เปลี่ยนอดีตเป็นประสบการณ์ 'มด' ปล่อยเรื่องรัก - ไม่ผูกมัด
เรียกว่ามาทางการแสดงแบบเต็มตัวแล้ว สำหรับสาว มด - ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ ที่ตอนนี้กำลังมีผลงาน "มงกุฎริษยา" ออกมาฝากแฟน ๆ กัน ในวันนี้ "ดาวต่างมุม" ก็ได้นัดสาวมดมานั่งพูดคุยกันแบบสบาย ๆ ทั้งในเรื่องของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงมาฉายเดี่ยวแบบชัดเจน หลังแยกจากสาว โฟร์ - ศกลรัตน์วรอุไร อย่างเป็นทางการ พร้อมแอบถามเรื่องหัวใจกับหนุ่มรุ่นพี่นอกวงการ ซึ่งแม้จะไม่ค่อยหวือหวาเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็แฮปปี้สุด ๆ ทีเดียว
ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @modnapapat (IG)
ถามถึงคาแรกเตอร์ "ดาว" ใน "มงกุฎริษยา" หน่อย?
มดได้อ่านบทเรื่องนี้แล้วรู้สึกชอบมาก เพราะคาแรกเตอร์ "ดาว" ที่มดได้รับมันมีการเปลี่ยนแปลง คนชอบคิดว่านางเอกก็ต้องเป็นนางเอก ส่วนนางร้ายก็เป็นนางร้าย แต่ตัวดาวไม่ใช่ มันมีที่มาที่ไปของการกระทำสำหรับตัวละคร มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการประกวดนางงาม และเรื่องของดาวเกิดขึ้นเพราะเพื่อน ดาวมีเพื่อน 2 คนที่รักกันมาก คือ "ชมพู่" รับบทโดย ยีนส์ - เกวลิน และ "ฟ้า" แสดงโดย ฝ้าย - เวฬุรีย์ ซึ่งแต่ละคนก็มีความฝันต่างกัน กระทั่งวันนึงทั้ง 3 คนได้มาเจอกันบนเวทีนางงาม ซึ่งบนเวทีมีการแข่งขันสูง และแต่ละคนก็แข่งกันเพื่อให้ได้มงกุฎ เลยทำให้จากเพื่อนรักเป็นการหักเหลี่ยม ทั้งการริษยากันเองและการยุยงจากคนรอบข้าง รวมทั้งมีเรื่องความรักที่เข้ามาเกี่ยวด้วยค่ะ
ตอนนี้เห็นมีทั้งงานพิธีกรและนักแสดง ดูเรารับงานหลากหลายมากขึ้น?
อาจเป็นเพราะมดไม่เกี่ยงงานอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ให้งานอะไรมาเราก็ทำ ส่วนใหญ่มดเป็นคนไม่เลือกรับบทละครเลย เราเชื่อใจผู้ใหญ่ว่าเขาคงสกรีนงานและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้เราอยู่แล้ว ณ ตอนนี้ความรู้สึกเราก็น่าจะเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว จากนักร้องมาเป็นนักแสดงก็ค่อนข้างเปลี่ยนเยอะเหมือนกัน การเป็นนักแสดงเราทำงานเป็นกอง เวลาทำอะไรต้องนึกถึงคนส่วนรวมเป็นหลัก ต้องมีความรับผิดชอบ มีการทำการบ้านที่ดีค่ะ
การทำงานเป็นนักร้องเราได้เป็นตัวเองเต็มที่ แต่นักแสดงเราต้องสวมบทเป็นคนอื่น มีวิธีปรับตัวในการทำงานยังไง?
จริง ๆ มดว่ามันคือหน้าที่นักแสดงนะ คนที่จะใช้คำว่านักแสดงได้ หนึ่งเลยต้องมีความรับผิดชอบในการปรับไปตามตัวละครที่เราได้รับ มดไม่ได้มองว่ามันคือความยาก แต่มันคือความท้าทายที่ทุกคนต้องเจอ ทุกบทมันยากอยู่แล้ว เพียงแค่ว่าเราจะตีโจทย์ยังไง และก็ขึ้นอยู่กับการทำการบ้านของเราด้วย การเป็นนักแสดงไม่ใช่ว่าเราจะเป็นนางเอกอย่างเดียว และจะเล่นแค่บทแบบนี้ แต่การเป็นนักแสดงที่ดีต้องเล่นได้ทุกบททั้งดีและร้าย ส่วนเรื่องบทเด่นหรือไม่ มันอยู่ที่ว่าเราจะทำออกมาได้ดีแค่ไหนค่ะ
เรื่องงานเพลงจะมีให้ฟังอีกมั้ย?
สำหรับงานเพลงตอนนี้มดมีเพลงประกอบละคร ซึ่งเป็นอะไรที่ยากระดับหนึ่ง เพราะเราไม่เคยร้องเพลงคนเดียวมาก่อน เหมือนมาฝึกใหม่ ส่วนซิงเกิ้ลเดี่ยวตอนนี้ยังไม่มี อยากฟังเสียงมดก็ฟังเพลงประกอบละครไปก่อนนะคะ (ยิ้ม)
มดชินกับการเป็นศิลปินเดี่ยวรึยัง?
มดว่ามันเป็นเส้นทางชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นก็ต้องมีจุดสิ้นสุด มีจุดที่เราต้องเลือกทางเดินว่าจะเดินไปทางไหน ไม่ใช่ว่าเราจะต้องอยู่กับสิ่งนั้นตลอดไป แต่ในเมื่อเราถึงจุดที่ต้องเลือกก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและเป็นอนาคตเราด้วย มดว่ามันต้อง มูฟ ออน นะ ในเมื่อมันถึงจุดแล้วและเราก็รู้สึกว่าเรายังไปได้อีก เรายังมีงานแสดง มีคนคอยมาถามว่าจบโฟร์มดแล้ว มดจะเลิกทำงานมั้ย คือมันก็ไม่ใช่ มดยังมองว่ามันคืออาชีพของเรา มันคือความรักของเราที่จะทำงานในด้านนี้ เราแสดงละครเราก็มีความสุขกับมัน และเชื่อว่าการทำงานที่เรารักมันก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ
ตอนนี้ยังมีติดต่อพูดคุยกับโฟร์อยู่มั้ย?
กับพี่โฟร์ ณ ตอนนี้ไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ส่วนที่คนมองว่าเรามีปัญหากัน ให้มดพูดจริง ๆ นะสำหรับตัวมดไม่ได้มีปัญหา วันนี้พี่โฟร์ก็เป็นพี่สาวมดอยู่ ที่คนจับตามองว่าทะเลาะกันแบบนั้นเราก็เข้าใจ รู้อยู่แล้วมันเป็นคำถามที่ใคร ๆ ก็ถามมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งเราก็ตอบตลอดว่าไม่มีปัญหาอะไรขนาดนั้น ถามว่าผู้หญิงสองคนอยู่ด้วยกันก็มีเรื่องจุกจิกมั้ย คือผู้หญิงจุกจิกจะตาย แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญสำหรับเราค่ะ
อยู่วงการ 11 ปี มองกลับไปคิดว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปเยอะรึเปล่า?
เราก็โตขึ้นไปตามวัยวุฒิและการทำงานของเรา หลายอย่างที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรค หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับมดและมดก็รู้สึกดีด้วยกับการที่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น มันทำให้เราได้เรียนรู้ว่าอันไหนเป็นยังไง ถ้าเรื่องบางอย่างไม่เกิดขึ้น มดอาจไม่รู้ก็ได้ว่าเราควรเดินทางไหน มันก็มีสิ่งที่ผิด แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดและเราก็ไม่ทำอีกค่ะ
หากมีโอกาสกลับไปแก้ไขในอดีต อยากแก้เรื่องอะไรมั้ย?
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้มดไม่อยากแก้ไขอะไรเลย มดว่ามันคือสิ่งที่เราจะต้องเจอ มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิด ณ ตอนนั้นเราก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอก แต่ถ้าให้มดอยู่ในปัจจุบันและให้มองย้อนกลับไป อดีตก็คืออดีตค่ะ เราแก้ไขไม่ได้อยู่แล้ว สุดท้ายอดีตก็คือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้เป็นประสบการณ์และปรับเปลี่ยนตัวเอง ก็แค่นั้นเอง ส่วนมุมมองต่อวงการบันเทิง มดก็รู้สึกว่าเราโตขึ้น อย่างแต่ก่อนเราก็มีงอแงบ้างตามประสาเด็กน้อย แต่เราโตขึ้นก็มองว่ามันเป็นการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน บริษัทไหน มันก็มีปัญหาของมัน แต่ปัญหาแต่ละที่อาจไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าสิ่งที่เจอเราจะรับมันได้มากน้อยแค่ไหน เราจะวางตัวแบบไหนกับปัญหาที่มันเกิดขึ้น มดว่าการทำงานในวงการยิ่งเราทำเยอะ มันก็ยิ่งทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเราต้องทำยังไงกับปัญหาที่เราเจอค่ะ
เวลาเจอข่าวแง่ลบ มีวิธีรับมือยังไง?
มันเป็นเรื่องปกติในวงการบันเทิง มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องชินด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแบบไหนก็ตาม แต่เราว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงเราพร้อมที่จะยอมรับเสมอไม่ว่าจะถูกหรือผิด เพราะแน่นอนคนเรามันก็ต้องมีทั้งการทำถูกและผิด ถึงเราเป็นคนในวงการบันเทิงแต่เราก็ยังเป็นมนุษย์คนนึง ถ้าดีก็ทำมันต่อไป แต่ถ้าเราทำไม่ดี ก็แค่ยอมรับมันว่าผิด และเราก็เรียนรู้จากสิ่งที่เราทำผิดและไม่ทำมันอีก มดเลยรู้ว่าเราไม่เห็นจำเป็นที่ต้องสร้างว่าเราไม่ได้ทำผิด ฉันไม่รู้ เพราะคนเราทำผิดกันได้ทุกคน แค่ยอมรับมัน ส่วนใครจะไม่เข้าใจหรือไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไร เพราะเราก็รู้ตัวเองว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
มดมองอนาคตตัวเองในวงการไว้ยังไง?
มดไม่ได้มองไกลขนาดนั้น เพราะเราไม่รู้อยู่แล้วว่าการอยู่ในวงการบันเทิงจะเสถียรแค่ไหน เราอยู่ในจุดที่สูงสุดมันก็อาจมีวันที่เราลงมาอยู่ในจุดที่ต่ำสุดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับกาลเวลาและการวางตัวของเราว่าจะประพฤติตัวยังไง เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุด สำหรับมดถ้าวันนึงเราต้องมาอยู่ในที่ต่ำที่สุด มันก็คงถึงเวลาของเราแล้วที่อาจต้องไปหาอย่างอื่นทำ แต่หากว่าเรายังไปได้เรื่อย ๆ เราก็แค่ทำให้เต็มที่และคงเส้นคงวาค่ะ
สิ่งที่ภูมิใจที่สุดในชีวิตคืออะไร?
มดภูมิใจที่คนเห็นการเปลี่ยนแปลงของมด เรารู้สึกว่าคนรอบข้างเห็นเราตั้งใจทำงาน ทุ่มเทกับด้านนี้ ซึ่งแน่นอนการทำพวกนี้เราไม่ได้คิดตั้งแต่แรกเลยว่าจะทำให้คนมาเห็นว่าเราตั้งใจทำตัวดีขึ้น หรือทำเพื่อเลียใคร แต่เราแค่คิดว่าเราทำเพื่อตัวเราเอง ซึ่งพอเราทำแล้วคนรอบข้างแฮปปี้กับเรา เห็นความตั้งใจเรา อย่างน้อยเราก็ยังมีคนที่รักเราและมองเราในแง่ดีค่ะ
ถามถึงเรื่องหัวใจเห็นว่ามีหนุ่มนอกวงการที่กำลังคุย ๆ อยู่ ตอนนี้พัฒนาถึงไหนแล้ว?
ตอนนี้ยังคุยอยู่ เรียนรู้กันมาเป็นปีแล้วแต่มดไม่อยากให้คำจำกัดความ ส่วนใกล้คำว่าแฟนรึเปล่า ก็ไม่ได้อยากขีดคำนี้ไว้ด้วยซ้ำว่าเราจะคุยคนนี้เพื่อจะเป็นแฟน มดแค่รู้สึกว่าเราค่อย ๆ เรียนรู้กันไป เรามีความสุขแล้วกับสิ่งที่มันเป็นตอนนี้ มันดีกับทั้ง 2 ฝ่ายด้วยค่ะ
ดูเราเก็บรักครั้งนี้ค่อนข้างเงียบกว่าทุกครั้ง?
ไม่หรอกค่ะ เราแค่รู้สึกว่ายังไม่พร้อม และไม่จำเป็นที่เราต้องมานั่งป่าวประกาศ เราแค่รู้สึกว่าอยากให้ลิมิตกับมัน เราอยากให้คนโฟกัสในเรื่องการทำงาน หากมีภาพปาปารัซซีออกมาเราก็ตอบได้นะ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดบังอยู่แล้ว คือเราระวังในการพูดความรักมากขึ้น เพราะสุดท้ายคนที่ออกมาพูดคือตัวมด ส่วนข่าวซุบซิบมีอยู่แล้ว ห้ามไม่ได้หรอก แต่เราต้องมีลิมิตของเราในบางเรื่อง ขอมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างไม่เสียหาย แต่ใครถามก็ไม่ได้โกหกหรือปิดบังค่ะ ส่วนหนุ่มคนนี้ถูกใจเราตรงที่มันเป็นความรู้สึกที่ดี เขามีความน่ารักและมีความเข้าใจ แต่มันยังต้องค่อย ๆ เรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ ว่านิสัยเข้ากันได้มั้ยค่ะ
หนุ่มคนนี้คุณแม่รับรู้แล้วรึยัง?
รับรู้ค่ะ เพราะเรามีอะไร มีใครเข้ามาก็เล่าให้ท่านฟังหมด เวลามีอะไรเราปรึกษาท่านได้ อีกอย่างเราคุยกับใครแล้วอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ดีกว่า ซึ่งคนนี้เราก็เคยพามาเจอคุณแม่แล้ว เพราะเวลาไปไหนมาไหน อย่างน้อยเขาต้องมาขอแม่ก่อน มันเป็นอะไรที่น่ารักในมุมมองเรา คือเขาก็เข้าหาผู้ใหญ่นะ ถ้าเราจะคบกับใครแล้วแบบผู้ใหญ่ไม่โอเค มันก็เหนื่อย บายก่อนดีกว่า ซึ่งคุณแม่ไม่มีคอมเมนต์อะไรถึงคนนี้ มันอยู่กับวิจารณญาณของมดมากกว่า อีกอย่างแม่ก็มองว่าเราโตแล้ว ต้องเรียนรู้เองว่าอะไรควรหรือไม่ควร ท่านดูอยู่ห่าง ๆ ค่ะ มุมมองความรักของมด ณ ตอนนี้ คือประสบการณ์มันสอนได้เยอะ เราทำงานด้านนี้ก็อยากให้คนมองผลงานมากกว่า เราไม่อยากให้ความรักเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิต เพราะเวลาเป็นข่าวจะคบจะเลิก สุดท้ายก็เป็นหนูคนเดียวที่จะพูดค่ะ
สำหรับของครั้งนี้ เขาต้องมีคุณสมบัติอะไรเป็นพิเศษมั้ย?
เราบ้างานค่ะ เขาต้องเข้าใจเรา และเขาก็ต้องดูแลและซัพพอร์ตเราได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะคบแต่คนรวย เพราะคนรวยแต่ไม่รู้จักทำมาหากิน ใช้เป็นแต่เงิน ก็จนได้เหมือนกัน มดเลยมองว่าถ้าเราคุยกับใคร หนึ่งเลยเขาต้องทำงานเป็นค่ะ
แปลว่าหนุ่มนี้ก็ต้องขยันทำมาหากิน สร้างรากฐานพอสมควร?
ก็ต้องขยันทำงานพอสมควรค่ะ ความต้องการมดเยอะ (ยิ้ม) แต่เรื่องการสร้างรากฐานมันเป็นเรื่องของเขา ปล่อยให้เป็นเรื่องธรรมชาติ ปล่อยให้เป็นวัยของมัน แต่เรายังเอ็นจอยกับการทำงานและใช้ชีวิตแบบนี้อยู่ ซึ่งเราเองต่างคนต่างเป็นกำลังใจให้กัน การทำงานมันก็มีปัญหาที่ไม่เหมือนกัน แต่เรามีอะไรเราก็มาแชร์กัน ปรึกษากันได้ โอเคมดอาจไม่ได้เก่งการทำธุรกิจ แต่อย่างน้อยเราก็ให้กำลังใจเขาว่าสู้ ๆ ก็เข้าใจกันค่ะ
มีกฏในการคบกันบ้างมั้ย?
ไม่เลยค่ะ เรื่อย ๆ ไม่ได้ขีดเส้นอะไรไว้ ส่วนเรื่องการทำงานของเราที่บางทีเซ็กซี่ แต่มันคืองานของเรา ซึ่งเขาต้องเข้าใจค่ะ มันคือสิ่งที่ผู้ใหญ่ตัดสินใจมาแล้วว่าเราเหมาะก็คือเหมาะ และเราก็มองว่าเราทำงานเราได้เงิน อยู่ดี ๆ จะมาบอกว่าไม่ให้เราทำงาน เงินฉันก็หายสิ หนูพูดกับเขาตรง ๆ เลยว่าเราก็ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวตัวเองเหมือนกัน ซึ่งเขาก็เข้าใจ เขาก็บอกว่าก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เขาค่อนข้างห่วงเรื่องภาพลักษณ์เรามากกว่า ว่าทำได้แต่ต้องมีลิมิต ให้คนรู้สึกว่าดูโอเค
หนุ่มคนนี้อายุห่างกันขนาดไหน?
เขาก็อายุเป็นผู้ใหญ่ห่างจากเราเหมือนกัน หนูมีความรู้สึกว่าหนูเป็นเด็ก มีความงอแง เรื่องอายุห่างกันมันก็เป็นอุปสรรคเหมือนกัน แต่อย่างที่มดบอกทุกความสัมพันธ์มันมีปัญหาอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเผชิญหน้ากับมันยังไง คู่เราก็อาจไม่เชิงทะเลาะ แต่อาจมีน้อยใจกันนิดนึง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไม่มีเวลา มันก็ทั้งคู่แหละค่ะทั้งเขาและเราก็งานยุ่ง
รักครั้งนี้มดคิดว่าอะไรเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประคองกันไปได้ตลอด?
ความเข้าใจค่ะ และมดปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลาดีกว่า ไม่ได้เร่งรัด ทั้งเราและเขาก็สบายใจ ไม่อยากมายึดติดกับอารมณ์ว่าเป็นเจ้าของกัน สำหรับรักครั้งนี้มดไม่ได้คาดหวังเยอะ ไม่ได้คิดว่าจะคบกันกี่ปีแล้วจะต้องแต่งงาน ไม่หวังตรงนี้ แต่เราค่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ ว่างก็เจอ ไม่ว่างก็คุยโทรศัพท์ หรือแก้ปัญหายังไงกับสิ่งที่เราเจอ ให้กำลังใจกัน สุดท้ายถ้ามันใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ มันคือช่วงชีวิตช่วงนึงที่เราต้องเจอแค่นั้น ส่วนถ้าคนนี้เป็นคนทีใช่ จะได้เห็นหน้าหนุ่มคนนี้ทางสื่อบ้างมั้ย ก็เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน แต่จะให้เอ่ยชื่อ ออกงาน พูดเลยยาก เค้าค่อนข้างรักความเป็นส่วนตัวเหมือนกันค่ะ
ท้ายสุดฝากถึงแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจหน่อย?
จริง ๆ ต้องบอกว่าขอบคุณจริง ๆ ที่เชื่อใจและให้โอกาสมดอยู่ ที่ผ่านมาเราก็รู้ว่าเราผิดพลาดอะไรมาบ้าง เราก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เราทำตรงนั้นและเราอยากขอโทษ แต่วันนี้เราอยากให้มองว่าเราขยันทำงานเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ และขอบคุณคนที่คอยให้กำลังใจ คอยอยู่ข้าง ๆ ในโมเมนต์ที่เราแย่ก็ยังมีคนที่คอยเป็นกำลังใจให้เราตลอดเวลา มันก็มีอะไรในแง่ลบอยู่แล้ว เราก็อยู่กับมันให้ได้ แต่ก็ดีนะ เมาท์ กันไปอย่างน้อยทุกคนก็ยังเอ่ยชื่อหนูค่ะ (ยิ้ม)
* ดูประวัติ มด - ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ
* ดูอัลบั้ม มด - ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ
|