Top
สัมภาษณ์ดารา แดน - วรเวช ดานุวงศ์


สัมภาษณ์ "แดน" วรเวช ดานุวงศ์ รับบทเป็น "วิน"



ในภาพยนตร์เรื่อง "The Melody รักทำนองนี้"




ถาม

วินในเรื่องนี้ เป็นยังไงบ้าง

แดน

คาแรกเตอร์ของ วิน ในเรื่องนี้คือ เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก เอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำถูกที่สุด ไม่สนใจคนรอบข้าง มันก็เลยทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ กับชีวิตขึ้นในคือการไม่สบความสำเร็จในชิ้นงานของตัวเอง จากการที่เราไม่ฟังคนอื่นไม่ให้เกียรติคนอื่น ซึ่งบทแบบนี้ยากครับ เพราะว่ามันต้องมีอาการเหวี่ยงวีนอยู่ตลอดเวลา คิ้วมันต้องขมวดมันก็ไม่ได้สร้างให้คิ้วขมวดหรอก แต่ว่าในเรื่องมันมักจะเจออะไรที่ไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา เห็นโน่นก็ไม่พอใจ เห็นนี่ก็ไม่พอใจ เห็นเด็กก็ไม่ชอบเด็ก แล้วชีวิตนี้มันจะมีความสุขได้ยังไงครับ ซึ่งในความเป็นจริงส่วนตัวผมเป็นคนมองโลกแง่บวก คาแรกเตอร์มันจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ก็ต้องมีการปรับจูนคาแรกเตอร์กันพักนึงเหมือนกัน ช่วงแรกๆ ผู้กำกับต้องคอยบอกว่า เฮ้ย...แดน เอาคาแรกเตอร์ตัวเองออกมาน้อยๆ หน่อยตรงนี้แหละครับที่ว่ายากคงเป็นเรื่องของการสงบสติอารมณ์ คือต้องอย่าอารมณ์ดีมากเกินไป ตอนเข้าฉากต้องพยายามนึกก่อนว่า วินเขาไม่ชอบสิ่งนี้ เราอารมณ์เสีย เราต้องวีนอะไรอย่างงี้มันต้องรอ ก่อนแอคชั่นมันต้องมีก่อนนิดนึงได้หยุดคิดจะต้องตั้งสติแปปนึง ปรกติผมก็เล่นละครผมจะไม่ค่อยตั้งสติเท่าไหร่ (หัวเราะ) เพราะมันเป็นคอเมดี้สบายๆ เลยจะปล่อยไหลไปเรื่อย แต่มีเรื่องนี้ที่ต้องคุมคาแรกเตอร์ให้อยู่ให้ได้

ถาม

เรื่องราวเป็นยังไง

แดน

เรื่องราวก็จะเกิดจากตัว วินที่เป็นนักดนตรี ที่ประสบความสำเร็จมากในช่วงเวลานึง แต่ด้วยความเอาแต่ใจตัวเองของเขา ความอารมณ์ร้อน ความไม่แคร์คนรอบข้าง ไม่ให้เกียรติใคร เอาตัวเองเป็นที่หลักทำให้อัลบั้มชุดต่อไปของเขาไม่ได้อย่างที่หวัง แล้วก็มีนักร้องคนใหม่ขึ้นมาแทนที่เขา ซึ่งเขารับสภาพแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะเขาคิดว่าไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นกับเขาได้ ทำให้เขาต้องหนีออกไปอยู่ในโลกที่ไม่ต้องมีใครมาสนใจ เพื่อหนีความอายเพราะรับตัวเองไม่ได้ แต่การหนีไปครั้งนี้ทำให้เขาได้พบกับผู้หญิงคนนึงคือ หมอก(ฉัตร-ปริยฉัตร) หมอกเป็นผู้หญิงที่มองโลกต่างจากวินโดยสิ้นเชิง หมอกก็เลยเหมือนเป็นครูสอนชีวิตให้กับวิน ทำให้วินมองอะไรใหม่ๆทำไมคุณไม่ลองมองชีวิตแบบนี้ดูมั่งล่ะ ทำไมคุณมองโลกด้านเดียวล่ะ กลับกันดูไหมคุณลองมองโลก 2 ด้าน 3 ด้านดูบ้าง ในโลกนี้ไม่ได้มีคนที่คิดแบบคุณอย่างเดียวนะอะไรแบบนี้ วินเขาเริ่มมีมุมมองในความคิดกว้างมากขึ้น มองโลกบวกขึ้น โลกสีดำก็เริ่มเป็นสีเทา สีขาว ผู้หญิงคนหนึ่งมีความรู้สึกอบอุ่นและดีๆ ให้กับเขาที่ทำให้เขารู้สึกว่าเริ่มมีแรงบันดาลใจมาจากเธอ เริ่มทำให้รู้สึกว่าคนมันมีคุณค่ามากกว่านั้นมาทำอะไรดีๆ ให้กันเถอะ ทำให้เขาสามารถกลับมาสู้กับชีวิตของตัวเองและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคนได้





ถาม

เป็นมายังไงถึงมาเล่นเรื่องนี้ บทอย่างนี้ได้

แดน

พี่โอ๊ค (ทศพล ศรีสุคนธรัตน์ ผู้กำกับ) ติดต่อมาก่อน แล้วก็ขอนัดคุยกันสิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยคือความตั้งใจของพี่โอ๊คที่ตั้งใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาก แล้วก็ผมชอบคนที่ตั้งใจในชิ้นงานของตัวเอง และรักในชิ้นงานของตัวเอง โดยที่เข้าใจกับงานของตัวเองอย่างถ่องแท้ คือถามตรงไหนมุมไหนสามารถอธิบายได้ ตอบคำถามได้หมดในทุกๆ เรื่อง ผมปิ๊งแววตาพี่โอ๊คฟังอาจจะออกแนวรู้สึกขนลุกนะ (หัวเราะ) แต่เรื่องจริงผมรู้สึกว่าเขามุ่งมันและรักงานนี้ ผมก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่อยากจะทำให้งานของเขาออกมาดีที่สุด แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง นอกนั้นก็เป็นเรื่องของนักแสดงคนอื่น และทีมงานทุกๆ คนแล้วสุดท้ายคือตัวของพี่โอ๊คเอง ส่วนตัวผมก็คือทำหน้าที่ส่วนของผมให้ดีที่สุด และก็หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีคนชอบมันเยอะนะครับ อีกสิ่งนึงก็คือตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ เดอะเมโลดี้ เป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าที่มีเรื่องราวดีๆ สอดแทรกอยู่ ผมเชื่อว่าเมื่อเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉาย น่าจะมีส่วนทำให้คนไทยรู้สึกว่า เราควรจะมีส่วนช่วยเหลือกัน เผื่อแผ่กันแบ่งปันความรักให้กันและกัน นี่คืออีกเรื่องที่เรารู้สึกว่าอยากจะถ่ายทอดมาการเปลี่ยนคาแรกเตอร์ในการเล่นภาพยนตร์ก็เป็นอีกส่วนนึงที่ผมรับ
เล่นเรื่องนี้ เพราะหลังจากที่เป็นคอมเมดี้หนักๆ มา 2 เรื่องแล้ว เหนื่อยมากเหมือนกัน มาเล่นเรื่องนี้ก็ดี ได้เล่นเปียโนบ้างได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำบ้าง

ถาม

รู้ไหมทำไมผู้กำกับถึงเลือกแดน

แดน

ไม่รู้เลยครับ ว่าทำไมพี่เขาถึงเลือกผม แต่เหมือนเคยได้ยินว่าเพราะครั้งแรกที่คุยกัน เขาบอกว่าผมนี่แหละวินเลย (หัวเราะ) จริงๆ คืออะไรไม่รู้คงต้องลองถามพี่เขาดู

ถาม

ร่วมงานกับผู้กำกับคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

แดน

กับภาพยนต์เรื่องแรก ผมเห็นถึงพลังในการทำงาน ความละเอียดอ่อน และละมุนละไมในการคิดงานแต่ละช็อตของเขา ความใส่ใจในทุกรายละเอียดของเขาที่สามารถจำคอนทินิวได้ด้วย เดินมาหน้าเซทบอกนักแสดงได้โดยที่ตัวเองไม่ต้องถือบทอยู่ เพราะบทมันอยู่ในหัวเขาอยู่แล้ว แล้วก็บางทีก็ทุ่มเทลงทุนกลิ้งกลางถนนให้นักแสดงดู ทั้งที่ไม่ต้องทำก็ได้ (หัวเราะ) ผมเป็นคนที่ชอบคนที่ศัทธาในชิ้นงานของตัวเอง ตั้งใจกับงานของตัวเองเพื่อหวังว่าจะทำให้คนอื่นมีความสุขด้วยงานของเขา แล้วผมก็จะชอบมองคนที่เป็นแบบนี้ เรามองแล้วเราก็จะรู้สึกสนุกตามเขา ดูสิว่าจะทำอะไรต่อ ไหวไหม เมื่อไหร่จะหมดแรง พี่โอ๊คพลังเยอะมากขนาดแกตกบันไดขาเดี้ยงแต่ก็สามารถลุกเดินมาบอกนักแสดงเด็กๆ ในฉากนั้นว่าต้องทำอะไรยังไง ขนาดไปใส่เฝือก และมีขาหยั่งกระเพลกๆ พี่เขาก็ไม่หยุดเดินไม่หยุดที่จะทำงาน เต็มที่มากผู้ชายคนนี้นี่แหละครับความตั้งใจที่ผมเห็นในตัวเขา





ถาม

การทำงานร่วมกันกับนักแสดงน้องใหม่อย่างฉัตรล่ะเป็นยังไงบ้าง

แดน

น้องฉัตรเป็นเด็กผู้หญิงตัวสูง สูงมาก มีความตั้งใจไม่เห็นและก็ไม่เคยได้ยินน้องบ่นอะไร ขนาดไปในที่หนาวสั่น ฝนตก อากาศไม่เป็นใจเลยบางครั้งก็ยังเฉย อยู่ได้ทุกที่จริงๆ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นหนังรัก แต่การถ่ายทำในแต่ละทีก็ค่อนข้างจะทรหดมาก มีการทำงานที่ต้องเดินทางตลอดเวลา ไปกลับแม่ฮ่องสอน ปางอุ๋ง ปาย ห้วยน้ำดัง ขึ้นเขาลงห้วย ต่อรถ ต่อเครื่องบิน นั่งรถนาน อากาศหนาวมาก พักผ่อนน้อย หมอกลงจัด ก็ไม่เคยเห็นน้องฉัตรบ่นสักครั้ง ถ่ายดึกแค่ไหน หรือบางทีถึงเช้าก็มีก็ไม่พูดยังมีพลังเหลือเฟือมากๆ นี่แหละครับถือว่าเป็นสปิริตนักแสดงที่ดี
            แล้วตอนที่เล่นเรื่องนี้ด้วยกันใหม่ ๆ ผมยังไม่รู้ว่าน้องเขาเล่นเปียโนได้จริง อย่างเก่งก็น่าจะจับคอร์ดได้ก๊องแก๊งทำแค่พอเหมือนว่าเล่นเป็นได้...มั้ง ในเรื่องนี้ต้องเล่นเพลงคลาสิคของโชแปงอยู่ฉากนึงไง พอน้องมาก็เล่นเปียโนเลยคล่องแคล่วด้วย ก็ประทับใจ ดีใจเออ..เล่นได้จริงด้วยน้องคนนี้ ผมถือว่านี่มันทำให้หนังมีความน่าเชื่อถือขึ้นมามันมีความจริงเข้ามาว่านางเอกเราเล่นเปียโนได้จริงๆ เพราะฉะนั้นคนที่ดูเรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่ รับรองได้เลยว่านักแสดงในเรื่องสามารถเล่นเปียโนได้เองจริงๆ ได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ได้จริง

ถาม

มีอะไรที่ต้องปรับหากันบ้างไหมในการแสดงครั้งแรกด้วยกัน

แดน

กับฉัตรเขาค่อนข้างโอเคน้องเขาเป็นคนสบายๆ แล้วช่วงแรกบทของเขายังไม่มีอะไรมากที่ต้องกังวล คงจะปรับที่ตัวผมเองนี่แหละครับ เพราะก็เล่นกันไปหลายเทคเหมือนกันตอนแรกอย่างที่บอกว่ามันยังจับคาแรกเตอร์กันไม่ถูกทั้งที่มีการ
เวิร์คช๊อปกันก่อนหน้านี้แล้ว พอถึงสถานที่จริงมันต้องเปลี่ยนตัวเองให้นิ่งลงเยอะมากจริงๆ เพราะว่าผู้ชายคนนี้ ตัววินเองเป็นคนมองโลกในด้านลบอย่างสิ้นเชิง อยู่กับตัวเอง ไม่เคยออกมาเจอโลกภายนอก ภาพที่เห็นข้างหน้าเป็นภาพแรกและภาพที่แปลกใหม่สำหรับตัววิน ผมเคยสงสัยในคาแรกเตอร์ของวินว่า มีด้วยเหรอคนที่ไม่เคยมาเดินถนนคนเดิน ไปเคยเดินตลาดนัด ทำไมเขาตกใจกับไอ้สิ่งของที่มันขายอยู่ข้างถนน หรือ ไม่เคยเปิดดูเสิร์ทเนท หรือตามภาพที่ระลึกดูทุ่งดอกบัวตองมั่งเลยหรอ ไม่เคยเห็นหรือว่ามันมีอย่างงี้ด้วยหรอบนโลกใบนี้ ซึ่งอยากจะบอกคนที่ชมภาพยนต์เรื่องนี้ว่า นี่แหละครับคือคาแรกเตอร์ของตัววิน เขาอยู่กับตัวเองจริงๆ ไม่มีความสนใจโลกภายนอก รู้แต่ว่าฉันจะเล่นเปียโน ฉันจะทำเพลง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ชีวิตฉันมีแต่เปียโน หลังจากได้พบกับนางเอกจึงทำให้รู้ว่าโลกมันกว้างกว่าที่คิด และสวยงามกว่าที่คิดไว้มาก มันเลยทำให้การมารับบทในช่วงแรกของผมค่อนข้างติดขัด ปรับอารมณ์ไม่ถูกไม่รู้จะอารมณ์ไหนดี พี่โอ๊คก็ต้องมาอธิบายให้ฟังว่าตอนนี้ต้องเป็นยังไง รู้สึกยังไง 





ถาม

ได้ไปถ่ายทำกันหลายที่มาก แต่ละที่เป็นยังไงบ้าง

แดน

เราไปกันหลายที่ครับมีทุ่งดอกบัวตอง มีห้วยน้ำดัง ปางอุ๋ง ที่ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอเราได้เห็นความอะเมซซิ่งไทยแลนด์ ที่นี่ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งครับสำหรับคนที่เคยเห็นแต่ในรูปภาพ หรือมองในรูปถ่ายและได้แต่พูดว่าสวยจัง จะสวยจริงหรือเปล่าต้องมาดูด้วยตาตัวเองครับ ผมการันตีความงามของทุ่งนี้เลย แล้วก็จริงอย่างที่ตัววินในเรื่องได้เห็นครั้งแรกถึงกับร้องออกมา เพราะมันสวยงามมาก ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนมาเที่ยวตลอดทุกช่วงเวลาเลยครับ การถ่ายทำในวันนั้นก็มีอุปสรรคบ้างทั้งคนและอากาศที่เดี๋ยวร่มเดี๋ยวแดด แล้วสีโดยรอบเป็นสีเหลืองแดดมาหรือแดดหุบสีบรรยากาศมันจะเปลี่ยนไป เช้าไปถึงนี่ก็หนาวปากสั่นเหมือนกันครับ พอแดดเริ่มออกก็เริ่มร้อน ปรับอารมณ์ไม่ถูก ก็ใช้เวลาถ่ายทำกับที่นี่ไปพักใหญ่เหมือนกัน

แล้วก็มีไปถ่ายทำกันในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ไปถ่ายร้านกาแฟกันเป็นร้าน บีฟอร์ซันเซท บนเนินเขา เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่เห็นวิวสวยงามมาก จิบกาแฟกันไปดูพระอาทิตย์ตกดินไป แต่ตอนถ่ายทำนี่สิครับพวกเราก็กลัวว่า ซันมันจะเซทลงเร็วจนถ่ายไม่ทัน (หัวเราะ) ตอนแรกก็นั่งลุ้นกันไปครับว่าเมื่อไหร่ซันมันจะเซทลงสักที แดดมันมาเยอะเกินไปถ่ายไม่ได้ย้อนแสง

ถาม

เรื่องนี้ต้องถ่ายทำกับเด็กๆ ด้วยเป็นอย่างไรบ้าง

แดน

ใช่ครับ ผมไม่เคยเล่นละคร หรือภาพยนตร์ที่ต้องเล่นกับเด็กเยอะขนาดนี้ ส่วนตัวแล้วผมโอเคกับเด็กอยู่แล้ว ทีมงานอาจจะเหนื่อยหน่อยที่ต้องดูแลเด็ก คือพอคัททีนึงก็ต้องเอาขนมไปป้อนทีนึง ดูแลเด็กอย่าให้เด็กร้อนอย่าให้เด็กเหนื่อย อย่าให้เด็กหิว อย่าให้อะไรอย่างงี้ ซึ่งน้องๆ ก็เก่งก็น่ารักกัน แต่จังหวะหมดแกหมดจริงๆ คือเด็กเนี่ยเวลาแกหมดอย่าไปจูนแก ปล่อยแกนอน หรือไม่ก็ยกแกออกจากที่ตรงนั้น ไม่งั้นแกจะยืนบิด แล้วแกจะไม่เอาบท จะบิดอะไรอย่างงี้ ก็เป็นอีกหนึ่งครั้งเหมือนกันที่ผมเองก็มีความสุขในความทุกข์ของทีมงาน  ผมก็นั่งดูเด็กด้วยความเพลิดเพลินดูเด็กร้องไห้ แต่ทีมงานนั่งเครียด ผมก็มีความสุข รู้สึกว่ามันส์ดี (หัวเราะ)

ถาม

แล้วมีฉากไหนประทับใจเป็นพิเศษบ้างไหม

แดน

ผมว่าแทบจะทุกซีนที่ผมไปถ่ายทำ มันเป็นเรื่องของประทับใจเกี่ยวกับโลเกชั่น โลเกชั่นที่ได้เดินทางมาภาคเหนือ คือผมไปผมแทบไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองเก็บไว้เลย ผมจะปล่อยให้หนังเรื่องนี้เป็นการรวมภาพประทับใจของผมเอง ที่ผมไม่ต้องมีรูปภาพ แต่ผมมี DVD บลูเลย์ 3D ทำหรือเปล่า (หัวเราะ) มีทุ่งบัวตองลอยมาที่หน้าเก็บเอาไว้แค่นั้นก็พอนะครับ เพราะแต่ละที่มันโดดเด่นที่ตัวมันเอง และการถ่ายทำส่วนใหญ่ถึงจะมีอุปสรรคแต่ก็เป็นอุปสรรคที่เรียกความประทับใจ รอยยิ้มได้ ทุกคนกังวลแต่ไม่มีใครเครียดกับมันจนเกินเหตุ ติดหมอกติดฝนก็ยังหาอย่างอื่นมาคุยมาทำกันจนมันผ่านทุกอย่างไปด้วยดี





ถาม

เรื่องเพลงบ้างทำไมถึงหันมาสนใจการแต่งเพลงภาพยนตร์เรื่องนี้?

แดน

ในเรื่องวินต้องเป็นคนเขียนเพลงนี้ขึ้นมา ซึ่งผมอยากให้คนดูได้รับรู้ว่า มันเกิดจากตัวนักแสดงคนนึงที่รู้สึกอย่างนั้นที่ถ่ายทอดออกมาจริงๆ ในเมื่อเปียโนเราก็เล่นกันเอง เพราะฉะนั้นการถ่ายทอดอะไรดีๆ ของเรื่องนี้อย่างเพลงประกอบภาพยนต์มันน่าจะเป็นเรา ซึ่งผมก็ได้โจทย์นี้มานานแล้ว กับเพลงที่ชื่อว่า “เพลงรักที่ไม่มีคำว่ารัก” ได้โจทย์มานานแล้วแต่ไม่แต่งสักที ไม่ใช่ว่าต้องรอฟิลอะไรนะครับแต่ว่ามันอยากจะรอให้ตัวเองได้ซึมซับกับความรู้สึกของภาพยนต์ ของสถานที่ต่างๆ ที่เราได้ไป ให้เรารู้สึกเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้มีคุณค่ากับชีวิตเรา เราเริ่มรู้สีกดีกับเขา เริ่มรู้สึกกับสิ่งต่างๆ ผมถึงเริ่มลงมือเขียน ตอนนั้นก็เริ่มต้นจากการเขียนท่อนฮุคก่อนเพราะแต่งต่อตอนนั้นเลยก็ไม่ได้ คิดไม่ออก ตอนแรกก็คิดไว้ว่าจะรอให้หนังจบก่อนแล้วจะคิดต่อ แต่เพราะว่าต้องมีฉากคอนเสิร์ตแล้วเราต้องเล่นเพลงนี้จริง แต่จะไม่เขียนเดี๋ยวนั้นที่ได้โจทย์มา ก็ต้องรอให้เรารู้สึกกับสิ่งต่างๆ จริงก่อนอย่างที่บอก มันจะได้ถ่ายทอดมาได้อย่างเข้าใจจริงๆอย่างอินโทรเพลงนี้ผมก็นั่งคิดตอนที่นั่งเล่นเปียโนอยู่ที่ปายกับฉัตร แล้วอยู่ๆ อินโทรนี้ก็ผ่านเข้ามาในหัว ผมก็เล่นอินโทรขึ้นมาแล้วก็ถามพี่โอ๊คว่าโอเคกับอินโทรอันนี้ไหม ถ้าโอเคผมก็อัดเอาไว้ พี่โอ๊คบอกเอาชอบ

ถาม

ไม่คิดจะเป็นนักแต่งเพลงภาพยนตร์กับเขาบ้างหรอ

แดน

ยังไม่คิดครับ เรายังไม่มีเวลาอยู่กับชิ้นงานใดมากๆ เพราะการแต่งเพลงเพลงนึงมันใช้สมองเยอะ ถ้าจะให้ดีเราต้องเข้าไปซึมซับกับนักแสดงกับตัวบทภาพยนตร์มันถึงจะออกมาภาพชัดที่สุด ซึ่งเราคงไม่มีเวลามากขนาดนั้น ผมขอทำเป็นงานอดิเรกดีกว่า

ถาม

มีอะไรอยากฝากกับคนดูกับผลงานภาพยนตร์ในครั้งนี้บ้าง

แดน

อยากจะฝากผลงานเรื่องเดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้ไว้ด้วยครับ เหตุผลที่ต้องเข้าไปดูในฐานะนักแสดงคนนึง ในมุมมองของผมอยากจะบอกว่าคุณเข้าไปจะได้รับรู้เรื่องราวดีๆ ได้รับรู้และซึมซับกับความรักที่บริสุทธิ์ทั้งของพระเอกนางเอก และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถ้าใครที่เป็นคนชอบหนังภาพสวย ค่อนข้างมั่นใจว่าคุณจะได้เห็นสิ่งนั้น ไปฟังเพลงกันเพราะๆ กัน นี่เป็นอีกเรื่องนึงที่ภาพยนตร์มีเพลงที่มีความหมายดีๆ ความหมายที่สร้างสรรค์ให้คนหันมารักกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาแบบนี้ที่ต้องการให้คนไทยทุกคนรักกันมากๆ เพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้กันต่อๆ ไป ก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับภาพยนตร์เรื่องเดอะเมโลดี้ รักทำนองนี้กันทุกๆ คนครับ



* ดูประวัติ แดน - วรเวช ดานุวงศ์

* ดูอัลบั้มรูป แดน - วรเวช ดานุวงศ์




 
 

Box Office

เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.
เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.

บทสัมภาษณ์ทั้งหมด

 
ยังไม่มีข้อมูล
หน้าแรกย้อนกลับ [ 1 ] หน้าถัดไปหน้าสุดท้าย
 
 

ติดตามหนังดี : Youtube Instagram Facebook Twitter  

MMM Digital Asset Co.,Ltd.
109 อาคารซีซีที ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์
แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
Tel. 0-2234-7535    FAX. 0-2634-4269
E-mail: webmaster@nangdee.com   © 2006 nangdee.com
แผนที่ | sitemap | ติดต่อโฆษณา