จิรายุ ตั้งศรีสุข
|
'เจมส์' จิรายุ ฟีเวอร์ ดังระเบิดชั่วข้ามคืน
ต้านกระแสความแรง ความดัง จนฉุดไม่อยู่จริง ๆ สัปดาห์นี้ “โลกสีสวย” จึงต้องคว้าตัวพระเอกหนุ่มดาวรุ่งมาแรงจากวิก 3 พระรามสี่ อย่าง “เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข” มาขึ้นปกแทนสาว ๆ เพราะหนุ่มคนนี้ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการบันเทิงเพียงแค่ชั่วข้ามคืน เจมส์-จิรายุ ได้กลายเป็น “ขวัญใจ” ไปทั่วบ้านทั่วเมือง จากเรตติ้งละครที่พุ่งสูงทะลุเพดานอย่าง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร” ด้วยความแรงสุด ๆ ทำให้หนุ่มน้อยคนนี้ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นดาวรุ่งแถวหน้าที่ถูกจับตามองมากที่สุดในชั่วโมงนี้ และเชื่อว่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ คงอยากจะรู้จักหนุ่มคนนี้ให้มากขึ้น “โลกสีสวย” เลยขอยกพื้นที่ให้กับ เจมส์-จิฯ หนุ่มหน้าใสคนนี้ได้มาพูดคุยกับเราเพื่อที่จะได้รู้จักตัวจริง เสียงจริงให้มากกว่าเดิม
ที่มา: เดลินิวส์
|
|
|
|
คำถาม
|
ตอนนี้ใครต่อใครก็ยกให้เจมส์ เป็นซุป’ตาร์ เจมส์รู้สึกยังไงกับคำนี้?
|
เจมส์
|
“คือผมไม่รู้คำว่าซุป’ตาร์เป็นยังไง เพราะว่าเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ปีหนึ่ง ผมก็ทำงานทุกวัน จนถึงวันนี้ก็ยังทำงานทุกวัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ผมก็ยังทำงานเหมือนเดิม คือ ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด อยู่พิจิตร ซึ่งเป็นจังหวัดที่ไม่มีดาราไปอยู่แล้ว ไม่มีงานอีเวนต์ แล้วพอมาเจอดารา เราเคยเห็นแต่ดาราในทีวี เราก็คิดว่าเขาเป็นเทพบุตร เทพธิดา อยู่ในทีวีจับต้องไม่ได้ พอเราได้เข้ามาแล้วเรารู้เลยว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งนี้แหละ ที่ทำงานให้ความบันเทิงกับคนดู แล้วผมเองมาทำงานตรงนี้ก็ยังไม่รู้เลยครับว่า ซุป’ตาร์ เป็นยังไง”
|
คำถาม
|
มีคนเตือนไหมว่าคนเราพอมีชื่อเสียงมาก ๆ แล้วจะเหลิง?
|
เจมส์
|
“ก็มีคนเตือนเยอะครับว่าระวังเหลิงเตือนทุกคนที่เจอ เอาจริง ๆ ผมก็ยังไม่รู้เลยความดังคืออะไร แต่คิดว่าไม่น่าจะเหลิงครับ เพราะว่าทำงานทุกวันแล้วก็มีพี่ปิ๊กผู้จัดการด่าอยู่ทุกวันเลย (หัวเราะ)” |
|
คำถาม
|
แล้วอึดอัดไหมที่มีแต่คนขอถ่ายรูป?
|
เจมส์ |
“ไม่อึดอัดครับ สนุกไปอีกแบบหนึ่ง คือสงสารเขามากกว่า ตอนที่ผมไปถ่ายละคร ผมจะไปถ่าย 6 โมงเช้า แล้วเขาจะมาเที่ยง แล้วผมจะเลิกประมาณ 4 ทุ่ม เดินออกไปเจอเขา สงสารเขาครับ เขายืนรอกันตั้งแต่เที่ยง ยุงกัด ยืนตากฝนรอเราเห็นแล้วสงสาร แต่ก็ดีใจนะครับที่มีคนรักเราขนาดนี้ ก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน”
|
คำถาม
|
ขอย้อนไปวัยเด็กของเจมส์ซะหน่อย ตอนเด็ก ๆ คิดว่าเรามาทางนี้เลยไหม?
|
เจมส์ |
“ไม่เลยครับ เพราะว่าจริง ๆ ผมเป็นเด็กติดเกม แล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะมาทางนี้เลย ตอนนั้นก็คิดว่าจะไปเรียนทางด้านสร้างโปรแกรมเกมนะ แต่พอดีว่าคุณแม่เขาชอบและอยากให้เราได้เป็นดารา คือแม่เขาขายของเขาดูทีวีเห็นดารา ก็อยากจะให้ลูกตัวเองเป็นบ้าง อยากเห็นลูกออกทีวีบ้าง”
|
|
|
|
คำถาม
|
เราชอบไหม พอเข้ามาแล้ว?
|
เจมส์
|
“ผมเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ครับ ชอบที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ และเข้ามาทำงานนี้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพิ่มทุกวัน การเล่นละครเรื่องหนึ่ง เราได้ทำอะไรหลายอย่าง ได้เป็นคุณหมอบ้าง ได้ยิงปืนบ้าง ได้บู๊บ้าง มันสนุกดี และได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ แบบ”
|
คำถาม
|
จริง ๆ เจมส์เป็นคนโลกส่วนตัวสูงไหม?
|
เจมส์
|
“ไม่มีโลกส่วนตัวครับ ถึงผมจะเป็นเด็กติดเกม แต่ผมก็ไม่มีโลกส่วนตัวนะ แต่ผมจะเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก เมื่อก่อนนี้ผมก็ขี้อาย แต่ตอนนี้หน้าด้านแล้ว (หัวเราะ) คือผมไม่ค่อยมีมุมอะไรมาก เข้าใจไม่ยากแต่คุยไม่เก่ง อย่างเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ พ่อแม่พาไปไหว้บรรพบุรุษ ไปเจอญาติ ๆ เขาก็บอกว่าไปคุยกับคนโน้นคนนี้ ผมก็ไม่เอาไม่คุย อยากจะกลับบ้านเพราะอยากจะกลับไปเล่นเกม ถามว่าเกเรไหม ไม่รู้ว่าเกเรหรือเปล่า เพราะอยู่แต่กับเกม ชอบอยู่แต่บ้าน ตอนเด็กขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น ปั่นจักรยานไม่เป็น เพิ่งจะมาขี่มอเตอร์ไซค์เป็นตอนขึ้นมัธยม”
|
|
คำถาม |
พอขี่มอเตอร์ไซค์เป็น แล้วชอบซิ่งเลยไหม?
|
เจมส์ |
“คือหลังจากที่เป็นเด็กติดเกมแล้ว พอขึ้น ม.1 ผมเริ่มขี่จักรยานเป็น ก็ซ่าเลย ไปปั่นแข่งกับมอเตอร์ไซค์ เราก็ปั่นไปแซงเขาได้ เพราะว่าเพื่อนมันขี่มอเตอร์ไซค์ป๊อป มันเร็วสุดก็ไม่เกิน 50 ตอนนั้นพอเราปั่นแซงได้ ปลื้มมาก เริ่มชอบความเร็วแล้ว ก็ขยับไปขี่มอเตอร์ไซค์
ตอนนั้นอยู่ ม.4 ก็สนุกมากกับมอเตอร์ไซค์ ขี่เร็วมากในเมืองผมก็ใส่ไปเลยครับ 100 ซ่ามากตอนนั้น แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ผมอยากได้หมวกกันน็อกใหม่ แต่ฝนตกหนักมาก แต่ด้วยความอยากได้มาก ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาซื้อ ตัวชุ่มกลับบ้านไปได้หมวกกันน็อกใหม่มาใบหนึ่ง แล้วพอตอนเย็นก็ไปซ้อมกีฬาสี
ซ้อมเสร็จก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านมากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ผมขี่ความเร็วประมาณ 90 แล้วฝนก็ตกพรำ ๆ ก็เห็นหมาฝูงหนึ่งบนถนน ก็ชะลอเพื่อจะหลบเขา ก็พอเห็นแล้วว่าเขาหลบเราไป เราก็เลยบิดใส่เต็มที่เลย แต่ในจังหวะนั้นหมาดันเดินถอยหลัง ผมก็พุ่งไปพอดีก็ชนเลย แล้วตัวผมลอย เป็นคนไทยบินได้เลยตอนนั้น ตกลงมาหัวฟาดพื้น รู้สึกได้เลยว่าหัวครูดไปกับถนน พอหยุดปุ๊บหมวกกันน็อกก็กระเด็นแตกออกไปเลย คือบอกเลยว่าถ้าไม่มีหมวกกันน็อกวันนั้นหน้าผมพังแน่นอน แต่โชคดีที่ไม่เจ็บตัวอะไรมากนะวันนั้น ยังไม่หมดนะครับยังมีอีก 2 เดือนต่อมา แผลเพิ่งหายดี เราก็ยังขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนเดิมบิดไปความเร็ว 90 หลบซ้ายหลบขวาตามถนนในเมือง แล้วในเส้นทางมีก่อสร้างก็มีทรายกองอยู่ข้างถนน แล้วจังหวะนั้นมีรถตู้เบียดเข้ามาผมก็หลบแบบเร็วมาก แล้วบังคับรถไม่อยู่เพราะว่ามันลื่นและมีทรายผมก็ล้มลงไปพร้อมกับรถ ไถลไปยาวมาก ขาเป็นแผลจากใต้เข่าจนถึงข้อเท้าเลย เดินไม่ได้ไปหลายวัน แล้ววันที่ล้มก็ไม่กล้าไปหาหมอกลัวพ่อด่า ก็แอบทายาไม่ให้พ่อแม่รู้ แต่มันเจ็บขามากนอนไม่หลับ เลือดเต็มที่นอนเลย น้ำตาไหลเจ็บมากตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอเลยนะ ก็รักษาเองจนหาย (หัวเราะ) พอมาย้อนคิดดูวันนี้ก็รู้ว่าโชคดีมากที่ไม่ติดเชื้อ เพราะตอนนั้นก็ยังเด็กมาก แล้วจากอุบัติเหตุครั้งนั้นก็เป็นแผลเป็นทั้งขาเลยครับ แต่พอโตก็บางลงเยอะ ก็อยากจะบอกทุกคนนะครับว่า ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์ก็อย่าขี่เร็วนะครับ มันจะทำให้เราตายไวมากจริง ๆ และหมวกกันน็อกก็สำคัญนะครับ อย่าลืมใส่เป็นอันขาด”
|
|
|
|
คำถาม |
จากหนุ่มนักซิ่งมาขอถามเรื่องสาว ๆ บ้าง มีข่าวว่ามีคนที่เราคุย ๆ อยู่จริงหรือเปล่า?
|
เจมส์ |
“ที่เป็นข่าว ก็มีที่รู้จักกันและไม่รู้จักกันครับ กับกวางที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้เรารู้จักตอนที่ถ่ายหนังเรื่อง “แวร์ อิส เลิฟ” โปรโมตจังหวัดพิษณุโลก แล้วรูปที่ออกมาก็เป็นรูปเก่าปีกว่าแล้วครับ อีกอย่างตอนนั้นผมว่าเรายังเด็กมาก ก็ไม่ได้คิดเรื่องสานสัมพันธ์อะไร”
|
คำถาม
|
พอมีข่าวออกมาทำให้เรากดดันไหม ว่าทำอะไรต้องระวังตัว?
|
เจมส์
|
“ไม่ครับ เพราะว่าบางทีมันก็เป็นเรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้าง ผมก็ใช้ชีวิตปกติครับ”
|
คำถาม
|
จบเรื่องสาว ๆ มาถามเรื่องงานบ้าง ตอนนี้ เจมส์วางไว้ไหม ว่าจะไปถึงไหนในวงการนี้?
|
เจมส์
|
“ไม่ได้แพลนเลยครับ คือมีโอกาสได้มาทำงานแล้ว ก็อยากไปทำไปเรื่อย ๆ เพราะว่าอยากจะเอาเงินไปเลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่บ้าง คือเขาบ่น ๆ ว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี เสื้อผ้าขายไม่ดีแล้ว ผมได้ยินก็เลยอยากจะช่วยเขาบ้าง ก็เลยคิดว่าอยากจะเก็บเงินแล้วซื้อบ้าน แล้วเอาพ่อแม่มาอยู่ด้วย” |
|
คำถาม |
อย่างนี้เงินก้อนแรกที่ได้มา เจมส์ เอาให้แม่หรือเปล่า?
|
เจมส์ |
“ครับ เงินก้อนแรกที่เล่นหนังตอนนั้น ได้มาก็เอาให้แม่ ตอนนี้ก็ได้เงินมาก็ให้แม่เก็บให้ด้วยครับ เพราะว่ามันมีเรื่องราว (หัวเราะ) คือพอมาอยู่กับพี่ปิ๊ก ชาญฉลาด ผู้จัดการส่วนตัวผมมีโอกาสได้เซ็นสัญญากับช่อง 3 แล้วก็เล่นละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายพุฒิภัทร แล้วมีอยู่วันหนึ่งไปรายการของช่อง 3 พอเสร็จงานเขาก็ให้เงินมาก้อนหนึ่ง เป็นเงินค่าตัวรวมเล่นละคร 10 ตอนแรกเป็นจำนวน 2 แสนบาท ผมดีใจมากมีเงินสองแสนอยู่ในมือเพราะว่าตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ไม่ค่อยให้ของเล่นอะไรกับผม เราอยากได้อะไรก็ต้องขอนานมาก มือถือสักเครื่อง หรือว่าคอมพิวเตอร์ใหม่ ก็ขอนาน 3-4 ปีได้ที พอได้เงินปุ๊บดีใจมาก มันเหมือนคนถูกหวย ซื้อโน่นซื้อนี่ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ผมใช้เงินหมดภายใน 3 อาทิตย์ คือแบบวันนั้นกินหรูเลย ซื้อเสื้อผ้าแพง ๆ จากเมื่อก่อนซื้อเสื้อตัวละ 700 ผมก็ว่าแพงแล้วนะ แต่วันนั้นซื้อเสื้อตัวละ 3,000 แล้วก็ซื้อไอแพด ซื้อคอมพิวเตอร์เสร็จปุ๊บเงินหมด คือผมรู้สึกว่าเราหาเงินได้แล้วเราจะไม่ขอเงินพ่อเงินแม่แล้ว แต่ปรากฏว่าเงินหมดแล้วจะทำยังไงดี แล้วแม่ก็ซื้อรถให้ผมใช้ไว้ขับไปเรียน ไปทำงาน แต่เงินเรากลับใช้ไปหมดแล้ว เหลือแต่เงินเดือนที่ทางช่องให้ เติมน้ำมันก็หมดแล้ว
ตอนนั้นเริ่มคิดเลยว่า ไม่น่าใช้เงินฟุ่มเฟือยเลยเรา คือมันตื่นเต้นกับเงิน อย่างที่บอกเหมือนคนถูกหวยตอนใช้ไม่คิด มาคิดได้ตอนหลัง ตอนที่ไม่มีเงินใช้ แล้วอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ตอนนั้นเหลือเงินอยู่ 700 บาท คิดดูนะครับ เงินจะเติมน้ำมันรถก็ไม่มีต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ ไปขึ้นรถไฟฟ้า แค่ค่ารถก็หมดแล้ว เรื่องกินไม่ต้องพูดถึง บะหมี่สำเร็จรูปตลอดครับช่วงนั้น แต่ผมว่าดีนะที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นครับ มันทำให้เรารู้ว่าเราควรมีสติในการใช้เงิน ตอนนี้ได้เงินมาเท่าไรก็ให้แม่เก็บเลยครับ แล้วก็บริหารเงินเก่งขึ้น ไม่วู่วามแล้ว ควรเก็บเงินไว้ในบัญชีบ้าง”
|
|
|
|
|
รู้ประวัติหนุ่มเจมส์ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการมาก็เยอะแล้ว ครั้งนี้ได้อ่านบทสัมภาษณ์ชีวิตวัยเด็กแบบมัน ๆ อีกมุมนึงก็น่ารักไปอีกแบบ อ่านแล้วก็รู้เลยว่าเพราะอะไรหนุ่มเจมส์-จิรายุ ถึงได้เป็นขวัญใจแฟน ๆ เพียงชั่วข้ามคืน อย่าลืมรักหนุ่มเจมส์มากและก็รักไปนาน ๆ ด้วยนะจ๊ะ.
|
|
|
|
|
|
|
* ดูประวัติ
เจมส์ - จิรายุ ตั้งศรีสุข
* ดูอัลบั้ม เจมส์ - จิรายุ ตั้งศรีสุข