ตอนที่ผมพัฒนาบทเรื่องนี้ พี่เก้งกำลังตัดต่อหนัง Suck Seed กับผู้กำกับ แล้วเขาก็บอกว่า “ผมรู้สึกอะไรบางอย่างก็ไม่รู้ ว่าพีชมันเหมาะกับหนังของย้งว่ะ!” ตอนนั้นผมยังติดอยู่ในใจลึก ๆ ว่าบ้านพีชมันสมบูรณ์พร้อม แล้วมันจะเข้าใจความเป็นดราม่าของหนังเรื่องนี้หรือเปล่า ชีวิตมันไม่ได้ผ่านอะไรมา มันจะเล่นดราม่าได้ไม่เข้าถึง ผมก็จะกลัว จะกึ่ง ๆ ปฏิเสธพี่เก้งไปก่อน ผมไม่แน่ใจ ขอลองแคสต์ใหม่ดีกว่า แต่ผมก็เก็บมันไว้ในใจ
ตอนที่ผมไปดูหนังเรื่อง Suck Seed ผมรู้สึกชอบเด็กคนนี้อย่างนึงตรงที่ว่า มันเป็นเด็กที่กระโดดเข้าหาทุกอย่าง ไม่กลัวเจ็บ จะทำอะไรก็กล้าที่จะกระโจนเข้าหา ผมรู้สึกว่านี่แหละคือนักแสดงที่ดี แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะกลวง ๆ หรือเปล่า? จนกระทั่งผมทำแคสต์ไป 5 เดือน หาตัวพระเอกนี่แหละ ทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า นักแสดง เซเลปฯ แล้วมันแปลกตรงที่ว่า ปกติเวลาผมทำแคสติ้งหนังเรื่องไหนก็ตาม ยิ่งหาก็ยิ่งจะเจอคนที่ใช่น่ะ แต่กับหนังเรื่องนี้ ยิ่งหาก็ยิ่งไม่ใช่ ๆ ๆ น่ะ แล้วยิ่งรู้สึกว่า คนที่พี่เก้งพูดถึงคนแรกมันใช่ที่สุด การเจอคนใหม่ ๆ จากการทำแคสต์สำหรับผมเนี่ย มันยิ่งยืนยันว่า พีชมันใช่ที่สุด
วันที่ตัดสินใจว่าอยากได้พี ชมาเล่นก็เป็นวันท้าย ๆ มากแล้ว น้องจะเปิดเรียนอยู่แล้ว ฝ่ายโปรดักชั่นก็ถามว่า “มาบอกอะไรตอนนี้? มันจะเล่นหรือไม่เล่นก็ไม่รู้นะ! ไม่ติดต่อมันไว้ก่อน” แต่พอเข้าไปคุยกับมัน เรียกมาลงเทป มันก็บอกว่าบทยาก ไม่แน่ใจว่าจะเล่นได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่มันอินก็คือ ประเด็นความขัดแย้งของลูกชายกับพ่อ มันก็มีเหมือนกัน มันรู้สึกว่ามันเข้าใจ มันน่าจะทำได้ มันอยากเล่น กับมีอีกอันนึงที่มันบอกกับแม่ แล้วแม่มันมาเล่าให้ผมฟังว่ามันบอกว่า “พี่ย้งแม่งยากดีว่ะ! ทำงานด้วยยาก ถ้ามันผ่านพี่ย้งไปได้มันน่าจะโอเค ท้าทายดี!” ด้วยความคิดนี้ของมันสำหรับผมน่ะเหมือนต๊อบ คือไม่กลัวที่จะเจออะไรยาก ๆ ผมก็เลยเลือกมา |