิดจากความเครียด ช่วงที่ไม่ค่อยเครียดผมก็เริ่มขึ้นมาบ้าง แต่ตอนนี้กลับมาเครียดอีกก็ร่วงอีก เป็นโรคกระเพาะด้วย ถามว่าการที่เราต้องมานั่งเจ็บป่วยแบบนี้มันคุ้มกับงานที่ทำหรือเปล่า ปูว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่ง่ายที่สุดแล้ว ตอนที่เรียนเมืองนอก เคยเป็นแคชเชียร์และเด็กเสิร์ฟบ้าง ปูรู้ว่าการทำงานในชีวิตจริงยากแค่ไหน อยู่เมืองไทยค่าตัวเราก็ดีนะ ปูคงไม่สามารถเป็นนางเอกได้ตลอดไป ดังนั้นช่วงนี้ปูทำได้ปูก็ได้เห็นคุณค่าของงานบันเทิงและใช้มันได้เต็มที่

กลับมาเมืองไทยมีช่วงเวลาได้พักบ้างมั้ย

ปูพูดกับเพื่อนว่าปูไม่เคยได้นวดตัวมา 4 ปีแล้ว หลังแข็งมาก วันก่อนอยู่กองถ่ายละครก็ก้มไม่ได้ พี่สเตฟานก็บอกว่าเธอเครียดมากเกินไป ต้องไปรีแล็กซ์บ้างนะ ตอนนี้ถ้ามีเวลาว่างก็จะว่ายน้ำหรือไม่ก็เล่นบาสเกตบอลกับน้อง พยายามใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ บางทีปูก็เศร้ากลับมาเมืองไทยไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัว พ่อแม่ก็ไม่พอใจที่เห็นเราทำงานหนัก อย่างวันแม่ที่ผ่านมาปูต้องรีบไปทำงาน แล้วกลับมาทานข้าวกับคุณแม่ เขาบอกว่าปีหน้าก็เรียนจบแล้ว ถ้าปูจะทำอาชีพอะไรก็แล้วแต่ปูเลือก แต่ปูก็คงทำงานในวงการเหมือนเดิม โอเคเราอาจจะเหนื่อย แต่เราแค่ได้พักนิดนึงเดี๋ยวก็หาย

เรื่องเรียนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

เรื่องสถานที่เรียนปูไม่ขอบอกจนกว่าจะจบ รู้แค่ว่าปูเรียนด้านกฎหมาย เรียนปีสุดท้ายแล้ว ปูเลือกเรียนวิชาเอกด้านกฎหมายที่ดิน เหนื่อยมากเครียดเหลือเกิน พ่อแม่ก็กดดันมาก พ่อแม่ไม่เคยขออะไร แค่อยากให้เรียนจบ

ทำไมเลือกที่จะทำงานพิเศษ เพราะด้วยฐานะครอบครัวก็สามารถสนับสนุนปูเรียนอย่างเดียวได้

ปีแรกที่ไปเรียนมีข่าวออกมา ที่มีภาพจูบฝรั่งคนนั้นคนนี้ เป็นภาพตอนที่เรารับน้อง ที่นั่นเขาจะให้เราทำตามที่รุ่นพี่สั่ง หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องจูบ ครั้งนี้มีภาพหลุด พ่อโกรธมากก็ต่อว่าเรา ปูก็โอเค ไม่ขอเงินพ่อก็ได้หาเงินใช้เอง งานแรกที่ทำเป็นเด็กเสิร์ฟ งานหนักมาก เก็บโต๊ะ เคลียร์จานและแก้ว ทำจานแตกก็โดนหัก ได้ชม.ละ 5 ปอนด์ เท่ากับ 250 บาทไทย แต่โดนหักภาษีอีก เลยแทบไม่เหลืออะไรเลย ถ่ายแบบ และเป็นพนักงานที่ร้าน “ท็อปช็อป” อยู่เมืองไทยเรามีแต่เดินเข้าไปซื้อ อยู่ที่นั่นต้องเก็บสต๊อกของ ดูแลลูกค้า ทำได้ 6 เดือน ตอนนี้ทำงานร้านหนังสือแล้ว เจอแต่ผู้ใหญ่หรือไม่ก็เด็กที่เรียนด้วยกัน ก็สนุกดี ถึงได้บอกว่าทำงานที่เมืองไทยสบายกว่า แต่การทำงานที่นั่นก็ฝึกความอดทนเราไปในตัว

งานถ่ายแบบที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง

มันเหนื่อยมาก ต้องนั่งรถจากออกซฟอร์ดไปลอนดอน เวลาไปแคสติ้งก็วิ่งไปวิ่งมาหลงทาง ใส่รองเท้าผ้าใบ แล้วในกระเป๋ายังมีรองเท้าส้นสูงอีก เราต้องแต่งหน้าทำทุกอย่างเอง ผิดกับเวลาอยู่เมืองไทยไปไหนมีรถคอยรับ-ส่ง มีคนแต่งหน้าให้ตลอด ทำให้เรารู้เลยว่าทำงานที่เมืองไทยดีกว่าเยอะ

คนไทยที่นั่นจำปูได้มั้ย เขาทำหน้ายังไงตอนปูทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟหรือแคชเชียร์

อย่างตอนทำงานร้านอาหารก็มีคนจะมีช่วยเก็บจาน ปูก็บอกไม่เป็นไรอย่ามาช่วยเลย เดี๋ยวปูโดนไล่ออก พ่อปูเคยถามว่าปูไม่อายเหรอที่มาทำงานแบบนี้ ปูก็บอกว่าถ้าคนคิดได้แค่นี้มันก็แย่นะ อย่างเวลาไปทานอาหารร้านที่เมืองไทย ปูไม่เห็นจะมองเด็กเสิร์ฟแย่เลย อยู่เมืองไทยโอเคปูเป็นดารา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราดีกว่าคนอื่น 

อีกหน่อยเราอายุเยอะไม่ได้ทำงานตรงนี้เรายังมีความรู้ไปทำอย่างอื่นได้ โอเคการเป็นดาราอาจจะรูปร่างหน้าตาดี แต่นอกจากนั้นเรามีอะไรอีกมั้ยที่เราจะไปพูดกับคนอื่นได้ อย่างน้อยปูก็ยังพูดได้ว่าปูเรียนจบเมืองนอกนะ พ่อปูยังบอกเลยว่าเด็กไทยหลายคนอยากไปนะ แต่เขาไม่มีเงิน ปูมีพ่อแม่ที่สามารถให้ได้ทุกอย่างปูก็ควรจะไป และตั้งแต่ปูทำงานในเมืองไทย ไม่เคยใช้ชีวิตตัวคนเดียว เขาก็ส่งให้เราไปเรียนรู้ชีวิตจริง ๆ ว่าเป็นอย่างไร

ปูกลับมาเมืองไทยทีก็มีข่าวตลอด

เยอะมากเลยอะ ปูก็เข้าใจว่าเรามีทุกวันนี้ได้เพราะข่าว นักข่าวเป็นคนที่ดันปูเลย แต่ช่วงนี้ข่าวดันเยอะไปนิดนึง ยอมรับว่าช่วงหลังปูชิน เจอข่าวแรง ๆ ยังหัวเราะได้ แต่วันที่ปูร้องไห้วันก่อนปูอยากให้คนเห็นตัวตนปูว่าจริง ๆ ปูเป็นคนแคร์ข่าวนะ ปูก็เป็นลูกผู้หญิงทั่วไป อย่ามองปูเป็นฝรั่ง อย่างเรื่องที่ข่าวบอกว่าปูโกหก ปูยอมรับว่าบางเรื่องเราตอบตรงไม่ได้ ถึงแม้ว่าบางทีเราอยากจะพูดความจริงก็ตาม

ที่ผ่านมาปูมีข่าวเพราะภาพหลุด ล่าสุดก็มีภาพนั่งตัก โน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์

เราคบกัน แต่เราคุยกันแค่ช่วงแรก ๆ เลยไม่อยากตอบ ปูเพิ่งจะเลิกกับแฟนเก่า ขุนพล อิสสระ ด้วยความที่ให้เกียรติคนที่เราเคยคบ แล้วเราต้องกลับไปเรียนอีก มันยังไม่มีอะไรจริง ๆ รูปนั้นถ่ายด้วยไอโฟน เฟรมมันไม่พอ ปูก็เลยนั่งตักเขา จะให้เพื่อนปูไปนั่งตักเขามันก็ไม่ใช่ หรือจะให้ปูนั่งตักเพื่อนก็ดูแปลก ๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ปูไม่รู้จักซะหน่อย

เกิดเหตุเพราะเรื่องภาพหลุดหลายครั้งทำให้ปูต้องระวังเรื่องถ่ายภาพมากขึ้นมั้ย

ต้องระวังเลย นี่ขนาดระวังแล้วนะ ปูไม่ค่อยได้ออกไปไหน แต่ทำไมมีข่าวเยอะแบบนี้ ล่าสุดมีข่าวว่าปูไปดูหนังที่สยามพารากอนกับโน้ต ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยปูเพิ่งไปเดินพารากอนแค่ครั้งเดียวเองเดือนที่แล้ว แต่ข่าวเพิ่งมาลงตอนนี้ หรือไม่ก็ปู-ไปรยาไปเที่ยวผับทองหล่อ บอกตามตรงตอนนี้เมืองไทยมีที่เที่ยวที่ฮิป ๆ อยู่ไหนปูยังไม่รู้เลย โอเคปูไปงานวันเกิดเพื่อนบ้าง เราก็ต้องมีสังคม แต่ตี 2 เราก็ถึงบ้านทุกครั้ง ปูไม่เคยเที่ยววันทำงาน สังเกตได้ว่าปูไม่เคยมีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ เกี่ยวกับงาน มีแต่เรื่องไปทานข้าวกับคนนั้นคนนี้ บางทีมีข่าวว่าปูสับราง อาทิตย์หนึ่งกินข้าวกับหนุ่ม 4 คนไม่ซ้ำกัน โฮ!ใครจะสับรางได้เก่งขนาดนั้น

มีอึดอัดบ้างมั้ย

ไม่หรอก ขอแค่ไม่มีใครมาว่าเราก็โอเค อยากให้เขียนข่าวตามความจริง อย่างที่บอกบางทีหาว่าเราสับรางไปกินข้าวกับหนุ่มไม่ซ้ำหน้า พูดตรง ๆ70% ของคนที่เขาเขียนถึงปูยังไม่รู้จักเลย อย่างบางทีปูเจอคนที่เป็นข่าวด้วย ปูยังไม่กล้าทักเลย กลัวเขาจะมองว่าเราสร้างกระแสหรือเปล่า

ทำให้ภาพปูดูเป็นสาวเจ้าชู้และปาร์ตี้เกิร์ล

เจ้าชู้มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งไม่ดี อย่างน้อยก็ดูเป็นคนมีเสน่ห์ (หัวเราะ) ถึงแม้ตัวจริงเราจะไม่ได้เป็นแบบนั้น ตอนนี้ปูเน้นเรียน เรื่องปาร์ตี้เกิร์ล จริง ๆ เราไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย โอเคปูอาจจะเคยทำผิดและดื้อ แต่ก่อนตอนอายุ 17-18 ปูยอมรับว่าไม่ได้อยากเป็นดารา จะทำทุกอย่างที่ตัวเองอยากทำ แต่ตอนนี้ปูมองกลับไปรู้เลยว่าเราผิดตรงที่ไม่ระวัง

ใช่ แต่ปูไม่อยากเปิดตัวมาก ข่าวเขาอาจจะดูเจ้าชู้ แต่จริง ๆ แล้วเขาน่าสงสารนะ เพราะเขาเป็นคนทำงานหนัก รู้จักเขามา 2-3 เดือน เขาก็เป็นคนดีและให้คำปรึกษาเราได้ดี เขากลับรับมือกับข่าวได้มากกว่าปูซะอีก

กลัวเรื่องทางไกลทำให้ใจหวั่นมั้ย

อย่างที่ปูบอกให้ความสำคัญกับเรียนและงานก่อน เรื่องความรักเป็นเรื่องรองในสายตาของปู ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ แต่เราก็ควรจะทำอะไรให้เป็นกิจจะลักษณะก่อน จากประสบการณ์ที่คบขุนพล 4 ปี เราทั้งคู่เห็นเรื่องงานและเรื่องเรียนสำคัญมาก ถ้าเกิดเรามัวแต่หึงหวงเรื่องความรัก ชีวิตจะไม่มีความสุข ตรงนี้คงเป็นที่มาทำให้ปูกับขุนพลรัก ๆ เลิก ๆ มาตลอด เพราะตอนที่คบกันเราไม่ได้มองที่จะประคองความรักมากที่สุด ไม่ใช่ว่าเราไม่รักกัน แต่ต่างคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ใช่ว่าปูใจโลเลนะ

แสดงว่าปูก็ไม่ได้คาดหวังความสัมพันธ์กับโน้ตมาก

เอาเป็นว่าเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด คบกันเน้นความสบายใจ อย่างเรื่องที่เขามีภาพเจ้าชู้ ปกติคนในวงการจะรู้กันนะว่าคนที่มักมีข่าวเจ้าชู้ จริง ๆ แล้วไม่ได้อย่างนั้นเลย ปูไม่เคยมองเขาที่ข่าว ปูเชื่อว่าคนที่รู้จักปูจริง ๆ จะรู้ว่าปูไม่ได้เป็นแบบข่าวเหมือนกัน ถ้าปูไม่ดีแบบนั้น คงไม่มีใครให้งานเราตลอดหรอก

หลังจากเรียนจบแพลนชีวิตไว้ยังไงบ้าง

กลับมาปุ๊บปูจะรับละครปีละ 3 เรื่องเลย ถึงเวลานั้นคนก็จะให้ความสนใจเรื่องงานปูมากกว่า แต่ตอนนี้เราทำงานปีละเรื่องไง แล้วเราก็เรียนเมืองนอกด้วย คนก็จะให้ความสนใจกับตัวเรามากกว่า ตอนนี้อยากให้แฟน ๆ ติดตามผลงานปูไปก่อนนะ อย่าสนใจข่าวมาก (หัวเราะ) ปูจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ