'บี' รับวงการบันเทิงฉาบฉวย แต่ดาราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี
นาทีนี้ในวงการนางแบบคงไม่มีใครกระแสแรงเท่ากับ บี - น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ อีกแล้ว เพราะตั้งแต่เธอเข้ามารับหน้าที่เมนเทอร์ในรายการ "เดอะเฟซ ไทยแลนด์ ซีซั่น 2" ก็ทำให้คนได้เห็นในอีกแง่มุมชีวิตของเธอ และพีคสุดขีดเมื่อลูกทีมของเธอคว้าแชมป์ได้ แต่เมื่อการแข่งขันจบลง ชีวิตเข้าสู่ภาวะปกติ เธอก็ยังมีละครในบทบาทที่แตกต่างออกไปจากการเป็นเมนเทอร์ให้ดูอีก กับละคร "เรือนร้อยรัก" ทางช่องวัน 31 วันนี้สาวบีเคลียร์คิวทองของเธอมาพูดคุยเปิดใจกับ "ดาวต่างมุม" ถึงเรื่องราวการทำงานของเธอ รวมถึงเรื่องความรักกับหนุ่มไฮโซ ฮิม - อิสริยะ คูหาเปรมกิจ ที่ไม่เคยพูดกับที่ไหนมาก่อน
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @beenamthipofficial (IG)
ตั้งแต่เป็นเมนเทอร์กระแสบีแรงกว่าเล่นละครอีก?
บีเชื่อว่าทุกคนมีด้านมืดของตัวเองค่ะ อยู่ที่ว่าเราจะเอาออกมาโชว์เมื่อไรมากกว่า บีทำงานในวงการมาสิบกว่าปี บีไม่เคยเอาด้านนี้ออกมาโชว์ให้คนดูเห็นว่าฉันร้าย ฉันเหวี่ยง หรือฉันเรื่องมากนะ ถ้าใครทำงานกับบีจะรู้เลยว่าบีไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่พออยู่ในรายการ มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น การจับเวลาการแข่งแคมเปญ 20 นาที การสอนเด็ก 20 นาที ทุกอย่างมันมีเวลากำหนดตายตัว เราอยากให้ทีมชนะ เพราะถ้าทีมเราแพ้ เราต้องส่งเด็กในทีมเราที่อ่อนที่สุดไปให้เขาคัดออก มันจะลำบากใจ ตอนแรกไม่เคยคิดว่าจะรักและผูกพันมากขนาดนี้ พอรอบลึก ๆ มันทำให้เรารักเด็กมากขึ้น คอยใส่ใจดูแลเขา เหมือนเราเป็นพี่สาวดูแลน้องสาว เราอยากให้เขาชนะ ให้ใจไปแล้วค่ะ
แล้วชีวิตจริงดูร้ายแบบในรายการหรือเปล่า?
ในรายการบีไม่ได้เฟค มันคือเรียลิตี้โชว์ เราคิดอย่างไรก็พูดออกไปเลยค่ะ แต่พออยู่ข้างนอกเราไม่เอานิสัยแย่ ๆ หรือด้านมืดเอามาใช้ในชีวิตประจำวันและงานในวงการบันเทิงนะ จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้แย่อะไรนะคะ คือบีเห็นอะไรบีก็พูดตรง ๆ ไม่มีแบบเห็นแล้วไม่พูด เพราะถ้าเราไม่พูดไม่บลัฟกันรายการมันไม่สนุก ก็เลยใส่เต็มที่ให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังดูละคร มันมีทั้งด้านดี ด้านอบอุ่นกับลูกทีม แล้วเวลาแข่งขัน เราก็ไม่จำเป็นต้องไปอ่อนข้อให้ใคร ไม่ว่าจะเป็นพี่เกดหรือคริสก็ตามค่ะ ทีมอื่นคือคู่แข่งเรา บีไม่ได้ใช้กลยุทธ์แบบที่ทีมอื่นใช้ บีพยายามคิดและเข้าใจรูปแบบของเกม คิดว่าถ้าเราทำแบบนี้ เขาจะไม่คัดลูกทีมเราออก หลายอย่างมันผ่านการคิดและไตร่ตรองบวกกับใช้ใจเล่นไปเลย คนมักติดภาพบีจากในละคร คงคิดว่าเรียบร้อยเป็นสาวหวาน ไม่ค่อยพูด จริง ๆ แล้วบีพูดน้อยแต่ต่อยหนักนะคะ ตอนนี้ "ติช่า" ก็ได้เป็นเดอะเฟซแล้ว เรียกว่าประสบความสำเร็จไปแล้วค่ะ แต่สมมุติว่าถ้าไม่ได้เป็นก็ไม่เป็นไร ถ้ามีโอกาสในซีซั่น 3 จะขอมาใหม่อีก (หัวเราะ)
ในละครบทร้ายมากขึ้นหรือเปล่า?
ตอนนี้มีของเอ็กแซ็กท์นี่แหละค่ะ เรื่อง "เรือนร้อยรัก" เหมือนจะแรงแต่ไม่ได้แรงมาก คือเรื่องมันแรงเลยทำให้ตัวละครดูแรง แล้วก็มีเรื่อง "เสน่หาข้ามเส้น" เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนอกใจแฟน เรื่องนี้คาแรกเตอร์ไม่แรง เป็นคนหวาน ๆ แต่เรื่องมันจะทำให้ดูแรงขึ้น ซึ่งไม่ว่าเราจะเล่นในบทบาทไหนก็ตาม บีต้องทำให้คนดูเชื่อให้ได้ การเป็นเมนเทอร์ในเดอะเฟซ ก็เหมือนการใส่อีกคาแรกเตอร์หนึ่ง ซึ่งคนไม่ได้เห็นด้านนี้มาก่อน จะไม่มีทางได้เห็นในวงการบันเทิงที่บีทำด้วยซ้ำ เพราะบีจะไม่ใช้อารมณ์ฉุนเฉียวขี้เหวี่ยงนอกจากในรายการแนวเรียลิตี้แบบนี้มาใช้ในชีวิตจริงแน่นอน
ปีนี้เราจะได้เห็นงานใหม่ ๆ ของบีมากยิ่งขึ้นไหม?
ก็คงมีละครนี่แหละค่ะ กำลังถ่ายทำอยู่ นอกเหนือจากนี้ก็ยังเป็นงานถ่ายแบบ แฟชั่นประมาณนั้น ส่วนการเลือกบทนั้นถ้าบทไหนที่เราอ่านแล้วรู้สึกอยากเล่นก็จะเล่น เมื่อก่อนบทไหนเข้ามาเราเล่นก็ได้ ไม่ได้คิดอะไรมาก ถึงตอนนี้เมื่อเราโตขึ้นก็อยากเล่นบทที่เราสนใจจริง ๆ อย่างเรื่อง "เรือนร้อยรัก" ตอนแรกไม่ค่อยอยากเล่นเพราะเป็นพีเรียด แต่เล่นไปเล่นมาก็ชอบ แล้วมันไม่ใช่ละครรีเมค แต่เป็นละครที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ให้เราเล่น ก็สนุกดีค่ะ เรื่อง "เสน่หาข้ามเส้น" ก็เหมือนกัน คาแรกเตอร์เป็นผู้หญิงที่คอนเซอเวทีฟมาก เป็นผู้หญิงมีกรอบ แต่พอวันหนึ่งเกิดนอกใจแฟนตัวเองซะเอง อันนี้ก็ไม่เคยเล่น ตอนแรก ๆ อ่านยังไม่รู้สึกอยากเล่นเท่าไร แต่ตอนนี้ชอบแล้วค่ะ เดี๋ยวนี้คนจะเริ่มอินกับนางเอกที่สู้คนมากกว่านางเอกดี๊ดีแล้วด้วย เมื่อโดนทำร้ายก็พร้อมสู้
วางเป้าหมายในวงการบันเทิงไว้อย่างไร
จะทำทุกงานให้ดีที่สุด บีเชื่อว่าไม่ว่างานอะไรก็แล้วแต่ คนดูจะเห็นว่าเราตั้งใจทำค่ะ งานในวงการบีก็ทำมาหมดแล้ว อย่างงานพิธีกรก็ทำมาแล้ว แต่บีพูดไม่เก่ง ก็เลยบอกพี่เขาไปว่า "พี่คะหนูขอตัว หนูลาออก" แบบนี้เลย เพราะเราทำได้ไม่ดีจริง ๆ งานพิธีกรถ้าได้ฝึกจริง ๆ จัง ๆ ก็คงดีขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ต้องไปฝึกการพูด มันสำคัญมากสำหรับงานพิธีกร ซึ่งถ้าฝึกแล้ว บีอาจทำมันได้ดีก็ได้ แต่ถ้าทำแล้วรู้สึกว่ามันไม่ดี เราไม่ทำดีกว่า ยิ่งเป็นพิธีกรเดี่ยว ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย (หัวเราะ) พูดคนเดียวไม่รู้จะพูดอะไรดี คิดไม่ทัน แต่ถ้ามีคนคอยส่งให้ แบบว่าคลิกกัน เพราะเป็นคนแย่งพูดไม่ทันจริง ๆ
มีงานถ่ายเซ็กซี่อีกไหม?
มีค่ะ ชุดวับ ๆ แวม ๆ นิดหน่อย แต่ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำ บีว่าถ้าเป็นชุดว่ายน้ำ ท่าโพสมันจะต้องฉีกแข้งฉีกขา มันแนวสปอร์ตก็จริง แต่คือมันต้องเปิดช่วงล่างตรงนี้ บีเป็นคนมายด์เรื่องเปิดส่วนเว้าส่วนโค้งให้ใครดูมาก ๆ (หัวเราะ) ยังไม่มั่นใจในการถ่ายชุดว่ายน้ำเท่าไร ชุดอื่นมันยังบิดไม่ให้เห็นเป้าหรือเห็นก้นได้ ขนาดเดินแบบยังต้องคิดเลยหากต้องใส่ชุดอันเดอร์แวร์ พี่ ๆ สไตลิสต์จะรู้เลยว่าบีไม่ใส่แน่นอน เราคิดว่ารูปร่างตัวเองไม่ได้เหมาะที่จะใส่อะไรแบบนั้น และอายที่จะต้องใส่แล้วให้คนมาถ่ายรูป มันไม่ค่อยมั่นใจ เพราะภาพนี้จะอยู่ไปอีกนาน หาในกูเกิ้ล หาเมื่อไรก็เจอ จริง ๆ บีเป็นคนขี้อายนะคะ แต่เวลางานเราต้องตัดความขี้อายนั้นออกไปให้ได้ เวลาอยู่กับคนอื่น บางทีเราไม่รู้จะพูดอะไรกับเขา ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน อย่างตอนไปเป็นเมนเทอร์ ต้องไปสอนน้องครั้งแรกในมาสเตอร์คลาสก็ตื่นเต้น เสียงสั่น เขินมาก ยังไม่คุ้นเคยกับน้อง ๆ ทั้ง 15 คน เลยพูดติด ๆ ขัด ๆ ตลอด หลายเทคมากเลยนะ และต้องถ่ายทั้งวัน เหนื่อยมาก แต่หลังจากวันนั้นก็บอกตัวเองว่าไม่ได้แล้ว ต้องมีสปิริต เราเป็นครู เราต้องสอนน้อง ฉันต้องทำให้ได้ อย่างละครก็เหมือนกัน สมัยนั้นตอนเข้าฉากครั้งแรกจะตื่นเต้นมาก ทุกอย่างรวนไปหมดเลย จนทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้น และเริ่มชินค่ะ
บีมองวงการบันเทิงอย่างไร?
บีว่าวงการบันเทิงเป็นอะไรที่ฉาบฉวยสำหรับคนที่คิดจะเข้ามาหาชื่อเสียงหรือหากระแส บีมองว่ามันเป็นอาชีพที่ดีมากนะ ถ้าเราอยู่ในวงการแล้วเราทำตัวดี ๆ เป็นบุคคลตัวอย่างให้แก่เด็ก ๆ มันก็เป็นสิ่งดีและสร้างสรรค์ เหมือนเราเป็นไอดอลของเขา เป็นอาชีพที่สร้างความสุขให้คนในสังคม แม้ว่าทุกคนจะมีทั้งด้านที่ดีและไม่ดี ก็อยากให้ทุกคนได้โชว์ด้านที่ดีเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่สังคม พูดจาดี มีสัมมาคารวะ รู้จักกาลเทศะ แต่ถ้าอันไหนเป็นด้านที่ไม่ดี เช่น สูบบุหรี่ ก็หลีกเลี่ยงอย่าให้เยาวชนเห็น เพราะดาราอยู่ในที่แจ้ง คนเห็นหมด
อย่างตอนเป็นเมนเทอร์แล้วมีคนมาเมนต์ด่ารู้สึกอย่างไรบ้าง?
ตอนนั้นคนด่าเยอะมาก จริงอยู่ว่าดาราเป็นคนที่อยู่ในที่แจ้ง ต้องออกสื่อ แต่เขาก็ต้องมีตัวตนของเขานะ อะไรที่คิดว่าเราทำแล้วไม่มีใครเดือดร้อน คนที่ไม่ชอบเราไม่มีสิทธิที่จะมาด่ามาว่า บีแค่ทำรายการเดอะเฟซ บลัฟกันในรายการเพื่ออะไรล่ะ ก็เพื่อให้รายการสนุกไง อยากให้คนดูรู้สึกโอ้โห สนุกจัง มันมากเลย หรือเกลียดมันจังเลย วันหนึ่งบีทนไม่ไหวก็เลยโพสต์อินสตาแกรมทำนองว่าถ้าอยากด่าเชิญด่าในรูปนี้นะ รูปอื่นอย่าไปด่าเลย บียอมรับว่าที่เราทำแบบนี้ ก็เพราะต้องการให้เขาด่าแหละ เราสร้างคาแรกเตอร์ว่าร้าย อยากให้คนดูเข้าใจว่าเราทำเพื่อให้รายการสนุกนะ อยากให้เขาสนุกกับสิ่งที่เราทำค่ะ
แฟนบีเห็นบีในรายการแล้วเขาว่าอย่างไรบ้าง?
จริง ๆ แล้วในรายการบีไม่ได้ร้ายเลยนะ แต่บีไม่อ้อมค้อมไง ชัดเจน ตรงไปตรงมา มันเป็นเหมือนเกมที่มีการบลัฟกันไปมา เราไม่ได้ไปร้ายไปตีใครนี่นา บางครั้งที่เราเหวี่ยงในรายการมันก็เป็นสิ่งที่เราเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ซึ่งเขาก็เข้าใจ รู้ว่าเราไม่ได้ร้ายอะไรแบบนั้นหรอก เขาบอกถ้าเขาไปอยู่ในรายการ เขาก็เป็นแบบเรา เพราะนิสัยคล้ายกันทั้งคู่
กับคนนี้มองอนาคตถึงขั้นแต่งงานเลยไหม?
ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ยังไม่มีอารมณ์แบบที่พอเห็นใครแต่งงานแล้วก็อยากแต่งบ้างหรือฉันต้องแต่งงานเร็ว ๆ นี้ คือถ้าพอมันถึงเวลาที่สมควรจริง ๆ ก็ค่อยแต่ง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิดแต่งงานหรือมีลูกด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดบ้างหรือเปล่า เพราะยังไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลยค่ะ
ตอนนี้เปิดเผยเรื่องแฟนมากขึ้น?
บีก็จะพูดเท่าที่บีจะพูดได้ค่ะ แต่บางเรื่องถ้าเรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขานะ เราก็เก็บความลับของเขาไว้ดีกว่า เพราะเขาไม่ใช่คนในวงการแบบเรา ตอนนี้ถึงเวลาที่พอจะพูดได้ประมาณนึง ไม่น่าเกลียด เพราะเราก็คบกันมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว
บีกับแฟนใครโรแมนติกกว่ากัน?
ไม่ทั้งคู่เลยค่ะ อย่างวันเกิดที่ผ่านมาเราไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ไม่ขอด้วย แค่ไปกินข้าวก็พอ เราบอกเขาไม่ต้องมาทำร้องแฮปปี้เบิร์ธเดย์เซอร์ไพร้ส์อะไรนะ แต่ปรากฏว่าเจ้าของร้านดันรู้ว่าเป็นวันเกิดเราก็เลยทำแบบนั้น บีเลยถามแฟนว่าบอกร้านไปหรือเปล่า เขาปฏิเสธไม่ได้บอกจริง ๆ
สิ่งที่ทั้งคู่จูนเข้าหากันได้คืออะไร?
เวลามีอะไรก็แล้วแต่ เขาทำให้บีคิดบวกได้เสมอ เวลาเราคิดอะไรที่ติดลบ เขาจะมีวิธีพูดให้เรารู้สึกดีขึ้น ลองคิดแบบนี้ดูสิ ให้เราคิดบวก เราก็เออ จริงด้วย ทำไมเราไม่เคยคิดแบบนี้เลย ตอนเด็ก ๆ เวลามีความรัก บีจะหึงหวงมาก คือแฟนต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่ทั้งหมด กลายเป็นว่าครอบครัว งาน อาชีพ สำคัญสุด ส่วนแฟนเป็นเรื่องรองลงมา ความรักเป็นสิ่งที่คบกันต้องไม่เหนื่อยค่ะ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน วันหนึ่งถ้าเรารู้สึกว่าคบกันแล้วเหนื่อย ก็ไม่น่าจะใช่แล้วล่ะ ส่วนสิ่งที่ยังต้องปรับเข้าหากัน มันก็มีบ้างบางเรื่องค่ะที่อยากให้เขาเปลี่ยน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหรอก ทุกคนมีด้านที่ไม่ดีอยู่แล้ว เขาก็คงมองว่าบีมีส่วนที่เขาไม่ชอบเหมือนกัน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรมากนักค่ะ
มุมมองความรักของบีเป็นอย่างไร?
ความรักที่ดีคือการที่เราคบกันแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ใช่คบกันแล้วทำให้ชีวิตเราตกต่ำลง หรือไปในทางที่เสียหาย ทุกวันนี้เราส่งเสริมกันในเรื่องของความคิด วิธีการคิดใหม่ ๆ อย่างที่บอกไปว่าตอนที่เราท้อแท้หรือมีข่าวที่ไม่ดี เขาจะเข้ามาพูดแล้วให้เราลองคิดแบบนี้ดู ลองนิ่งดูมั้ย ให้เราคิดบวกเข้าไว้ หลายคนชอบมองว่าดารามักคบกับไฮโซ ต้องบอกก่อนว่าบีไม่ได้เป็นคนที่ต้องชอบไฮโซแบบว่าให้เขามาคอยเทคแคร์เรา แต่สำหรับเขาคนนี้ เขาเป็นคนที่หาเงินเองตั้งแต่เด็กสมัยอยู่เมืองนอกแล้ว ทำธุรกิจเอง โตมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเลย
สื่อมักเรียกเขาว่าไฮโซ เขารู้สึกอย่างไรบ้าง?
เขาก็จะขำ บีว่าเขาเซอร์กว่าบีอีก ไลฟ์สไตล์เขาเซอร์เลยนะ แต่ด้วยอาชีพการงานของเขาเวลาอยู่ข้างนอกมาดเป็นนักธุรกิจ แต่เวลาอยู่กับเพื่อนเขาเป็นคนที่เซอร์มาก แล้วก็ง่าย ๆ อะไรก็ได้ บีพยายามจะแยกเขาออกจากสื่อนะ เพราะไม่อยากเอาเขาเข้ามาเกี่ยว แม้เขาจะคบกับเรา แต่เขาก็ไม่ใช่บุคคลสาธารณะที่ใครจะมารู้เรื่องราวชีวิตเขาเยอะแยะแบบนั้น
สุดท้ายนี้ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานของบีมาโดยตลอด?
ตอนแรกที่มาทำเดอะเฟซไม่คิดว่ากระแสจะดีขนาดนี้เลยค่ะ บีเป็นคนที่ไม่ค่อยโชว์ไลฟ์สไตล์ของบีให้ใครเห็นว่าบีมีความคิดยังไง วิธีการทำงานของบีเป็นยังไง พอคนได้มาเห็นในรายการว่าบีจริงจัง ซีเรียส และอินมาก คนจะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายนะที่จะมาทำงานในวงการบันเทิง ไม่ใช่เข้ามาแบบฉาบฉวย แต่ต้องเข้ามาด้วยใจรักจริง ๆ งานจึงจะออกมาดี ถึงแม้บีจะไม่ค่อยได้เป็นข่าวเท่าไรนัก แต่บียินดีให้คนสนใจในเรื่องงานมากกว่า เพราะบีค่อนข้างสันโดษ ดีใจที่มีคนมาดูเดอะเฟซและเข้าใจวิธีการทำงานของบี วิธีการวางตัวของบี และดีใจมากที่มันกลายเป็นกระแส เป็นคนแมน จนขนาดมีแฮชแท็ก # ยอมแล้วทูนหัวอยากมีผัวเป็นพี่บี (หัวเราะ) คนจะโพสต์เต็มเลยว่าชอบพี่บีมาก พี่บีคนแมน ตอนนี้ก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเยอะเลย ต้องขอขอบคุณมากค่ะ
* ดูประวัติ บี - น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์
* ดูอัลบั้ม บี - น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์
|