จับเข่าคุย 'พิมพ์' หัวใจนักสู้ ส่งต่อความเข้มแข็งให้คนท้อ
อีกครั้งที่วงการบันเทิงมีเรื่องช็อกเมื่อทราบข่าวของ "พิมพ์ - พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร" ที่ตรวจพบมะเร็งรังไข่ต้องรักษาด้วยการทำคีโมถึง 6 ครั้ง จนผมร่วงทั้งศีรษะเป็นเวลากว่า 6 เดือน ซึ่งแฟน ๆ ต่างรู้สึกช็อกและเป็นห่วงพิมพ์ไม่น้อยว่าเธอจะดูแลรักษาสภาพจิตใจให้เข้มแข็งอย่างไร เพื่อรับมือกับโรคร้ายครั้งนี้ แต่สิ่งที่เราเห็นและสัมผัสได้จากพิมพ์คือเธอมีรอยยิ้มและความสดใสให้แฟนๆ ได้เห็นเสมอ ในที่สุดพิมพ์ได้รับข่าวดีจากคุณหมอว่าผลตรวจเลือดเป็นปกติ ไม่พบมะเร็งอีกแล้ว วันนี้ "ดาวต่างมุม" ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับพิมพ์แบบเปิดใจกับชีวิตที่เฉียดความตาย เธอได้เรียนรู้ รวมถึงให้กำลังใจกับตัวเองอย่างไรบ้าง เพื่อผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้อย่างเข้มแข็ง ติดตามกันได้เลยค่า
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @pimmada (IG)
ซีรีส์ "กรุงเทพมหานครซ้อนรัก" ที่เราเป็นผู้จัดเรตติ้งดีมาก?
ดีใจมากเลยค่ะ เพราะเราไม่เคยทำมาก่อน เป็นการซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์ "ดิ โอ.ซี." (The O.C.) ของเมืองนอกมาทำเป็นเวอร์ชั่นไทย แต่พิมพ์เป็นแฟนคลับซีรีส์ ดิ โอ.ซี. มาตั้งแต่เด็ก ๆ รู้ว่ามันหวือหวามาก แต่ก็มีแง่คิดที่ดี พิมพ์ได้รับการชวนจาก พี่เจี๊ยบ - โสภิตนภา ซึ่งพี่เจี๊ยบคงได้รับโปรเจคท์นี้มาจากทาง พี่บอย - ถกลเกียรติ อีกที พี่เจี๊ยบมาบอกพิมพ์ว่าทำไม่ไหวแน่ ๆ เพราะสเกลใหญ่มาก แต่พิมพ์น่าจะยังเข้าใจเรื่องราวของวัยรุ่น งั้นก็มาทำด้วยกันมั้ย พิมพ์เพิ่งเสร็จจากละครที่เป็นผู้จัดเรื่องแรกไฟยังแรงก็เลยลองลุยดูค่ะ
ละครเรื่องนี้ให้แง่มุม ความคิดในเรื่องไหนบ้างที่เหมาะกับคนดู?
พิมพ์ว่าครบรสทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องความแซ่บของเด็กวัยรุ่นปัจจุบัน ซึ่งต่างประเทศมีมานานแล้ว แต่บ้านเราเรื่องแบบนี้เพิ่งเปิดรับได้ไม่นาน ก็รู้สึกว่ามันจะสนุกมาก ถ้าคนไทยเริ่มมีช่องทางการเล่าเรื่องได้มากขึ้น เป็นเรื่องครอบครัว เด็กวัยรุ่นที่มีหลายคาแรกเตอร์ ถ้าดูกันทั้งครอบครัว พ่อแม่สามารถดูแล้วสอนลูกต่อไปได้ เราเองในฐานะผู้จัดก็ทำออกมาเต็มที่ พอละครออนแอร์พิมพ์โทรคุยกับพี่เจี๊ยบตลอดว่ากระแสเป็นยังไง ดีใจที่คนดูชอบงานที่เราทำออกมา ชอบโปรดักชั่น และชมว่าภาพสวยค่ะ
บทบาทพิมพ์ในฐานะผู้จัดพัฒนาไปมากแค่ไหน?
พิมพ์ยังประสบการณ์น้อยนิด ไม่กล้าบอกว่าเราเป็นผู้จัดละครร้อยเปอร์เซ็นต์ เราเพิ่งเริ่มต้นก็คิดแค่ว่าเราอยู่ในสายอาชีพที่เราเติบโตมา ตอนนี้ได้โอกาสมาทำก็สั่งสมประสบการณ์ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะเลยค่ะ แต่พิมพ์ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ พี่บอย-ถกลเกียรติ กับ พี่ป้อน - ณิพนธ์ ที่มอบโอกาสให้ทำงานใหญ่ เรื่องต่อไปที่จะทำก็ยังพิจารณาอยู่ อาจเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้พิมพ์เพิ่งหายจากไม่สบายต้องรอติดตามเนอะ
อุตสาหกรรมละครค่อนข้างแข่งขันกันสูงในฐานะผู้จัดต้องปรับตัวยังไงบ้าง?
ใช่ค่ะ แข่งขันกันมาก แต่เป็นเสน่ห์ของแต่ละผู้จัด ต้องหาสไตล์ของตัวเอง จุดเด่นตัวเองให้เจอ ตอนนี้ช่องทีวีในวงการเยอะมาก ละคร ซีรีส์มีให้ชมแทบทุกช่อง เราก็ต้องเหนื่อยหน่อย แต่พัฒนาตัวเรายิ่งขึ้น
ปีนี้พิมพ์อยู่วงการมาเป็นปีที่เท่าไหร่แล้ว?
พิมพ์เข้าวงการตั้งแต่ปี 2541 จนตอนนี้ 19 ปีแล้วนะ ในทางอาชีพสายบันเทิงเราถือว่าไปได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ ไม่คิดเลยว่าจะเข้ามาตรงนี้ แต่สุดท้ายเราอยู่มาได้ยาว เล่นละคร ออกเทปเกินความคาดหมาย ฉะนั้นทุกวันนี้พิมพ์ได้กำไรมาก ที่สำคัญเราไม่เปลี่ยนทุกคนหล่อหลอมให้เราเป็นคนดี คิดดี ไม่เสียคน ถ้าเราทำให้สมดุลกันได้ก็ไม่ได้อยู่ยากเลยในวงการ
แต่ชีวิตก็มีทั้งช่วงโด่งดังมีชื่อเสียง จนมีช่วงเงียบก็มี?
พิมพ์ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติมาก ๆ ไม่มีใครพุ่งสูงไปตลอด อาชีพนี้มีเวลาของมัน ทุกวันนี้เรายังเล่นบท "น้องพอใจ" ในซิทคอม "เป็นต่อ" อยู่ได้ก็สุด ๆ แล้ว(หัวเราะ) ไม่มีใครอยู่จุดเดิมไปตลอดได้ แต่เราจะยืนอยู่จุดไหนมากกว่า เลยเริ่มเล่นร้าย รับบทแม่บ้าง ก็ท้าทาย อีกอย่างพิมพ์โชคดีไม่เคยหลงตัวเองไปกับชื่อเสียง เราแค่คิดว่าเราทำงานได้ดี มีผลตอบรับที่ดีจนมีงานชิ้นต่อไป ยังเป็นพิมพ์คนธรรมดาคนเดิมแค่มีอาชีพอยู่ตรงนี้แค่นั้นเองค่ะ
ล่าสุดพิมพ์เจอจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เรื่องสุขภาพที่ตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งรังไข่?
ใช่ค่ะ มะเร็งไม่เคยอยู่ในหัวพิมพ์เลย เราใช้ชีวิตประมาท ไม่เคยตรวจสุขภาพ จนวันตรวจพบก้อนเนื้องอกในรังไข่ ขนาด 18 ซม. คิดว่าผ่าตัดก็คงจบ แต่เรื่องไม่จบคุณหมอเรียกไปคุยว่ามีเซลล์มะเร็ง ตอนแรกไม่เชื่อ นั่งคุยจนเข้าใจว่า "เราเป็นมะเร็ง" อธิบายความรู้สึกไม่ถูก ทั้งคุณแม่และพี่เจี๊ยบตกใจมาก แต่เขาพยายามเข้มแข็ง พอมีสติก็ลองไปปรึกษาคุณหมอท่านอื่นเพื่อเช็กอีกรอบ เผื่อไม่ต้องทำคีโม ปรากฏว่าคุณหมอวิเคราะห์ออกมาเหมือนกันต้องทำคีโมเพื่อรักษาในระยะยาว เพราะสิ่งที่เราเจอคือมะเร็งขั้นต้น แต่มันคือเซลล์มะเร็งที่อยู่กำลังก่อตัวอยู่ในแคปซูล ถ้าแตกขึ้นมามะเร็งกระจายแน่ ๆ คือบนความโชคร้ายพิมพ์โชคดีมาก ๆ ที่ตรวจเจอเร็วค่ะ
จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการรักษายังไงบ้าง?
เราก็ตั้งสติเข้าสู่กระบวนการรักษา โดยทำคีโมเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งทั้งหมด หมอขอเวลา 6 เดือนเท่านั้น แล้วหมอจะจบกับพิมพ์เลย หมอก็พูดให้เราสบายใจที่สุด เขารู้ทำใจยากด้วยอาชีพเรา มีงาน มีสังคม ก็คิดไม่ออกจะเป็นยังไงเพราะรู้ว่าทำคีโมเข็มแรกผมร่วงแล้วก็หัวโล้น แล้วเราจะอ่อนแอด้วย เพราะคีโมเป็นเคมีบำบัดทำลายเซลล์ไม่ดี รวมถึงเซลล์ที่ดีอย่างเม็ดเลือดขาวด้วย ฉะนั้นคุณหมอจึงแนะนำให้ทานเยอะ ๆ เพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรงให้มากที่สุดค่ะ
ช่วงเวลานั้นอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจให้มีแรงสู้ต่อไป?
หลัก ๆ คือคุณแม่เลยค่ะ ช่วงแรกที่ไปทำคีโม ได้แต่คิดว่าทำไมชีวิตต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ร้องไห้ฟูมฟาย ผ่านมาหมดทุกอย่าง จนวันนึงรู้สึกซึมเศร้า แม่ก็เศร้าตาม ทั้งที่เขาพยายามเข้มแข็งเพื่อดูแลเราทุกอย่าง เลยคิดได้จะอยู่แบบนี้เหรอ พิมพ์ต้องลุกขึ้นและต้องหายจากมะเร็งให้ได้ ก่อนที่สื่อมวลชนจะรู้ว่าพิมพ์ป่วย เราก็ได้กำลังใจจากเพื่อน ๆ และครอบครัว กระทั่งข่าวออกไปพิมพ์ได้กำลังใจจากแฟน ๆ ทุกคนเพิ่มขึ้น ก็รู้สึกว่าเรามีชีวิตดี ๆ ที่มีคนรักแบบนี้รออยู่ จะมานั่งท้อถอยทำไม ก็ต้องกลับมาสดใสมีความสุขให้ได้ค่ะ
ธรรมะก็มีส่วนช่วยทำให้เราสงบมากขึ้นเหมือนกัน?
ใช่ค่ะ พิมพ์ได้คุยกับพี่กิ๊ก - มยุริน พิมพ์ทำคีโมไป 4 ครั้ง แล้วไปปฏิบัติธรรมจึงค่อยกลับไปทำคีโมครั้งที่ 5 และ 6 ไปเพราะไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ ได้อะไรกลับมามหัศจรรย์กับชีวิตมาก พิมพ์มีกำลังใจต่อสู้ มีวิธีคิดใหม่ ๆ สอนตัวเอง เป็นธรรมะจัดสรรสอนคนที่ใกล้ชิดความตายจะใช้ชีวิตยังไงต่อไปกับเวลาที่เหลือ มีวีทีอาร์ให้ดูคนเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย แต่เขาเลือกอยู่แบบมีความสุข ตามคำสอนของพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ซึ่งเราเอามาปฏิบัติได้
ในที่สุดก็ได้รับข่าวดีจากการตรวจสุขภาพว่าไม่พบเซลล์มะเร็งแล้ว?
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) คุณหมอบอกว่าทางการแพทย์ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ผลเลือดดี บ่งบอกว่าเราหายเป็นปกติแล้ว ดีใจที่อดทน พยายามสู้ ยิ้มใส่ทุกอย่างที่เจอไม่ว่าดีหรือแย่ โชคดีที่ป่วยแล้วไปสัมผัสธรรมะ ได้รู้ว่าชีวิตที่เหลือของตัวเองอยากให้เป็นยังไง ที่ผ่านมามีแต่คนให้เรา อยากได้นั่นได้นี่ แต่เราลองให้อะไรคนอื่นบ้างหรือยัง เดี๋ยวนี้ตื่นนอนมาก็พยายามคิดดี พูดดี ทำดี แค่ 3 อย่างนี้แม้จะทำได้ไม่ทั้งหมดก็ตามค่ะ
แฟน ๆ ชมพิมพ์ที่ผมร่วงหัวโล้นเพราะคีโม แต่ยังอัพไอจีพร้อมรอยยิ้มเสมอ?
ใช่ค่ะ (หัวเราะ) ดีใจมากที่ความตั้งใจในการโพสต์รูปถูกสื่อออกไปแบบนั้น เป็นพลังใจให้เห็นว่าคนเป็นมะเร็งสามารถใช้ชีวิตปกติได้ ผมร่วงไม่จำเป็นต้องใส่หมวกปกปิด ออกไปไหนไม่ได้ โอเคต้องระวัง แต่อย่ามากไปจนกลายเป็นใช้ชีวิตไม่ได้ จะทำให้เราหดหู่ ซึ่งพิมพ์ผ่านจุดนั้นมาแล้ว เลยอยากเอามาแชร์คนที่ป่วยแบบพิมพ์อย่าท้อแท้ ยิ้มเยอะ ๆ อยากใส่วิกผมก็ใส่ ไม่อยากใส่ก็ไม่เป็นไรก็ชีวิตเรา อย่าไปแคร์สายตาคนอื่น ตอนแรกก็กลัวคนจะว่ายังไง จะติดภาพพิมพ์ที่มีผมสวย ๆ พอทุกคนเห็นภาพพิมพ์ไม่มีผม กลับให้กำลังใจไม่มีใครพูดไม่ดีเลย อยากให้คนที่ป่วยแบบพิมพ์ออกมาเถอะค่ะ เดี๋ยวผมก็ขึ้นใหม่ ต้องเคารพตัวเองว่าอยู่จุดไหน ในวัย 35 ปี ได้ทบทวนอะไรเยอะ มะเร็งมาเตือนเราว่ามีเวลาไม่เยอะ ฉะนั้นเวลาที่เหลืออยากทำอะไรต้องรีบทำ แต่ก่อนติดเพื่อน ติดแฟน ทำงาน กลับบ้านแค่นอน ตอนนี้พิมพ์ให้เวลากับแม่ซึ่งเป็นคนที่รักเรามากที่สุด วันนี้มีลมหายใจมีแรง ก็เลือกทำสิ่งที่ดีกับตัวเองและสังคมดีกว่า
หลังจากนี้ต้องดูแลตัวเองยังไงบ้างถึงผลออกมาว่าหายป่วยแล้ว?
ตอนนี้พิมพ์เกร็งมาก อัพรูปอาหารในไอจีก็จะมีผู้หวังดีมาห้ามทานโน่นนี่ พิมพ์พยายามจะบอกว่าเราต้องเดินทางสายกลาง เราปรึกษาคุณหมอในการดูแลตัวเองต่อจากนี้แล้ว พิมพ์ขอบคุณทุกคนที่แนะนำนะคะ แต่พิมพ์จะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดแน่นอนค่ะ ตอนนี้ร่างกายและใจพร้อมมาก แต่งานเบื้องหน้าอาจจำกัดนิดหน่อย เพราะผมเรายังไม่ยาวรอก่อนนะคะ
เรื่องความรักตอนนี้ล่ะเป็นยังไงบ้าง?
ที่ผ่านมาทุกข์สุดๆ ก็ตอนอกหักนี่แหละค่ะ(ยิ้ม) แล้วก็กระโดดมาเรื่องป่วยเลย จนเข้าใจความสุขอีกแบบนึงว่าอยู่คนเดียวไม่มีแฟนสบายมาก แต่ก่อนต้องดิ้นรน หาคนคุย แต่ 6 เดือนที่ป่วยแล้วได้อยู่กับตัวเอง สุขอีกแบบนึงที่เราไม่เคยเจอและหวงความสุขตรงนี้ กลัวความทุกข์จากความรักจะกลับมาอีก ถ้าเปิดใจให้ใครคนนึงเขาจะเข้าใจคนป่วยแบบเรามั้ย ใครจะพร้อมดูแลเรา ตอนนี้เรื่องความรักเลยไม่คิดถึง แต่ก็ไม่ใช่ไม่อยากมีนะ(หัวเราะ) ปล่อยไปตามธรรมชาติ คนที่จะเข้ามาไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะแล้ว ต้องคนที่ชอบและพร้อมจะอยู่ข้าง ๆ เรา พิมพ์ก็รอนะ รอคนนั้น เหงาแต่ไม่ทุกข์ค่ะ (ยิ้ม)
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงคนที่ป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และแฟน ๆ ที่ให้กำลังใจพิมพ์มาตลอดบ้าง?
ก่อนอื่นกราบขอบพระคุณทุกกำลังใจนะคะ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงหมด พิมพ์มีความสุขมาก สำหรับคนที่กำลังรักษาตัวด้วยโรคมะเร็ง เชื่อพิมพ์ว่าวันนึงต้องหาย ขอให้เข้มแข็ง มะเร็งแพ้รอยยิ้มและความร่าเริงของเรา แค่อดทน ใจสู้ เราต้องหายและเราจะได้กลับบ้านไปเจอครอบครัวที่รัก กลับมาใช้ชีวิตปกติในสังคม พิมพ์ผ่านจุดนั้นมาแล้ว อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคน แล้วก็ฝากคนที่ประมาทในเรื่องสุขภาพ หมั่นตรวจร่างกายอย่างละเอียดทุกปี อย่าใช้ชีวิตด้วยความประมาทนะคะ
* ดูประวัติ พิมพ์ - พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร
* ดูอัลบั้ม พิมพ์ - พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร
|