'ติช่า' ขอเป็นตัวเองไม่เฟค ผสานสองวัฒนธรรมลงตัว
จากชีวิตสาวน้อยจากแดนไกล ที่ตัดสินใจเข้ามาแข่งขันในรายการ "เดอะ เฟซ ไทยแลนด์ ซีซั่น 2" ฝ่าฟันจนสามารถเป็นผู้ชนะได้ เลยทำให้ชีวิตของ ติช่า - กันติชา ชุมมะ เปลี่ยนไปไม่น้อย วันนี้ "ดาวต่างมุม" จะพาไปรู้จักตัวตนของเธอมากขึ้น แถมล้วงลึกเรื่องหัวใจกับ อังเดรียส แฟนหนุ่มจากสวีเดนด้วย
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @kantichachumma (IG)
ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?
งานยุ่งมากเลยค่ะ คือเราได้รับความสนใจก่อนที่เดอะเฟซจะไฟนอลวอล์กอีก เราได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหน แต่ที่รู้คืองานยุ่งค่ะ เวลาพักผ่อนแทบไม่มีเลยค่ะ ตอนนี้มีชื่อเสียง คือมันเป็นความรู้สึกที่พิเศษค่ะ เพราะคนได้รู้จักเราในเวลาที่น้อยนิด หลายคนเขาต้องไต่เต้ากว่าจะมีชื่อเสียง แต่ของเรามาร่วมในรายการและได้เป็นเดอะเฟซ คือทุกอย่างมันเร็วมาก มันเลยต้องปรับตัวต้องเรียนรู้ในช่วงเวลาที่สั้น ซึ่งเราต้องรับมือให้ได้
วาดฝันชีวิตตัวเองในวงการบันเทิงเมืองไทยอย่างไรบ้าง?
คงแล้วแต่ว่าผู้ใหญ่จะให้โอกาสอะไรบ้างค่ะ ติช่าอยากลองหลายๆอย่างเพื่อดูว่าอะไรมันเข้าทางเรา อะไรที่เราทำได้ดี ไม่ดี เราก็เน้นไปในทางที่ดี เช่น อาจเน้นด้านการแสดงมากกว่า แล้วก็มีอย่างอื่นบ้างเล็กน้อย แต่หนูอยากจะทำให้ดีในทุก ๆ อย่าง เพราะเดอะเฟซสอนมาหมดแล้ว หนูอยากมีงานดี ๆ มีงานเรื่อย ๆ เพราะชอบทางด้านนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งงานในวงการบันเทิงมันไม่ได้ทำให้ติช่ามีความสุขแล้ว ตอนนั้นค่อยว่ากันค่ะ ตอนนี้เราก็คว้าโอกาสนี้ไว้ดีกว่า อยู่ที่เมืองไทยทำงานไปก่อนค่ะ ส่วนบ้านที่สวีเดนคิดถึงทุกวันค่ะ คือครอบครัวหนูย้ายไปอยู่ที่สวีเดน ตั้งแต่หนูอายุ 7 ขวบค่ะ แล้วก็ย้ายกลับมาเมืองไทยครั้งหนึ่ง แล้วก็ย้ายไปใหม่อีก ทีนี้อยู่ยาวเลย
กลับมาเมืองไทยคราวนี้ปรับตัวเข้ากับสังคมและวัฒนธรรมไทยได้ดีแค่ไหน?
ดีขึ้นกว่าเดิมนะคะ ถึงแม้เราจะชินกับวัฒนธรรมที่โน่น แต่วัฒนธรรมไทยก็พอรู้อยู่บ้าง คือถ้าย้ายมาอยู่เฉยๆ คงไม่มีอะไรมาก แต่พอเรามาจากวัฒนธรรมที่แปลก พอเข้ามาเมืองไทยแล้วเป็นที่จับตามองนี่แหละ คนก็จะคอยดูติช่าอย่างนั้นอย่างนี้ จริง ๆ แล้วมีหลายอย่างที่ติช่าต้องเรียนรู้ ค่อย ๆ ปรับตัวกันไป ยังอยากเป็นตัวของตัวเองอยู่ ไม่อยากเปลี่ยนเป็นอีกคน เราต้องเข้ากับสังคมให้ได้ มีอึดอัดนิดหน่อยค่ะ ติช่าเป็นคนที่พูดตรง ๆ บางทีเหมือนฟังแล้วแรงมาก แต่ติช่าว่าการพูดตรง ๆ เนี่ยสบายที่สุดแล้วนะ การที่เราต้องมาพูดมานั่งคิดทุกอิริยาบถเนี่ยมันก็เหนื่อยหน่อย เพราะมันต้องฝืน วัฒนธรรมไทยติช่าก็ชอบนะ แต่มีบางอย่างที่มันไม่ใช่ตัวตนของติช่า วัฒนธรรมสวีเดนมันก็มีของเขา แต่หนูก็ไม่ได้เป็นแบบเขาหมด มันมีการผสมผสานทั้งสองประเทศ เราก็เลือกอันที่เข้ากับเรา
ติช่าถูกเลี้ยงดูมาแบบไทยหรือฝรั่ง?
น่าจะเป็นสไตล์ฝรั่งมากกว่าค่ะ ชิลชิล ไม่ได้มีถือแบบผู้หลักผู้ใหญ่ขนาดนั้น เป็นคนพูดตรง ๆ มีอะไรบอกกันได้ ถ้าเกิดแม่ทำผิด ติช่าก็จะบอกว่าแม่ทำผิดอะไร เราจะบอกกัน คนเราถึงโตแค่ไหนก็ทำผิดได้ เด็กจะถูกอบรมสั่งสอน แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่คงไม่มีใครไปกล้าพูด แต่หนูกับแม่สนิทกันมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง คือมันตัดความเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ หรือความเป็นแม่กับลูกที่อยู่คนละระดับออกไปเลย มันให้ความคุ้นเคยเหมือนเป็นเพื่อนกัน คุยกันสนุกค่ะ แล้วก็แฮงก์เอาต์กันได้ดีมาก มีเรื่องอะไรหนูก็ปรึกษาแม่ แม่ก็ปรึกษาหนูด้วยนะ
อยู่เมืองไทยเหงาไหม?
แน่นอนค่ะ ทั้งชีวิตที่เกิดมา หนูต้องอยู่กับใครสักคนที่ดูแลไม่คนใดก็คนหนึ่ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เราบินมาจากสวีเดน ไม่เคยอยู่ไกลจากครอบครัวขนาดนี้ แถมยังมาตัวคนเดียวที่กรุงเทพฯ ตอนเราอยู่ที่โน่น หนูอาจจะทำงานบ้านบ้างไม่ทำบ้าง คือไม่มีความพร้อมพอที่จะอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น พอย้ายมาที่นี่เราต้องฝึกตัวเอง บอกตัวเองว่าเราต้องอยู่ให้ได้ คือเราไม่เคยอยู่กรุงเทพฯ ต้องมาอยู่ตัวคนเดียว นี่คือก้าวที่ยิ่งใหญ่ ถามว่าเหงาไหม ตอนโชว์มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ความเหงาทำให้หนูเครียดมาก เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ใช่เครียดจากรายการนะคะ แต่การที่เราต้องมาอยู่คนเดียว กินข้าวคนเดียวทุกวัน ไปไหนคนเดียวทุกวัน สะสมความโดดเดี่ยวมาครึ่งปี เวลาคุยกับแม่ก็ร้องไห้ บอกว่าเราเหนื่อย
ทำไมยอมจากบ้านมาไกลเพื่อสมัครเดอะเฟซ?
ติช่าอยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตบ้าง ไม่อยากให้ตายไปโดยไม่ได้ลองทำอะไรที่ตัวเองรัก ติช่าชอบแบบนี้อยู่แล้ว ชอบดูรายการนางแบบและการแข่งขัน รู้สึกว่ามันสนุกมาก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย ถ้าเกิดเลยไปอีก 5 ปี ติช่าอาจจะไปสนใจอย่างอื่นแล้วก็ได้ อาจจะไม่พยายามด้านนี้แล้ว อาจจะไปเรียนต่อแล้วก็ทำงานเลยก็ได้ ตอนนี้อยากทำ รู้สึกว่ามันมีพลัง มีความทะเยอทะยานที่จะทำด้านนี้ มันเป็นจังหวะที่หนูอยากทำมาก ถ้าเกิดไม่สมัครแล้ววันหนึ่งมานั่งถามตัวเองว่า ถ้าวันนั้นฉันมาสมัครเดอะเฟซแล้วจะได้เป็นไหม หรือหากไม่ได้อาจจะได้งานอะไรในวงการไหม ซึ่งวันนี้เราได้ลองทำดูแล้ว เกิดมาทั้งทีต้องลองค่ะ ระหว่างการแข่งขันมันมีหลายเรื่องที่เราไม่ได้คิดก่อนเข้ารายการ เช่น จะมีการแพ้การชนะ มันก็เริ่มกดดันแล้ว มีความกดดันจากเมนเทอร์ จากทีม ที่เราอยากทำให้มันออกมาดี มีความกดดันจากโซเชียล ซึ่งตอนแรกหนูไม่ได้แคร์มาก ตอนปี 1 หนูดูแค่รายการเป็นหลัก ไม่ได้ไปดูพวกกระแสต่าง ๆ แต่ปีนี้เป็นปีที่มีกระแสดังมาก เราเป็นแค่คนธรรมดา แค่มาร่วมเล่นในรายการ แล้วก็มีคนมาว่าโน่นนี่ เลยคิดว่าฉันทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยเหรอ เราไม่ได้ตั้งใจให้มันออกมาแย่ เราอยากชนะ อยากให้ทีมรอด ไม่อยากให้ใครออก
ได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ด้วย?
ได้อ่านตอนแรกๆ เพราะเราอยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง บางคนที่เขาไม่ชอบเรา ทำยังไงเขาก็ไม่ชอบเราอยู่ดี แต่บางคนพอเริ่มผ่านไปนานๆ เขาก็เห็นว่าตัวตนของเราเป็นแบบนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าติช่าเป็นคนแบบนี้นี่เอง ไม่ได้มีพิษภัยอะไร เป็นคนตรง ๆ แรง ๆ แต่ไม่มีอะไรมาก คนเริ่มเข้าใจ หนูก็ดีใจค่ะ แต่พอหลัง ๆ หนูก็อ่านบ้าง ไม่อ่านบ้าง ถ้าเจอข้อความดี ๆ จะเป็นกำลังใจ ถ้าเจอข้อความแย่ ๆ จะไม่สนใจ อาจจะหงุดหงิดนิดหน่อย คือหนูเป็นคนอารมณ์ขึ้นลงเร็ว คนที่ว่าเรา เขาไม่รู้จักเราเลย แล้วคำด่าของเขามันไม่มีประโยชน์อะไรต่อหนูเลย ถ้ามัวแต่ฟังคำด่า ชีวิตนี้คงไม่ต้องทำอะไร เราก็เลยเลือกรับฟังแต่สิ่งดี ๆ คนมาด่าต่ำ ๆ ใช้คำแรง ๆ หนูก็ไม่เคยร้องไห้นะ เพราะเขาไม่รู้จักหนูเท่าที่หนูรู้จักตัวเอง หนูรู้สึกว่าคุณเป็นใครมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ รูปโปรไฟล์ก็ไม่รู้ของจริงหรือเปล่า มาทำเป็นรู้จักตัวหนูดีว่าหนูหน้าตาอย่างนั้นอย่างนี้ หนูไม่เคยร้องไห้เสียใจ เพราะคิดว่ามันไร้สาระมาก เขาไม่มีอิทธิพลในชีวิตหนูขนาดนั้น ติช่าดีใจนะที่เราทำได้ เราเลือกรับสนใจแต่สิ่งดี ๆ มีหลายคนที่ทำแบบนี้ไม่ได้ มัวแต่เจ็บกับเสียงด่า แต่ติช่าไม่สนเสียงนกเสียงกาทั้งหลายหรอก
ตอนอยู่ที่สวีเดนเป็นนางแบบด้วย?
มีถ่ายแบบบ้างค่ะ แต่ไม่ใช่มืออาชีพขนาดนั้น เป็นเหมือนงานอดิเรก ถ่ายไปเพราะชอบ สนุก ๆ มากกว่า ที่นั่นวงการนางแบบเล็กมาก ไม่เหมือนวงการดาราในบ้านเรา แต่พอมาเจอเดอะเฟซ ต่างกันเยอะค่ะ ทางนี้เป็นการแข่งขันออกทีวีก็ต้องใส่เต็มที่ค่ะ เดอะเฟซคือที่สุดแล้วค่ะ
ติช่าเรียนอะไรอยู่?
เรียนโปรแกรมนานาชาติค่ะ ระดับไฮสคูลก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ที่สวีเดนคนที่จบไฮสคูล ส่วนมากจะหางานทำสักพักก่อน เพื่อดูว่าเราชอบอะไร ก่อนที่จะมุ่งไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยอีก 3-4 ปี ซึ่งติช่าก็อยู่ในช่วงนี้พอดี เลยออกมาหาประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อนบางคนก็ลองไปฝึกทหาร บางคนก็ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ต่างประเทศ บางคนไปฝึกภาษา ทุกคนจะไปค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบ ส่วนหนูมาสมัครเดอะเฟซ แต่หลังจากนี้อาจจะรอให้งานลงตัวก่อน แล้วอาจจะลงเรียนต่อที่เมืองไทยนี่แหละค่ะ ซึ่งมันควรจะลงตัวในไม่ช้า เพราะหนูก็อยากเรียน ไม่อยากรอจนแก่
ได้เดอะเฟซปุ๊บก็พาแฟนหนุ่มมาเปิดตัวเลย?
หนูไม่เคยปิดบังเลย ก็คบกันมาก่อนแล้ว คิดว่านี่คือตัวของเรา ความรักเป็นสิ่งสวยงาม พอเป็นสิ่งสวยงามเราก็ไม่อยากปิดบังอะไร พอเรามาอยู่ที่นี่แล้วเราก็รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เพราะเราก็รู้ว่าวัฒนธรรมแตกต่าง แต่หนูก็คบเขาก่อนจะมาเดอะเฟซ รู้สึกว่าก็ให้เขามาเป็นกำลังใจมาเชียร์เรา ในวันไฟนอล วอล์ก แรก ๆ ก็ตื่นเต้นดูรายการกันเถอะ หนูก็นั่งแปลเป็นภาษาอังกฤษนะ พอดูไปสัก 3 EP. เขาไม่เข้าใจสักคำเลยไม่ได้ดู เขาจะมาถามเองว่า ตอนนั้นเธอร้องไห้ทำไม ใครพูดอะไร ทำไมทุกคนขำ
เดี๋ยวเขากลับแล้วต้องไกลกัน?
ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ชีวิตเราเป็นแบบนี้ ช่วงเวลานี้มันเซตไว้แบบนี้ เป็นทางที่เราต้องทำ ไม่ใช่ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่เราคิดที่เราฝันไว้ เอาที่เป็นไปได้ ตอนนี้ก็เหมือนเขามาเยี่ยมมากกว่า หนูกับเขาเราคบกันที่ใจ ตามหลักถ้าเราไม่อยากคบกันแล้ว ก็บ๊ายบายก็ได้ มันไม่ยากขนาดนั้น เราไม่โกรธเกลียดกัน ในความสัมพันธ์ที่หนูเคยมี ถ้าไม่เวิร์กก็บ๊ายบายค่ะ แค่นั้นเอง คือถ้าเราไม่ไว้ใจกัน ก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน แต่ที่เราคบกันเพราะความสบายใจ เราก็เชื่อใจกัน
แสดงว่าระยะทางไม่มีปัญหา?
มีค่ะ ก็คล้าย ๆ ครอบครัว เวลามีปัญหา เราก็อยากให้เขาอยู่ใกล้ ๆ เวลามีปัญหาเราก็อยากมีที่พึ่งทางใจ คุยกันได้ บางทีเราไม่ต้องคุยกัน แต่แค่นั่งด้วยกัน รู้ว่าอยู่ตรงนั้น ก็รู้สึกดีได้ แต่พอเราขาดตรงนั้นไป มันก็ยากอยู่ แต่หนูก็โอเค ตอนนี้เขาก็สามารถบินมาได้บ่อยกว่าเดิม ตอนนี้ชีวิตเป็นแบบนี้เราก็ต้องอยู่แบบนี้ เขาก็ยอมรับได้ เพราะเขาไม่มีทางเลือก
เขาเข้าใจสังคมและวัฒนธรรมของไทยไหม?
ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ ซึ่งเขาไม่ผิดเลย ที่เขาจะไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยอยู่เมืองไทย ไม่เคยเจอสังคมแบบนี้ หนูเองก็ต้องบอกเขา บางอันหนูรู้แต่ก็รู้ไม่หมด เราก็ต้องเรียนรู้กันไป จะมีบางอย่างที่พูดไม่ได้เลยนะ อันนี้ห้ามพูดก็ต้องบอกเขา อย่างเรื่องการไหว้ ก็บอกเขาว่า ไปเจอผู้ใหญ่ต้องไหว้นะ เมื่อก่อนหนูก็ไหว้ แต่ก็ไม่บ่อยเท่ากับตอนนี้ ก็จะบอกเขาว่ายูไหว้เผื่อไว้เลย มันไม่เสียหาย มีแต่สิ่งดี ๆ เราถูกสอนมา เราก็บอกเขา แล้วเรารู้ว่ามันเวิร์กดี เราก็บอกเขา
มีการมองอนาคตร่วมกันไหม?
ก็สบายใจก็อยู่กันไป ก็อยู่ไปเรื่อย ๆ ถ้ารู้สึกดี ไม่ได้แพลนอะไรยาวขนาดนั้น ตอนนี้เขาก็เป็นจุดสนใจ ก็อาจจะรับงาน ให้มาทำงาน ก็เป็นผลดีต่อตัวเขา ก็ดีค่ะ มาเยี่ยมบ่อย ๆ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นหนูก็คงคล่องตัวแล้ว ตอนนั้นหนูมา หนูก็เพิ่งเรียนจบ ไม่ได้ทำงานอะไร แม่ก็เป็นคนช่วยเรื่องการเงิน เราจะมาใช้เปลืองก็ไม่ได้ ตอนนี้ก็มีรายได้บ้าง ก็คงเยี่ยมกันได้บ่อยมากขึ้น แต่ก็ยังต้องประหยัด อยู่ที่โน่นเขาก็เป็นนายแบบค่ะ แต่เขาจะเน้นเรียนมากกว่า พักการเป็นนายแบบ เขาก็สนใจวงการบันเทิงเมืองไทยเหมือนกัน
ฝากอะไรกับแฟน ๆ ที่ติดตามหน่อย?
สำหรับคนที่รู้จักช่ามาก็เป็นแฟน ๆ ที่ดูเดอะเฟซ ติช่าขอบคุณและยอมรับในสิ่งที่ติช่าเป็นได้ บางทีก็ต้องใช้เวลาปรับตัวหน่อย แต่ก็ยังเอ็นดูเรา ทุ่มเทให้กำลังใจกับเรา มันมีความหมายมาก ทำให้ติช่าสู้จนถึงจุด ๆ หนึ่ง การที่ได้เดอะเฟซก็เป็นจุดสำเร็จอย่างหนึ่งของช่า และช่าก็จะพยายามต่อไปเรื่อย ๆ เพราะมีกำลังใจแบบนี้ สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักก็กลับไปดูเดอะเฟซได้นะคะ จะได้รู้จักเรามากขึ้น และบางคนที่อาจจะไม่ชอบว่าเราไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ หนูก็อยากให้เปิดใจ เพราะว่าเราก็ไม่ได้แข่งกันวันเดียว เราก็แข่งกันหลาย ๆ วันและเราก็พยายามทุกครั้ง เราก็อยากทำให้มันสมบูรณ์แบบ ก็จะพยายามต่อไปค่ะ แต่ถ้าไม่ชอบจริง ๆ ก็ไม่อยากจะสนใจขนาดนั้น สนใจแต่คนที่ชอบเราดีกว่า
* ดูประวัติ ติช่า - กันติชา ชุมมะ
|